Friday, August 25, 2006

Culture of Fear

...

กาลครั้งหนึ่งในประเทศสารขัณฑ์ มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยพนักงานที่เกียจคร้าน อู้งาน วันๆ ไม่ยอมตั้งใจทำงาน บางคนเปิดโปรแกรม BitTorrent แล้วนั่งรอดาวน์โหลดไฟล์หนังทั้งเรื่อง หรือไม่ก็พวกเพลง mp3 บางคนเปิดเว็บทีวีสตรีมมิ่ง นั่งดูรายการทีวีไปเรื่อยๆ บางคนนั่งแชต MSN ทั้งวัน มีบางคน ถึงกับเอาแผ่นดีวีดีมาเปิดดูที่โต๊ะทำงานเลยด้วยซ้ำ พวกเขาใช้ชีวิตในที่ทำงานเช่นนี้เรื่อยมาหลายปี อยู่มาวันหนึ่ง มีพนักงานคนใหม่มานั่งทำงานอยู่ตรงมุมห้อง ในตำแหน่งช่างคอมพิวเตอร์ประจำออฟฟิศ เขาประกาศบอกทุกคนว่าจะมาช่วยซ่อมคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง และเขาจะวางระบบคอมพ์ใหม่ให้ใช้งานกันได้สะดวกรวดเร็วขึ้น พนักงานที่เกียจคร้านส่วนใหญ่ไม่มีใครสนใจฟังที่เขาบอก ทุกคนยังคงอู้งานและนั่งเล่นกันต่อไป โดยคาดหวังว่าจะไม่มีใครมายุ่มย่ามกับเครื่องคอมพ์ของตน หลังจากนั้นไม่นาน เครื่องคอมพ์บางส่วนในออฟฟิศเกิดติดไวรัส และไวรัสแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ตามเครือข่าย LAN ภายใน พนักงานที่เกียจคร้านต่างร้องแรกแหกกระเชอ แตกตื่นกับภัยร้ายที่คืบคลานเข้ามาในเครื่องคอมพ์ของตน พวกเขาไม่ได้ห่วงว่าจะทำให้เครื่องเสียแล้วทำงานกันไม่ได้หรอก พวกเขาห่วงว่าตนเองจะเอาเครื่องคอมพ์ไปเล่นเหลวไหลไม่ได้ บางคนห่วงไฟล์ BitTorrent ที่โหลดค้างไว้ บางคนห่วงว่าจะไม่ได้ดูรายการทีวีประจำของตน บางคนห่วงว่าจะไม่ได้เจอหญิงสาวสุดสวยใน MSN อีกต่อไป จังหวะนี้เองที่พนักงานที่เกียจคร้านทั้งหลายหันไปหาพนักงานคนใหม่ ที่เป็นช่างคอมพิวเตอร์ เขาขอร้องให้ช่างคอมพ์มาซ่อมเครื่องของพวกเขาให้หน่อย ช่างคอมพ์นำแผ่นดิสก์ที่ภายในมีซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส ไปจัดการแก้ไขปัญหาให้กับทุกเครื่อง

พนักงานที่เกียจคร้านทุกคนดีใจที่เครื่องคอมพ์ของตนกลับมาดีเหมือนเดิม และยกย่องให้ช่างคอมพ์คนนี้เป็นวีรบุรุษของพวกเขา ถึงตอนนี้ ทุกคนใส่ใจและสนใจรับฟังทุกอย่างที่ช่างคอมพ์คนนี้จะบอกแล้ว ช่างคอมพ์จึงลุกขึ้นกลางห้องแล้วประกาศด้วยเสียงกึกก้อง ว่าไวรัสร้ายที่เพิ่งกำจัดไปได้นั้น แพร่มาทางอินเตอร์เน็ต คงมีพนักงานบางคนที่ไปดาวน์โหลดไฟล์อะไรมาลงเครื่อง แล้วทำให้เครื่องนั้นติดไวรัส แล้วไวรัสนั้นก็แพร่ตัวเองไปยังเครื่องอื่นๆ ผ่านทาง LAN ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นต่อไปนี้ เพื่อความปลอดภัยของเครื่องคอมพ์ทุกเครื่อง จำเป็นต้องฟอร์แมตเครื่องคอมพ์ทุกเครื่องใหม่หมด และเขาจะลงโปรแกรมเฉพาะที่จำเป็นต่อการทำงานเท่านั้น ขอให้พนักงานทุกคนเลิกใช้ BitTorrent เลิกเล่น MSN เลิกเอาแผ่นซีดีอื่นๆ มาเปิด และเลิกเข้าไปในเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานอีกเลย พนักงานที่เกียจคร้านทั้งหลาย เชื่อฟังช่างคอมพ์ และปล่อยให้ช่างคอมพ์มาจัดการกับเครื่องของตนอย่างว่าง่าย เพราะว่ากลัวไวรัสที่น่ากลัวนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขา หลังจากนั้นมา พนักงานทุกคนก็ไม่ได้อู้งาน และเล่นอินเตอร์เน็ตในระหว่างเวลาทำงานอีกเลย แล้วทุกคนในบริษัทนั้น ทั้งเจ้าของบริษัท ทั้งพนักงาน และช่างคอมพ์คนนั้น ก็ทำงานกันไปอย่างนั้น โดยทุกคนคิดว่าจะมีความสุขไปตลอดกาลนาน

หลังจากนั้นมาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ ในประเทศสารขัณฑ์ก็เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง มีรถยนต์ขนระเบิด TNT ร้ายแรงมาวางไว้กลางเมือง ตรงเส้นทางการเดินทางของนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ โชคดีอยู่หน่อยตรงที่ตำรวจเข้ามาจัดการยับยั้งระเบิดนั้นได้ทันเวลา มันยังไม่ทันได้ระเบิด และนายกรัฐมนตรีก็ยังปลอดภัยดีอยู่ ก่อนหน้านี้มาเกือบปี ประเทศสารขัณฑ์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ทางการเมืองที่อึมครึมมาตลอด เพราะรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีถูกต่อต้านโดยประชาชนกลุ่มหนึ่ง โดยถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่น และประพฤติตัวเหมือนเผด็จการ สถานการณ์นี้ลุกลามไปสู่การเดินขบวนประท้วง และเกิดเหตุร้ายๆ ขึ้นเนืองๆ จนท้ายที่สุด ประเทศแตกออกเป็นสองเสี่ยง ชาวสารขัณฑ์แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน และมาฆ่าแกงกันอย่างไร้ความปราณี ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีสถานภาพแย่ลงเรื่อยๆ และกำลังจะเพลี่ยงพล้ำให้กับนักการเมืองฝ่ายค้าน ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ร้าย การวางระเบิดครั้งนี้แหละ ทำให้ชาวสารขัณฑ์อกสั่นขวัญแขวน หนังสือพิมพ์ทุกเล่มนำข่าวนี้ไปพาดหน้าหนึ่งติดกันเป็นอาทิตย์ โทรทัศน์และวิทยุทุกช่องเสนอข่าวเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ระเบิดนั้นร้ายแรงมาก มีความสามารถทำลายล้างทุกอย่างในรัศมี 1 กิโลเมตร ซึ่งหมายถึงคนที่ขับรถไปมาแถวนั้นทั้งหมด โรงเรียน โรงพยาบาล และบ้านเรือนประชาชนหลายร้อยครอบครัว

ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลออกมาระบุว่ารัฐบาลเป็นผู้วางระเบิดเอง เพื่อจัดฉากให้ตัวเองดูน่าสงสาร และเพื่อแสดงให้เห็นว่าการต่อต้านรัฐบาลกำลังจะเข้าไปสู่จุดที่รุนแรงมากเกินไปแล้ว ฝ่ายรัฐบาลก็ออกมาระบุว่าเป็นฝีมือของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนั่นแหละ บ้าบอคอแตกกันไปใหญ่แล้วพวกนั้น ต่อมาก็นายตำรวจคนหนึ่งออกมาให้สัมภาษณ์ออกทีวี ด้วยน้ำเสียงดังกังวาล ว่าต่อไปนี้ขอให้ประชาชนทุกคน ทุกฝ่าย ขอย้ำนะครับว่าทุกฝ่าย ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน พันธมิตร จงหยุดความเคลื่อนไหวทั้งหมดที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง และอย่าวิพากษ์วิจารณ์กรณีเหตุลอบวางระเบิดนี้ เพราะตำรวจกำลังเร่งสืบสวนสอบสวนคดีนี้อย่างเร่งด่วน ขอให้ทุกคนรอฟังผลการทำงานของตำรวจ และรอให้ศาลเป็นคนตัดสินเรื่องนี้ทั้งหมด ขอย้ำนะครับ ว่าทุกฝ่ายต้องหยุดและอย่าวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้นไปกว่านี้ ด้วยความหวาดกลัวการวางระเบิด และเกรงเหตุการณ์ร้ายที่อาจจะลุกลามไปมากกว่านี้ ชาวสารขัณฑ์ทุกคนจึงหยุดพักการทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าออกมาด่ากันแบบเป็นเรื่องเป็นราวแบบเดิมอีกต่อไป แล้วทุกคนในประเทศสารขัณฑ์ ทั้งรัฐบาล ทั้งฝ่ายค้าน และทั้งพันธมิตร ก็ทนอยู่ร่วมกันไปอย่างนั้น โดยทุกคนคิดว่าจะมีความสุขไปตลอดกาลนาน เช่นเดียวกับพนักงานที่เกียจคร้านเหล่านั้น ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในประเทศสารขัณฑ์แห่งนี้

...

3 comments:

Anonymous said...

I have the right to my fear...like you gotta look fear into the eyes in order to overcome it

ว่าแต่นี่ blog เหรอ ยาวซะขนาดนี้ หนูว่าถ้าเขียนบล็อคได้ตังค์ พี่ก็คงรวยไปแล้วล่ะ ขยันมาก เอ่อเรื่องศ.ออมานน์ไม่เป็นไรหรอกนะคะ ยังไงก็ได้พี่ ไม่แทรกแซงสื่อ พี่ลองไปอ่านในเว็บประชาไทสิ ตรงรายงานพิเศษนะ ชอบมาก ด่าเจ็บแสบ ลองดูคอมเม้นท์หลายๆ อันสิ เพื่อจะเอาไปประกอบการเขียนได้ ที่ www.prachatai.com

บล็อคพี่มันยาวอ่ะ ขี้เกียจอ่าน ไว้พิมพ์รวมเล่มก็ขอหนูด้วยนะ หรือไม่ก็จะมาอ่านเฉพาะตอนที่สนใจ หรือถ้าพี่เขียนถึงหนู ก็ช่วยบอกเอนทรี่มาด้วยนะ haha ไปละ มีคำถามด้วย ทำไมพี่ต้องหมกมุ่นเรื่องเหงาๆ นี่ด้วยอะ ชื่อบล็อคแบบว่า...นะคะ แต่ไง blog อันนี้มันก็ดูเรียบๆ ดีนะ ดีละ

Anonymous said...

สังเกตดูข่าว ทีวีในช่วงนี้กันเปล่า เต็มไปด้วยข่าวที่เน้นย้ำถึงความน่ากลัวของคาร์บอมบ์คราวนี้ ว่ามันของจริง แรงจริง พร้อมใช้จริง อธิบายความร้ายแรง รายละเอียด และการทำงานของระเบิด มันเป็นการปกครองคนด้วยความกลัวจริง ๆ ปล. จขบ.อยู่ข้างไหน อยากรู้

Anonymous said...

พี่ครับเรายังสามารถเล่น MSN, โหลดไฟล์จาก Bit Torrent, ฟังเพลง และดูหนังได้ ถ้าเราลง AntiVirus Program เพิ่มเติมครับ อิ อิ