Sunday, August 06, 2006

ข้าวหมูแดง

...

วันนี้เป็นวันอาทิตย์แรกในรอบหลายเดือน ที่ผมออกไปนอกบ้าน แทนที่จะนอนเกาสะดือดูวีซีดีเหมือนปกติ เพราะมันมีงานซ้อมรับปริญญาที่ธรรมศาสตร์ วันซ้อมใหญ่ จริงๆ ผมเองก็เพิ่งเรียนจบ และต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรปีนี้แหละครับ แต่เขียนใบสละสิทธิ์ไปแล้ว เพราะไม่ค่อยว่าง และไม่ชอบพวกขั้นตอนวุ่นวาย แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่ตามมาอีกบานเบอะ คิดว่าเดี๋ยวไว้ไปรับใบปริญญาจากสำนักทะเบียนเลย ง่ายดี แต่วันนี้มีเหตุที่ต้องไปงานซ้อม ก็เพราะมีเพื่อนร่วมรุ่นที่เพิ่งจบกันเหมือนหลายคน น่าจะโผล่ไปถ่ายรูปกับเขาหน่อย วันนี้ทุกคนใส่ครุยเต็มยศ เผื่อวันรับจริงผมอาจจะไม่ว่างไป และคุณแฟนก็ขอให้ไปช่วยถ่ายรูปให้เขาด้วย เลยสะพายกล้องออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าสาย ... แต่เดี๋ยวก่อน! ... บล้อกที่จะเขียนวันนี้ ไม่ได้จะบ่นเรื่องความไร้สาระของงานรับปริญญา หรือจะวิพากษ์ระบบการศึกษาไทย อะไรแนวนั้นหรอกนะ วันนี้วันอาทิตย์ ผมไม่อยากเคร่งเครียดนักหรอก ผมอยากเขียนถึงข้าวหมูแดงต่างหาก ผมมีเรื่องข้าวหมูแดงจะเล่าให้ฟัง 2 เรื่อง เริ่มต้นเรื่องแรก คือวันนี้ตอนใกล้เที่ยงก็หิวข้าวกันแล้ว พวกเราเลยเดินออกไปทางประตูท่าพระจันทร์เพื่อหาอะไรกิน คนท่วมท่าพระจันทร์อย่างที่คาด ร้านข้าวทุกร้านแน่นหมด เพื่อนคนนึงนึกร้านเด็ดขึ้นมาได้ เลยพาพวกเราไปกินข้าวหมูแดงร้านเก่าแก่ อยู่ตรงข้ามกับประตูศิลปากร เราก็สั่งข้าวหมูแดงมากินกันคนละจาน เรื่องข้าวหมูแดงเรื่องแรกนี้ จะโฟกัสอยู่ที่วิธีการกินหน่ะครับ คุณสังเกตตัวเองหรือเปล่า เวลาที่ได้จานข้าวหมูแดงมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ตอนจะลงมือกิน คุณคลุกข้าวกับน้ำราดให้ทั่วกันทั้งจานก่อนจะกิน หรือว่าคุณตักกินเลยโดยไม่คลุก ผมลองเหลือบมองไปที่จานคนอื่น ที่โต๊ะอื่นๆ ก็ได้ข้อสรุปว่าคนเรานี่มีวิธีการกินข้าวหมูแดง 2 แบบนี้แหละ เป็นหลักๆ และจำนวนที่พบก็เท่าๆ กัน วิธีการกิน 2 แบบนี้มันสะท้อนอะไรหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ แค่อยากจะเสนอไอเดียไว้ตรงนี้ ว่าการกินแบบคลุกก่อน จะทำให้น้ำราดผสมกับข้าวแบบทั่วถึง ทั้งจานนั้นจะมีรสชาติเท่ากัน คนที่กินแบบนี้ ก็จะได้รสชาติเหมือนกันทุกคำ ทำให้เขาสามารถกินข้าวหมูแดงได้หมดทั้งจาน ในขณะที่แบบตักกินเลย ส่วนผสมต่างๆ ในจาน ทั้งข้าว หมูแดง หมูกรอบ น้ำราด แตงกวา จะยังคงแยกกันอยู่ การกินแต่ละคำ รสชาติก็จะเปลี่ยนแปลงไปตลอด บางคำเค็ม บางคำจืด บางคำมีหมู บางคำไม่มีหมู คนที่กินวิธีนี้ จะสามารถเลือกได้ตลอดเวลาที่กิน ว่าเขาจะกินอะไร ไม่กินอะไร กินอะไรเยอะ กินอะไรน้อย ซึ่งผมก็กินวิธีนี้แหละครับ และในที่สุดแล้ว ก็มีแนวโน้มว่าเหลือข้าวเปล่ากองอยู่ข้างจาน ในตอนจบมื้ออาหาร ผมมองไปที่โต๊ะข้างๆ เจอคนจีนแก่ๆ ประมาณอาแปะๆ สั่งข้าวหมูแดงมากิน คุณว่าเขากินแบบไหนหล่ะ? เฉลยเลยก็ได้ว่าเขากินแบบคลุกข้าวก่อน อีกโต๊ะหนึ่งมีผู้หญิงแก่ๆ มากับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เมื่อจานข้าวหมูแดงของเด็กมาวางบนโต๊ะ เธอก็จัดการคลุกข้าวให้เด็กก่อนที่เด็กจะลงมือกิน คุณพอจะเก็ตไอเดียที่ผมกำลังเสนออยู่นี้ไหม? เรื่องข้าวหมูแดงเรื่องที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ผมนัดน้องคนหนึ่ง ไปทำธุระกันแถวซอยอารีย์ ระหว่างรอน้องที่มาสายเหลือเกิน ผมก็หาอะไรรองท้องเป็นมื้อเช้า ไปเจอร้านข้าวหมูแดงร้านหนึ่งใกล้ๆ ปากซอย อยู่ตรงข้ามกับวินมอเตอร์ไซค์ ก็เข้าไปนั่งกิน ข้าวหมูแดงร้านนี้จานละ 35 บาทครับ ร้านตึกแถวธรรมดานะ ไม่ติดแอร์ ไม่ใช่ศูนย์อาหาร ทำไมมันแพงแบบนี้วะ กินเสร็จก็จ่ายตังค์ แล้วเดินออกมารอต่อ จนกระทั่งน้องมาถึง เธอบอกว่าเดี๋ยวขอซื้อข้าวหมูแดงก่อนนะพี่ เธอก็เดินไปซื้อที่ร้านนี้แหละ เธอบอกว่าร้านนี้อร่อยที่สุด ร้านอื่นของปลอม ถ้ามาซอยอารีย์ต้องกินร้านนี้ ผมก็เออออห่อหมกไป มันก็อร่อยจริงๆ แหละ หมูแดงชิ้นหนาดี หมูกรอบก็กรอบ น้ำราดก็หอม พอซื้อข้าวหมูแดงใส่ห่อเสร็จ เธอก็พาเดินข้ามถนนมาอีกฟากนึง แล้วบอกว่า เดี๋ยวขอซื้อน้ำส้มอีกอย่างนึงนะพี่ เธอก็เดินๆ มองซ้ายมองขวาเลิ่กๆ ลั่กๆ ตรงนั้นมีแผงลอยขายน้ำส้มคั้นใส่ขวดวางขายกันเต็มไปหมด เธอเดินหันซ้ายหันขวา แต่ยังไม่ซื้อซะที จนไปเจอแผงลอยอยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านเพิ่งมาจัดแผง ปรากฏว่าเรามาเร็วเกินไปครับ ร้านยังไม่เปิด น้ำส้มยังไม่มาส่ง น้องก็เลยบอกผมว่า โห เสียดายจังเลยพี่ น้ำส้มร้านนี้อร่อยสุดนะ แต่ไม่เป็นไร งั้นไปซื้อร้านอื่นก็ได้ คุณพอจะเก็ตไอเดียที่ผมกำลังเสนออยู่นี้หรือยัง? คือจะบอกว่า ในแต่ละจุด มันจะมีร้านอาหารที่อร่อยที่สุดและดังที่สุดอยู่ร้านเดียว ซึ่งน่าแปลกมาก ที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก รู้มาเหมือนกัน ร้านเดียวกัน และทุกคนจะต้องมากินร้านนี้ให้ได้ หรือถือเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง เหมือนกับตอนไปหัวหินหน่ะครับ เวลาผมไปหัวหินแต่ละที ผมก็ลองสังเกต คือไม่ว่าจะไปกับเพื่อนกลุ่มไหน ไปคราวไหน ทำไมเพื่อนทุกกลุ่ม ทุกคราว มันต้องเจาะจงไปกินร้านเดียวกันหมดเลย เริ่มต้นกันที่หลังจากขับรถมาถึงและเช็คอินรีสอร์ทเสร็จแล้ว มื้อเย็นวันแรกก็ต้องไปกินที่ร้านโกทิ ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ตรงข้ามตลาดโต้รุ่ง ร้านนี้ลูกค้าต้องนั่งรอกับข้าวประมาณ 1 ชั่วโมงนะครับ แต่คนก็ยังเต็มร้าน รสชาติก็อร่อยดีหน่ะครับ แต่แหม! ต้องรอ 1 ชั่วโมงนะ พอกินเสร็จ ก็ข้ามถนนไปเดินตลาดโต้รุ่ง มันเหมือนกับว่านักท่องเที่ยวทุกคนในตลาด ณ เวลานั้น รู้ว่าต้องไปกินโรตีเจ้าหนึ่ง ข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าหนึ่ง และตบท้ายด้วยไอติมอีกเจ้าหนึ่ง และร้านเหล่านี้ก็จะมีคนต่อคิวยาวววววว ส่วนร้านอื่นๆ มีคนหรอมแหรม ส่วนใหญ่คือคนที่ขี้เกียจไปต่อคิวร้านเหล่านั้นนั่นแหละ วันถัดมา ตื่นแต่เช้าจะต้องออกมากินข้าวมันไก่เจ้าหนึ่ง ผมจำชื่อร้านไม่ได้ อาจจะประมาณร้านลมหวล อะไรสักอย่างนี่แหละ กินเสร็จ ก็ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ต้องไปซื้อซาละเปาเจ้าหนึ่ง ซึ่งมีคนต่อคิวยาวมากๆ อีกแล้ว ตอนช่วงสายๆ ของวันนี้ ก็ต้องไปกินไอศครีมอิตาเลี่ยน ตรงถนนทางเข้าชายหาด ใกล้ๆ โรงแรมเจ็ดพี่น้อง และอาหารกลางวันของวันนี้ ก็คือไก่ทอดและขนมจีนแกงเขียวหวาน ที่ร้านอะไรสักอย่าง ตรงใกล้ๆ ทางรถไฟ เวลาคุณไปหัวหิน คุณไปกินตามลายแทงเดียวกับผมหรือเปล่า และคุณสังเกตเหมือนผมไหม ว่าร้านเหล่านี้ทุกร้านคนแน่นตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปหัวหินคราวไหน และเราก็จะต้องไปแวะทุกครั้ง ไม่ว่าจะไปหัวหินกับใคร ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตอนแรกกะว่าจะเขียนแต่เรื่องข้าวหมูแดง แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นเรื่องเที่ยวหัวหินซะแล้ว แต่จริงๆ มันเป็นเรื่องเดียวกันหมดนะครับ ลองย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนต้นหน่ะครับ จำได้ไหมว่าที่พวกผมเดินออกจากประตูท่าพระจันทร์ เดินหาข้าวเที่ยงกิน เพื่อนคนหนึ่งก็บอกว่าให้ไปกินข้าวหมูแดงร้านเก่าแก่ ตรงข้ามประตูศิลปากร แปลกดี วิธีการกินของคนสมัยนี้ มันบอกอะไรๆ ได้เยอะนะ คุณว่าไหม

...

11 comments:

Anonymous said...

ฮั่นแน่! อ่านเจอพอดี
ไปสายจริงๆ ค่ะ! ขอโทษอีกทีตรงนี้ >_<

ส่วนเรื่องการกินข้าวหมูแดงและน้ำส้มร้านนั้น สำหรับตัวเองมันคือการกินตามความอร่อยที่ตัวเองจำไว้ เพราะเดี๋ยวนี้หาของกินอร่อย-คุณภาพดี-ราคาถูก ในเมืองกรุงยากขึ้นทุกที อย่างน้ำส้มคั้นนะ ปกติก็ไม่กินซี้ซั้วหรอก กลัวป่วยค่ะ

ไว้วันหลังจะพาไปกินส้มตำร้านนั้นนะพี่ แบบไม่ไปสายด้วยเอ้า :)

Anonymous said...

ยินดีด้วยครับ ...

Anonymous said...

ข้าวหมูแดง อ่านแล้วก็หิวเลยครับ
เออ บางทีมันก็จริงอย่างที่คุณ woody ว่า
แต่ละย่่านจะมีของอร่อย ประจำย่านนั้นๆ

แถวบ้านผมที่ดอนเมือง มีก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งอร่อยมากครับ
อร่อยจนไม่อยากย้ายที่อยู่เลยครับ นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่อยากย้ายที่พัก

เอะไม่รู้เกี่ยวกันไหมน่ะ

Anonymous said...

อ่านแล้วอยากทราบตวามเห็นของคุณเกี่ยวกับการเรียนปริญญาโทของเด็กไทย แบบเรียนทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเรียนเพื่ออะไร เพื่อนๆ เรียนก็เรียนตามเพื่อน คุณว่าคนจบปริญญาโทบ้านเรานี่มีคุณภาพแค่ไหน

Anonymous said...

ทำไมคุณพี่ไม่เขียนบลอกให้มันอ่านง่ายๆ หน่อยคะ
มีย่อหน้า มีวรรคตอน ถ้าเขียนอ่านแล้วปวดหัวอย่างนี้อีก คุณน้องจะไม่อ่านแล้วนะเจ้าคะ

Anonymous said...

เล่นสังเกตุคนรอบข้างเยอะซะขนาดนั้น สรุปว่าตอนกินน่ะรู้สึกว่าข้าวหมูแดงร้านนั้นอร่อยรึป่าวล่ะเนี่ย แล้วร้านแถวซอยอารีย์อร่อยรึป่าว ลืมสังเกตุตัวเองละป่าว..ว..ว...

Anonymous said...

รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องยาวที่แอบคลุกเอาหลายๆ เรื่องย่อยไว้นะ ไม่ว่าจะเป็น
1. Comment เรื่องการรับปริญญา นิดๆ
2. คุณเรียนจบ ป.โทแล้ว (ยินดีด้วย)
3. คุณมีแฟนแล้ว (ฮั่นแน่)
4. ปกติคุณมักจะอยู่บ้านในวันหยุด แล้วดู VCD
5. วิธีการกินข้าวหมูแดง
6. วิธีการเลือกร้านอาหารทานของคนยุคนี้
........

แสดงว่าคุณกินข้าวหมูแดงแบบคลุกหรือป่าวก็ไม่รู้

แต่ว่าตอนท้ายไม่ได้เฉลยเลยว่าวิธีการกินมันบอกอะไร ไม่รู้ว่าอุบไว้หรือขี้เกียจเขียนแล้วเลยจบเอาดื้อๆ ซะอย่างนั้น

ถ้าจริงๆ แล้วมีคำเฉลยก็เขียนบอกมาก็ได้นะ อยากรู้เหมือนกันว่า Flow ความคิดของคุณจะอย่างไร

Anonymous said...

พี่คนเขียนมีแฟนแล้วจริงๆเหรอ ...

Anonymous said...

หิว

Anonymous said...

วิธีในการกินข้าวของแต่ละคน วันเป็นสไตล์ส่วนตัว ความชอบส่วนตัวซะมากกว่ามั้ง คงไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่กินวิธีนี้เป็นคนแบบนี้ และคนที่กินวิธีนั้นเป็นคนแบบนั้น มัวแต่ไปแอบมองชาวบ้านเขากินข้าว แล้วตัวเองกินข้าวอร่อยหรือปล่าวนี่ ว่าแต่ว่าหลายปีก่อนผมเห็นคุณไปถ่ายรูปให้สาวที่ไหนก็ไม่รู้อยู่แถวสามย่านนี่นา -_-'

Anonymous said...

คอมเมนต์หายครับ!! ไปกินข้าวหมูแดงแบบคลุกดีกว่า