Wednesday, August 30, 2006

เพลงรักชาวเรือ (2)

...

มาตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อเย็นวานครับ ว่าจะนำรายละเอียดและภาพจากหนังเรื่อง เพลงรักชาวเรือ เวอร์ชั่นที่ผมซื้อมาผิด เอามาให้ดูกัน เพื่อร่วมกันพิจารณาว่าหนังเรื่องนี้มันดีหรือไม่ดีอย่างไร อย่างที่เล่าไว้ครับ ว่ามันคือเรื่อง Liu San Jie น่าจะอ่านว่าหลิวซานเจี่ย แต่ในแผ่นวีซีดีเขาพากย์ว่านางเอกชื่อ หลิวซานแจ่ว (แป่ว!) สร้างโดยบริษัทหนังของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อปี 1960 ก่อนหน้าที่จะมีหนังเพลงรักชาวเรือ เวอร์ชั่นของชอว์บราเธอร์ ที่ชื่อ Songfest สร้างเมื่อปี 1963 ตามหลังมาถึง 3 ปี ดังนั้น ถ้าจะตั้งคำถามถึงความดั้งเดิม ความเป็นต้นฉบับ หรือ Originality ของหนังแล้ว ดีไม่ดี Liu San Jie อาจจะเป็นต้นฉบับของ Songfest ด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเพลงในหนัง Liu San Jie เป็นทำนองเดียวกับเรื่อง Songfest เป๊ะๆ ผมคิดว่านี่ไม่ใช่การลอก แต่เป็นเพราะหนังทั้งสองเรื่อง เอาทำนองเพลงนี้มาจากเพลงพื้นบ้านชาวประมงเหมือนกัน

Liu San Jie มีเนื้อหาเน้นหนักไปที่การต่อสู้ของชาวบ้าน หรืออาจจะเรียกว่าชาวรากหญ้านั่นแหละ ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์ มีภูเขาเขียวชอุ่มไปด้วยต้นชา มีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่าน เต็มไปด้วยปลาน้อยใหญ่ ทุกคนอยู่ดีมีสุขกันตามอัตถภาพ หรืออาจจะเรียกว่าเป็นแบบเศรษฐกิจพอเพียง พระเอกเป็นคนหมู่บ้านนี้แหละ อยู่มาวันหนึ่ง นางเอกเป็นคนแปลกหน้า ล่องเรือมาตามแม่น้ำ และมาขออาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ต่อมาชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ เริ่มถูกเจ้าของที่ดินเข้ามาข่มขู่คุกคาม เรียกให้จ่ายค่าภาษี ค่าคุ้มครองโน่นนี่ ทั้งที่พวกเขาอาศัยกันที่นี่มาแต่ไหนแต่ไร หักล้างถางพง ทำการเพาะปลูกกันมาหลายรุ่น พวกเขาคิดว่านี่คือที่ดินของพวกเขา นางเอกจึงเป็นผู้นำชาวบ้าน ให้ลุกขึ้นสู้กับนายทุนหน้าเลือด สังเกตได้เลยว่าโครงเรื่องแบบนี้เหมือนกับหนังแนวซามูไรพเนจร หรือหนังคาวบอยนิรนามเลยครับ คือคนแปลกหน้าที่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง เข้ามากอบกู้หมู่บ้านที่กำลังตกอยู่ในอันตราย

ประเด็นที่สอดแทรกอยู่ในหนังเรื่องนี้อย่างเด่นชัด คือการต่อสู้ระหว่างชนชั้นล่างกับชนชั้นสูง ไม่น่าแปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้มาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อปี 1960 เพราะนั่นเป็นช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาครองประเทศ หลังจากที่พระเจ้าปูยีเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้าย ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พรรคคอมมิวนิสต์คงสร้างหนังทำนองนี้ออกมา เพื่อ propaganda อุดมการณ์ทางการเมืองแบบคอมมิวนิสต์ให้ประชาชนจีนได้ดูกัน สังเกตดูคำพูด คำร้องในหนังเรื่องนี้ ไม่ธรรมดาเลยครับ มั่นใจได้เลยว่ามันถูกแต่งโดยคนที่มีมันสมองชั้นเยี่ยมของจีนในยุคนั้น เพื่อมุ่งที่จะยกระดับจิตสำนึก หรือคำที่พวกมาร์กซิสต์ใช้กัน คือ Consciousness raising คือการปลุกให้ผู้คนตื่นขึ้นมา มองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัว ว่ามันมีปัญหาแฝงอยู่ คนสมัยนั้นเชื่อ ว่าการตระหนักรู้ถึงปัญหาที่มีอยู่ คือการได้ต่อสู้ชนะไปแล้วครึ่งทาง

ฉากจบของหนังเรื่องนี้ ก็นำเสนอความคลี่คลายของปัญหาระหว่างชนชั้นทั้งปวง ว่าจบลงได้เมื่อชาวบ้าน ชาวรากหญ้าตระหนักรู้ และลุกขึ้นต่อสู้กับความอยุติธรรมทางสังคม แล้วนางเอกกับพระเอกก็ล่องเรือกันไปอย่างมีความสุข ผมชอบฉากจบมากครับ นอกจากเราจะได้เห็นว่าเขาใช้คำพูด คำร้องที่คมคายในการต่อสู้ทางชนชั้นมาตลอดเรื่องแล้ว ตอนจบ พวกเขายังจีบกัน พรอดรักกัน ด้วยบทเพลงที่ลึกซึ้งกินใจ และต่อต่อไปนี้คือคำร้องของเพลงในหนัง และภาพ Video Capture ที่ผมใช้กล้องดิจิตอลถ่ายออกมาจากจอคอมพิวเตอร์ มันอาจจะเบลอๆ สักหน่อยก็ขอโทษด้วยครับ



1. นี่ครับ หน้าปกของแผ่นวีซีดีหนังเรื่อง เพลงรักชาวเรือ เวอร์ชั่นของบริษัท APS ซึ่งก็คือหนังเรื่อง Liu San Jie นั่นเอง ไม่ใช่เรื่องเดียวกับเพลงรักชาวเรือ ของชอว์บราเธอร์


2. ฉากเปิดตัวพระเอกของเรื่อง เขาพายเรือเล่นไปตามลำน้ำของหมู่บ้าน ดูๆ ไปแล้วเขาไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไรเลยครับ หนังเรื่องนี้ผู้หญิงเด่นกว่าเยอะ


3. ฉากเปิดตัวนางเอก หน้าแป้นแล้นดีไหมล่ะครับ ฉากนี้เธอกำลังล่องเรือมาตามลำน้ำ เพื่อมาขออาศัยอยู่ในหมู่บ้านของพระเอก ทั้งสองมาพบกันพอดี


4. ฉากการต่อสู้ระหว่างชนชั้น นางเอกเป็นผู้ช่วยยกระดับจิตสำนึกชาวบ้าน ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับนายทุนที่มาขูดรีด โดยอ้างว่าชาวบ้านต้องจ่ายภาษีค่าจับปลา เพราะเขาเป็นเจ้าของแม่น้ำสายนี้
นางเอก - ฟ้าของทุกคน น้ำของทุกคน ภูเขาก็ของทุกคน ผู้คนบุกเบิกภูเขาร้างปลูกต้นชา มีเหงื่อสักหยดของตระกูลม้อที่ตรงไหน

กล้องค่อยๆ แพนไปหาชาวบ้านแต่ละคน

ชาวบ้าน - (ร้องพร้อมกัน) คนจนสร้างบ้านคนรวยอยู่ คนจนทอผ้าคนรวยใส่
ชาวบ้านชายคนหนึ่ง - (ร้องด้วยเสียงระทมทุกข์) มีด้ายเส้นไหนที่คนรวยปั่น
ชาวบ้านหญิงคนหนึ่ง- มีอิฐก้อนไหนที่คนรวยเคลื่อนย้าย
ชาวบ้านอีกคน - สิบหาบใบชา เก้าหาบจ่ายชดใช้ภาษี สิบเข่งข้าวเปลือก เก้าเข่งจ่ายเป็นภาษี

นางเอกท้าทายให้ลูกสมุนของนายทุน ให้มาร้องเพลงแข่งกัน วันรุ่งขึ้นนายทุนขนลูกสมุนที่เป็นพวกบัณฑิตหน้าขาวมาเต็มลำเรือ เพื่อร้องเพลงสู้นางเอก ร้องเพลงเถียงกันอุตลุต

บัณฑิตหน้าขาว - ช่างหยาบคาย เป็นเพราะว่าไม่เคยอ่านหนังสือ ไม่อ่านหนังสือไม่รู้มารยาท แนะเจ้าไปเรียนการเป็นคนเสียก่อน
นางเอก - อย่าได้พูดถึงเรื่องหนังสืออีก เกรงว่าเจ้ายิ่งอ่านยิ่งเลอะเทอะ พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่ไปปลูก คนอย่างเจ้าจะหิวตายเสียก่อน
บัณฑิตหน้าขาว - เจ้าอย่ากำเริบ เจ้าเป็นไม้ผุที่แกะไม่ได้ ที่กล่าวมาทั้งหลายล้วนชั้นต่ำ ตั้งแต่โบราณจะมีแต่เรียนหนังสือสูงเท่านั้น
นางเอก - น่าขำ ปัญญาชนหน้าขาวสุภาพชนจอมปลอม ถามเจ้าว่าเดือนไหนคือฝนเข้า ถามเจ้าว่าเดือนไหนคือใบไม้ผลิ คนรวยรู้จักแต่กินข้าวขาว มือเท้าเคยเปื้อนโคลนเมื่อไรกัน ถามเจ้าว่าหว่านเมล็ดพันธุ์เมื่อไร ถามเจ้าว่าต้นกล้าออกพร้อมกันเมื่อไร ดินฟ้าอากาศสี่ฤดูกาลเจ้าไม่รู้ ใบไม้ผลิปลูกเก็บเกี่ยวเจ้าไม่รู้ ที่นาผืนใหญ่มอบให้เจ้า จะคราดยังไงจะไถยังไงกัน


5. ฉากจีบกันตอนท้ายเรื่อง และในที่สุดก็ตกลงแต่งงานกัน พระเอกและนางเอกนำชาวบ้านต่อสู้กับนายทุนหน้าเลือด แล้วก็พากันหลบหนีออกมาจากเมืองนั้น ระหว่างที่พายเรืออยู่ก็เห็นทัศนียภาพริมน้ำอันสวยงาม เลยเริ่มร้องเพลงกันพระเอก - ลมพัดเมฆลอย ฟ้าไม่ลอย น้ำพัดเรือเคลื่อน แม่น้ำไม่เคลื่อน
นางเอก - มีดตัดใยบัว ตัดไม่ขาด ขวานจามสายน้ำ น้ำไม่ขาด

พระเอกยื่นลูกบอลแพรให้ นางเอกทำหน้าตกใจนิดนึง แล้วก็เขินๆ ผู้ชายหันไปพายเรือต่อ นางเอกแอบมองข้างหลังแล้วแอบหัวเราะ ทั้งคู่นำเรือมาจอดพักใต้ต้นไม้ใหญ่มาก

นางเอก - กลางป่าพบแต่หวายพันต้นไม้ โลกนี้มีต้นไม้พันหวายที่ไหน หากว่าหวายไม่ยอมพันต้นไม้ ปล่อยไปฤดูแล้วฤดูเล่า (แล้วทำหน้าเขินพักใหญ่ ก่อนจะร้องต่อ) หน่อไม้ถึงเวลาเก็บเจ้าไม่เก็บ ถึงฤดูเก็บเกี่ยวเจ้าไม่เก็บ บอลแพรให้เจ้าเจ้าไม่เก็บ ไม่มีอะไรเก็บเกี่ยวแล้วจะกลัดกลุ้ม (ทำหน้าเขินต่ออีกแป๊บ เอาลูกบอลแพรขึ้นมาโยนให้พระเอก พระเอกรีบรับใหญ่เลย)

พระเอก - เก็บก็เก็บแล้ว พวกเราอยู่ร่วมกันเป็นร้อยปี
นางเอก - คนไหนเก้าสิบเจ็ดแล้วจากไป อย่างไรก็ให้รอบนสะพานสามปี
พระเอก - (ร้องซ้ำ) คนไหนเก้าสิบเจ็ดแล้วจากไป อย่างไรก็ให้รอบนสะพานสามปี

กล้องถ่ายมุมกว้าง พระเอกและนางเอกวิ่งไปขึ้นเรือ แล้วพายต่อไป สู่ภาพพระอาทิตย์ตกดิน ผมชอบคำร้องว่า "คนไหนเก้าสิบเจ็ดแล้วจากไป อย่างไรก็ให้รอบนสะพานสามปี" แสดงให้เห็นว่าคนสมัยนั้นเขาอายุยืนกันจริงๆ แต่ละคนอยู่กันได้เกือบถึงร้อยปี เขาเลยสัญญาว่าจะรักกันร้อยปี แต่ถ้าใครตายก่อน ขอให้ไปรอที่สะพาน ในที่นี้หมายถึงสะพานในยมโลก เพื่อที่ทั้งสองจะได้ไปขึ้นสวรรค์พร้อมกันครับ โอ้โห! แม้กระทั่งความตาย ก็พรากความรักไปจากเขาไม่ได้ เป็นไงบ้างครับ หนังเรื่องเพลงรักชาวเรือ เวอร์ชั่นที่ซื้อมาผิดเรื่องนี้

...

1 comment:

Anonymous said...

ตอนเริ่มเรื่องที่เล่ามายังกับตอนเริ่มเรื่อง7 Samuraiเลย คนทะเลาะกับระบบ เห็นด้วย เห็นด้วย


Parallelism