Sunday, July 29, 2007

Long Way Home

...

ภาพสมุดโน้ตสำหรับเขียนร่างบทความเรื่อง "เมืองหลวง" ลงในคอลัมน์ "สุนทรียะแห่งความเหงา" สำหรับนิตยสาร GM ฉบับเดือนสิงหาคม 2550 (ยังไม่วางแผง) เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นโดยมีเค้าโครงจากเหตุการณ์จริง ซึ่งเกิดขึ้นในตอนเย็นวันหนึ่ง อ่านเรื่องราวในเหตุการณ์จริงได้จากบล็อก http://theaestheticsofloneliness.blogspot.com/2007/07/blog-post_23.html ผมนำแนวความคิดและแรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้นที่เก่ามากเรื่องหนึ่ง ของ วาณิช จรุงกิจอนันต์ นำมาปรับให้ทันสมัยขึ้น เพื่อให้สามารถสะท้อนภาพของสังคมในปัจจุบัน


(คลิกเพื่อดูภาพขยาย)

...

Lonely Music

...

ภาพสมุดโน้ตสำหรับเขียนร่างบทความเรื่อง "เหตุเกิดจากความเหงา" ลงในคอลัมน์ "สุนทรียะแห่งความเหงา" สำหรับนิตยสาร GM ฉบับเดือนกรกฎาคม 2550 เป็นความพยายามวิเคราะห์วาทกรรมความเหงา ที่ปรากฏให้เห็นชัดและบ่อยในเพลงไทยปัจจุบัน รวมไปถึงป๊อปคัลเจอร์อีกมากมายรอบตัวเรา เล่าผ่านเรื่องราวในช่วงเวลาก่อนเข้านอนตอนกลางดึก ภาพตัวการ์ตูนคนนั่งกอดเข่า วาดตามแบบที่เห็นจากหนังสือออกแบบกราฟิกเล่มหนึ่ง ในร้านคิโนะคุนิยะ สาขาพารากอน ภาพเครื่องเสียงนั่นคือเครื่องมินิคอมโปเนนท์ยี่ห้อฟิลลิปส์ ในห้องนอนของผมเอง


(คลิกเพื่อดูภาพขยาย)

...

Morning Coffee

...

ภาพสมุดโน้ตที่ผมใช้บันทึกความคิดแบบร่างคร่าวๆ เพื่อการเขียนบทความเรื่อง "มนุษย์ถูกสาปให้มีเสรีภาพ" ลงในคอลัมน์ "สุนทรียะแห่งความเหงา" สำหรับนิตยสาร GM ฉบับเดือนมิถุนายน 2550 เรื่องราวบรรยายถึงช่วงเวลาเช้าของวันที่ผมลาออกจากงาน ผมตื่นขึ้นมาแล้วชงกาแฟกินตามกิจวัตร โดยแบ่งเรื่องออกเป็น 4 ลำดับขั้น ไล่ตั้งแต่เริ่มชงกาแฟ นำมานั่งกินหน้าจอทีวี ไปจนถึงกาแฟหมดแก้ว แต่ละขั้นดำเนินไปพร้อมกับความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัว
(คลิกเพื่อดูภาพขยาย)
...

Monday, July 23, 2007

คำถามที่ต้องตอบ

...

หลายปีก่อน ผมอ่านเรื่องสั้นของวาณิช จรุงกิจอนันต์ เรื่องหนึ่ง ขอโทษที่จำชื่อเรื่องไม่ได้ มันรวมอยู่ในหนังสือ "ซอยเดียวกัน" เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนรถเมล์ตอนเช้าวันฝนตก ที่รถติดแบบไม่ขยับ และบนรถเมล์ก็ร้อนอบอ้าวเบียดเสียด เรื่องเล่าผ่านสายตาตัวเอกของเรื่อง ว่าเขาได้ยินใครสักคนบนรถเมล์ร้องเพลงลูกทุ่งขึ้นมา เนื้อเพลงพรรณนาถึงบรรยากาศท้องทุ่ง กลิ่นดิน กลิ่นฝน และความสุขสงบของชนบท เสียงเพลงนี้ช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ท่ามกลางโลกแห่งความจริงบนรถเมล์ที่ทุกคนต่างต้องทนทรมานราวกับกำลังอยู่ในนรก

เมื่อกี้ผมนั่งรถปอ.5 กลับมาจากพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ถึงเย็นวันนี้ฝนจะไม่ตก แต่รถก็ติดวินาศสันตะโรตามปกติของแถวนั้น ผู้โดยสารยืนเบียดกันมาตลอดทาง ตั้งแต่ประตูน้ำจนถึงศรีย่าน จึงจะค่อยมีเก้าอี้ว่างให้นั่งได้บ้าง พอหย่อนก้นลงได้สักพัก ก็เพิ่งสังเกตว่าคนขับรถเมล์เปิดวิทยุไว้ด้วย รายการวิทยุก็เปิดเพลงคำถามที่ต้องตอบ ของ อ็อฟ ปองศักดิ์ (จริงๆ ผมไม่รู้หรอกว่าชื่อเพลงอะไร แค่เคยได้ยินบ่อยๆ เมื่อกี้เพิ่งจะถามชื่อเพลงและคนร้องจากน้อง)

... แต่ก่อนมีเธอใกล้ๆ สุขใจแค่ไหน แต่ก่อนรักกันยังไง เธอกับฉันพบกันที่ไหน ...

เพลงเพราะโคตรๆ ผมนั่งเอนหลังตากแอร์ แล้วหลับตาเคลิ้มๆ เหมือนกับจะหลับ แล้วรู้สึกว่าได้ยินเสียงใครสักคน กำลังร้องตามเพลงนี้อย่างได้อารมณ์

... ถ้าหากเค้าถามว่า รักเธอมากแค่ไหน คือสิ่งที่ฉันอยากตอบ วันที่เธอเลิกไปฉันไม่อยากจำ ...

ผมพยายามเงี่ยหูฟัง และมั่นใจจริงๆ ว่าไม่ใช่เสียงจากในวิทยุ แต่เป็นเสียงคนร้องจริงๆ เป็นเสียงของผู้หญิงครับ ใครสักคนที่นั่งอยู่เบาะถัดไปทางด้านท้ายรถ กำลังร้องคลอตามเพลงนี้แบบอินสุดๆ ความคิดแว่บแรก ผมอยากจะหันไปดูว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงได้กล้าหาญชาญชัย ร้องเพลงกลางรถปอ.5 ได้แบบนี้ แต่ความคิดอีกแว่บหนึ่ง ทำให้ผมไม่ได้หันไปมองเธอ เพราะกลัวว่าจะเป็นการขัดจังหวะ และทำให้เธออาย ผมอยากฟังเสียงเธอร้องต่อไป เธอร้องได้เพลงจริงๆ ผมยิ้ม และรู้สึกสัมผัสได้ถึงความสุข ความตื้นตันมันวูบขึ้นมาจนเกือบจะน้ำตาไหล และนึกไปถึงเรื่องสั้นของวาณิช จรุงกิจอนันต์ อย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่แรก

ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยฟังเพลงอะไรที่ไพเราะแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่หกโมงครึ่งที่ขึ้นรถเมล์ กว่าจะกลับถึงบ้านตรงถนนกรุงเทพนนท์ฯ กินเวลาเกือบสองชั่วโมง ผมไม่เคยนั่งรถเมล์แล้วมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย

เรื่องนี้ประทับใจผมมากนะ และอาจจะเอาไปเขียนเป็นบทความสำหรับ GM ในเดือนหน้า

...

Sunday, July 22, 2007

ซอสมะเขือเทศ

...

พักหลังๆ มานี้ผมค่อนข้างขี้เกียจอัพบล็อก เพราะหมดแรงและไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจอะไรใหม่ๆ แต่วันนี้เจอเจ้าสิ่งนี้เข้าตอนเก้าโมงเช้า เลยอดรนทนไม่ไหว คว้ากล้องขึ้นมาถ่าย แล้วมาบ่นให้ฟังกันสักหน่อย ไม่ได้ชอบเขียนวิจารณ์ร้านอาหารนะครับ แต่อยากเขียนวิจารณ์สังคมมากกว่า ดูซอสมะเขือเทศสมัยนี้สิ ว่ามันประกอบด้วยอะไรบ้าง

(คลิกเพื่อดูรูปขยาย)

มะเขือเทศบดเข้มข้น 18% น้ำตาล 17% น้ำส้มสายชูกลั่น 6% น้ำเชื่อมกลูโคส 4% เกลือ 2% ยังดีที่ไม่ใช้วัตถุกันเสีย แต่เอ๊ะ! ... บวกๆ กันแล้วมัน 47% เองนี่ แล้วอีกมากกว่า 50% ที่เหลือมันคืออะไร? ซอสมะเขือเทศที่แทบจะไม่มีส่วนผสมที่เป็นมะเขือเทศ ทุกวันนี้เราจ่ายเงินร้อยกว่าบาทต่อมื้อ เพื่อซื้ออะไรมากินกันแน่

...