Sunday, September 10, 2006

ไลฟ์สไตล์

...

ผมเคยพูดเล่นๆ กับเพื่อนที่ออฟฟิศคนหนึ่ง ที่เป็นสาวโสดวัยสามสิบปลายๆ ว่าแย่แล้ว! ถึงเย็นวันศุกร์อีกแล้ว พวกเราจะข้ามผ่านวันเสาร์อาทิตย์นี้ไปได้อย่างไร? เขาหัวเราะก๊าก! คำพูดนี้คงแทงใจดำเขา ผมเองก็รู้สึกว่าตนเองข้ามผ่านวันเสาร์อาทิตย์ได้อย่างยากลำบากขึ้นทุกทีๆ เหมือนกัน หลังจากที่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในวันเสาร์อาทิตย์ ผมอยู่บ้านตลอด คำว่าอยู่บ้านในที่นี้ หมายความว่าไม่ได้ก้าวเท้าออกนอกรั้วบ้านเลยสักก้าวเดียว คือตื่นเช้ามาก็เปิดดูรายการการ์ตูนญี่ปุ่นตอนเช้า ชงกาแฟกิน ไปรดน้ำต้นไม้ พอการ์ตูนจบก็ดูรายการสารคดีทางช่อง 9 ต่อ สารคดีจบประมาณ 11 โมงเช้า ก็มาออนไลน์เช็คอีเมล์และเช็คคอมเมนต์ในบล้อกนี้ ตอนเที่ยงเปิดดูรายการสรยุทธกับกนกไปและก็กินข้าวเที่ยงไป ตอนบ่ายเปิดดูดีวีดีสัก 1-2 เรื่อง หรือไม่ก็ไปนอนกลางวัน หรือไม่ก็อ่านหนังสือนิดหน่อย จนกระทั่งถึงตอนเย็น ก็ดูรายการข่าวภาคค่ำพร้อมกับอาหารเย็น ก่อนจะเปิดดูดีวีดีอีกสักเรื่อง จนถึงประมาณห้าทุ่มเที่ยงคืน ก็มาออนไลน์เพื่อเช็คอีเมล์และก็เขียนบล้อกสักหน่อย แล้วค่อยเข้านอน พอถึงเช้าวันจันทร์ก็ออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ ก้าวแรกที่เปิดประตูรั้วออกจากบ้านไป พอเหยียบพื้นปูนฟุตบาทนอกบ้าน เจอแดดเจอลมนอกบ้านแค่นิดเดียว มันรู้สึกโหวงๆ วิงเวียนยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก ชีวิตในวันเสาร์อาทิตย์และชีวิตในวันทำงานของผม วนเวียนแบบนี้ติดๆ กันมานานระยะหนึ่ง

ช่วงแรกๆ ก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายดี เงียบสงบ มีเวลาทำอะไรๆ มากมายในวันหยุด นอนดูหนังและอ่านหนังสือได้เยอะแยะ แต่หลังๆ มานี่ผมชักรู้สึกเบื่อ วันเสาร์อาทิตย์เริ่มกลายเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ พอถึงช่วงเย็นวันศุกร์ทีไร ก็เริ่มรู้สึกว่า โอย! เสาร์อาทิตย์อีกแล้วเหรอนี่ ผมว่าชีวิตผมกำลังมีปัญหาเรื่องการมีไลฟ์สไตล์ การหาอะไรทำอย่างอื่นนอกจากงาน ไม่รู้ว่าคนอื่นมีปัญหากับเรื่องไลฟ์สไตล์กันบ้างหรือเปล่า โดยเฉพาะการใช้ชีวิตนอกเวลาทำงาน พวกคุณเคยเบื่อกันไหม และพวกคุณทำอะไรเพื่อแก้เบื่อ ยกตัวอย่าง เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมดูดีวีดีไปสามเรื่อง ประกอบด้วย Densha Otoko หรือชื่อไทยว่าแชตรักหนุ่มรถไฟ North Country หนังที่ชาร์ลีซ เธียรอน นำแสดง รู้สึกว่าเธอจะได้เข้าชิงออสการ์ปีที่ผ่านมาด้วย และเรื่อง The World's Fastest Indian ที่แอนโธนี ฮอปกินส์ นำแสดง และอ่านหนังสือจบไปเล่มนึง คือเรื่อง พิราบ เขียนโดยพัททริค ซึสคินท์ แปลโดย ชลิต ดุรงค์พันธุ์ และได้นอนหลับงีบตอนกลางวันของวันอาทิตย์ เป็นไงครับ? ฟังดูน่าสนใจไหม? น่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่เลวเลยใช่ไหม? แต่ไม่รู้สิ ผมรู้สึกเบื่อๆ กับชีวิตยังไงไม่รู้ ใจหนึ่งก็อยากจะไปเดินช็อปปิ้ง ดูหนัง หาร้านอาหารใหม่ๆ แปลกๆ กิน แต่อีกใจหนึ่ง คิดดูอีกที ไลฟ์สไตล์พวกนั้นมันก็น่าเบื่อหน่าย ไร้สาระ และสิ้นเปลืองเงินทองและเวลา ไม่ต่างอะไรจากการวนเวียนกินๆ นอนๆ และดูดีวีดีอยู่กับบ้านเสียเท่าไร จริงๆ แล้วถ้ามีงานดีๆ เงินเยอะๆ และเป็นงานที่ผมรัก ให้ผมไปนั่งทำทุกวัน ก็คงจะดีมาก ผมยินดีไปทำให้นะ

การค้นหาไลฟ์สไตล์ในวันหยุดแบบที่เรารักที่จะทำมันจริงๆ อาจจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นเท่าๆ กับ การค้นหาหน้าที่การงานที่เรารักที่จะทำมันจริงๆ ก็ได้ ชีวิตทั้งสองภาคนี้ไม่ใช่อะไรที่ง่ายๆ เลย การวนเวียนอยู่กับการไปช็อปปิ้ง ดูหนัง และกินข้าว เพื่อถมความสุขใส่ชีวิต ทดแทนกับที่ถูกหน้าที่การงานห่วยๆ กัดกิน ก็อาจจะไม่ใช่ทางออกอะไรเลย หรือบางทีคิดไปคิดมา ความรู้สึกนี้มันอาจจะเกิดขึ้นเพราะเราแบ่งชีวิตออกเป็นสองภาค แบบแยกขาดออกจากกันเกินไปหรือเปล่า? ผมเคยตั้งข้อสงสัยเหมือนกัน ว่าชีวิตแบบที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับการทำงานงาน และไม่ต้องเร่งรีบตักตวงความสุขจากการมีไลฟ์สไตล์ในวันหยุด มันอาจจะมีอยู่จริง และมันจะทำให้เราไม่มีความรู้สึกเบื่อหน่ายวนเวียนแบบนี้ก็ได้ เพียงแต่ผมยังหามันไม่พบ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาคุณทำอะไรกันบ้าง มันเติมเต็มและทดแทนความสุขให้กับชีวิตคุณจากการทำงานหนักได้หรือเปล่า คุณรู้สึกเบื่อบ้างหรือเปล่า?

...

9 comments:

Anonymous said...

Sunday was once my terrible day. But now I've found the Aesthentics of "Aloness" [not "loneliness" according to Osho's words:)] Then Sunday is now the wonderful, or precisely peaceful, day for me.

I enjoy to be alone in this day, and leave everthing in my thought or my mind flows spontenouesly. Just let it be and see its evolution.

I may also pick up many books I'd like to "absorb" (but never finish them!!), such as A la recherche de temps perdu, The Book of Mirdad, Ulyssis, Brothers Karamasov, Zarathustra, etc. I may also take many free on-line courses, or compose some poems or songs depending on the situation at that time...

Hope you will find your way to transform the weekend to be the meaningful, enjoyable, and also peaceful one na krab.

the aesthetics of loneliness said...

:-D ขอโทษครับ ผมเพิ่งอัพเดท เพิ่มเติมและแก้ไขเนื้อหาจากเดิมไปเล็กน้อย ตอนแรกคือรีบโพสต์ข้อความเอาไว้ กลัวว่ามันจะข้ามวันหนะครับ คือตั้งใจว่าจะเขียนให้ได้ทุกวัน นี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เลยกลับมาเขียนต่อให้เรื่องราวครบถ้วน ขึ้น ขอบคุณครับ

Anonymous said...

ขนาดเสาร์-อาทิตย์
กิจกรรมของ จขบ.ยังดูเป็นกิจกรรมที่รูทินเลยน่ะ
หมายถึงว่าก็ยังทำอะไรซ้ำๆ
เหมือนเดิม

ที่น่าตกใจคือว่าหนังที่ดู หนังสือที่อ่าน
ทำไปเพื่อให้ก้าวข้ามสาร์-อาทิตย์ไปได้เท่านั้น ( หรือเปล่า ? )

Densha Otoko ฉบับซี่รีส์ สนุกกว่าฉบับหนังมากกกกกกกกกกกกกกกก

และที่สนุกกว่า Chat รักหนุ่มรถไฟ ฉบับการ์ตูน
ของ Ned Comics หนุกมั่กๆ เมื่อไรเล่ม 2 จะออกเสียที ( ฉบับการ์ตูนมีหลายเวอร์ชั่นเน้อ )

Anonymous said...

ลืมบอกไปว่า Densha Otoko ฉบับซีรีส์ ที่ไอทีวีฉายอยู่ตอนนี้
อย่าเผลอไปดู เพราะพากย์ได้ห่วย และตัดสะบั้นหั่นแหลก

แถมเพลงธีมของเรื่อง ก็ไม่เคยเปิดให้ฟัง

Anonymous said...

มาเพิ่มเติมอีก
จขบ.ควรจะไปดู Season change นะ
เพื่อนของดิชั้น (ที่เป็นนักวิจารณ์หนัง) บอกว่า
" เธอรู้ไหม ชั้นเหมือน 14 อีกครั้ง " กร๊าก

Anonymous said...

สุดสัปดาห์นี้ผมไปดู THE HOST แล้วร้องกร๊ดๆไปสตอลดสุดสัปดาห์
นอกนั้นก็อยู่ร้น อยู่บ้าน
กิน้ขาวกับแม่
นอนดูวีซีดีกัน
(แม่ชอบ mirorrmask น่าตกใจแฮะ)
ผมว่าถ้ามันซ้ำ มันก็ซ้ำจรอิงๆนั่นแหละ
เดินร้านขายหนัง ร้านหนังสือ โรงหนัง
แต่บางทีผมก็ชอบความซ้ำซากอันแสนสุขเหมือนกันแฮะ

ถ้าซ้ำนักก็ลองตั้งแคมเปญประจำสัปดาห์ดุดิครับ
ผมเคยลอง สนุกดี
เช่นวันนี้ทั้งวันจะไม่ใช้เงิน
วันนี้ทมั้งวันจะไม่ใช้ไฟฟ้า
มันดีเหมือนกัน

Anonymous said...

โอว อย่าบอกนะว่าการเขียนบล็อกนี้ก็เป็นไลฟ์สไตล์อย่างหนึ่งของเจ้าของบล็อกที่เป็นงานรูทีนรายวันที่มักจะเขียนตอนเสาร์อาทิตย์ยาวๆ เยอะๆ เพื่อให้ข้ามผ่านเสาร์อาทิตย์ไปได้อีกอาทิตย์หนึ่ง

หากเป็นเช่นนั้นก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะเออ

Anonymous said...

คุณพี่ลองหากิจกรรมทำกับคุณแฟนสิคะ เช่น เดินเล่น ออกกำลังกาย ไปทะเล หรือกิจกรรมที่ชอบ แค่นี้ก็ทำให้เราผ่านวันสุดสัปดาห์ไปได้อย่างมีความสุขแล้ว :-)

Anonymous said...

ไม่ต่างกันจากผมสักเท่าไหร่