Saturday, September 16, 2006

เป้

...


เมื่อวานตอนเย็นไปดูหนังรอบสื่อฯ ที่สยามพารากอนมาครับ พอเคลียร์งานก๊อกแก๊กเสร็จ ก็เก็บข้าวของลงในลิ้นชักโต๊ะ แล้วก็เดินออกจากออฟฟิศไปตัวเปล่า น้องที่ไปด้วยกันก็เลยถาม อ้าว! พี่จะกลับมาออฟฟิศอีกเหรอ ผมบอกเปล่า น้องถามว่าแล้วทำไมไม่มีกระเป๋าอะไรเลยหล่ะ ผมบอกขี้เกียจถือ น้องเขาก็ทำหน้างงๆ ตัวเขาเองสะพายเป้ใบใหญ่ไว้บนหลัง ผมเดาว่าข้างในนั้นคงมีเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุค เอกสารไฟล์งานโน่นนี่ และก็ของใช้จุกจิกอะไรอีกหน่อย มันดูใหญ่เทอะทะ เกะกะตัว น้ำหนักรวมๆ แล้วคงหลายกิโลกรัม เดี๋ยวนี้เวลาผมไปไหนมาไหน โดยเฉพาะวันที่เข้าเมืองไปเตร็ดเตร่แถวสยามสแควร์ หรือต้องไปร่วมงานสังคมใหญ่ๆ สำคัญๆ ผมจะไม่ค่อยสะพายกระเป๋าไปด้วยแล้วครับ ข้าวของจุกจิกทั้งหลาย ไฟล์เอกสารงาน ก็เก็บไว้ที่ออฟฟิศให้หมด เพราะอย่างไรเสีย กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกดื่นเที่ยงคืน แทบจะไม่ได้เปิดกระเป๋าเอาอะไรออกมาใช้อีกแล้ว ตอนเช้ามาทำงาน ก็ต้องหิ้วกระเป๋าใบเดิม และข้าวของพวกนั้นกลับมาออฟฟิศอยู่ดี รู้งี้สู้เก็บมันไว้ออฟฟิศเลยไม่ดีกว่าเหรอ จริงไหม? ผมเลยชอบไปแบบตัวเปล่าๆ หรืออาจจะถือกล้องดิจิตอลตัวเล็กๆ ไว้ในมือ ส่วนกระเป๋าตังค์และพวงกุญแจบ้าน ก็ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ แค่นี้ก็พอ

นอกจากเพื่อความสะดวกสบายและคล่องตัวแล้ว ผมคิดว่า สำหรับผู้ชาย การมีกระเป๋าเป้ใส่ของใบใหญ่ๆ ไม่ว่าจะแบบไหน ทั้งแบบสะพายหลังและแบบสะพายไหล่เดียว ติดสอยห้อยอยู่กับตัว ไปไหนมาไหนด้วยตลอด มันแสดงให้เห็นประการแรกเลย ว่าเราไม่มีรถส่วนตัว เพราะถ้ามีรถ เราก็ต้องเอาข้าวของพวกนั้นเก็บไว้ในรถ ที่เอามาจอดไว้ในที่จอดรถของศูนย์การค้าหรือสถานที่จัดงานเหล่านี้ ประการที่สอง มันแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนทำงานในระดับปฏิบัติงาน เราจึงต้องมีข้าวของเครื่องใช้ในการทำงานเยอะแยะ พะรุงพะรัง ประการที่สาม มันแสดงให้เห็นชัด ว่าเราไม่ได้กำลังมาเที่ยว มาพักผ่อนในศูนย์การค้า หรือไม่ได้มาร่วมงานสังคมในฐานะแขกรับเชิญ แต่กำลังมาทำงาน มาในฐานะที่ไม่ใช่แขก และมีหน้าที่การงานตามติดตัวไปทุกที่ ประการสำคัญ มันแสดงให้เห็นถึงชนชั้นของเราครับ เวลาไปเดินเตร็ดเตร่แถวสยามสแคร์ คุณลองสังเกตดูสิ คุณเคยเห็นคนหล่อๆ สวยๆ แต่งตัวดีๆ คนไหน เขาสะพายเป้ใบใหญ่ๆ กันบ้าง หรือเวลาไปออกงานสังคม คุณเคยเห็นแขกรับเชิญ ดารา คนมีชื่อเสียง ไฮโซคนไหน ที่สะพายเป้กัน กระเป๋าเป้ใส่ของไม่ใช่แค่กระเป๋าเป้ใส่ของแล้วนะครับ มันมีความหมายอะไรมากกว่านั้น ในชีวิตประจำวัน ในสังคมเมืองใหญ่แบบนี้ ตอนนี้ผมเลยสะพายเป้เฉพาะตอนเช้าตอนเดินทางออกจากบ้านไปทำงาน และในตอนค่ำๆ ที่เพิ่งออกจากออฟฟิศ และมุ่งหน้ากลับบ้าน

ผมคิดว่าพวกผู้หญิงรู้เรื่องนี้ก่อนพวกเรา ผมสังเกตมานานแล้วครับ ว่าพวกผู้หญิงส่วนใหญ่ไปไหนมาไหน โดยมีเพียงกระเป๋าถือใบเล็กๆ ที่ดูมียี่ห้อหรูๆ ราคาแพงๆ ติดตัวเพียงใบเดียวเท่านั้น ไม่รู้ว่าพวกเธอเอาข้าวของเครื่องใช้จำเป็นไปซ่อนไว้ที่ไหน เด็กนักศึกษาผู้หญิงก็ไม่สะพายเป้หรือถือกระเป๋าเอกสารนะครับ พวกเธอจะถือกระเป๋า 2 ใบ คือมีกระเป๋าถือใบเล็กๆ ดูแพงๆ เหมือนกัน แล้วจะเอาเครื่องเขียน หนังสือเรียน สมุดเลกเชอร์ กระดาษชีทซีรอกซ์ ใส่ไว้ในถุงกระดาษใบใหญ่ๆ ที่มียี่ห้อห้างร้านต่างๆ ติดอยู่ หรืออาจจะเป็นถุงพลาสติกของห้างแฮร์รอดส์ ประเทศอังกฤษ กระเป๋าถือยี่ห้อหรูๆ แพงๆ เมื่อใช้ร่วมกับถุงกระดาษแปะยี่ห้อห้างร้านแบบนี้ จะช่วยปิดบังอำพรางชนชั้นของพวกเธอได้ มันทำให้พวกเธอดูเหมือนกับว่ากำลังเดินช็อปปิ้ง เดินเล่น เดินเที่ยว ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่ากำลังจะต้องไปเรียนหรือไปทำงาน โดยมีหนังสือ เอกสาร ข้าวของเครื่องใช้ติดตัวพะรุงพะรัง ในทุกวันนี้ ดูเหมือนกับว่าพวกเราทุกคน ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่อยากจะแสดงออกแล้ว ว่าเรากำลังทำงาน หรือเรามีภาระ หน้าที่การงานติดตัวไปตลอดเวลา แต่เราอยากแสดงออกว่าเรากำลังสบายๆ เดินเที่ยว เดินช็อปปิ้งอยู่ต่างหาก

ในงานเลี้ยงก่อนเริ่มฉายหนังเมื่อคืนวาน ก็เป็นอย่างที่คาดไว้ครับ พวกนักข่าวสายบันเทิงมากันมืดฟ้ามัวดิน พวกเขาดูต๊อกต๋อยมาก แต่งตัวซ่อมซ่อ เสื้อผ้าโทรมๆ เก่าๆ พร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ๆ ยืนจับกลุ่มกันอยู่ตรงโต๊ะจัดวางอาหารกินเล่นและเครื่องดื่ม มีบางคนเขาสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ไว้ข้างหลัง แถมยังต้องหนีบข้าวของและเอกสารอีกจำนวนหนึ่งไว้ที่รักแร้ทั้งสองข้าง เพื่อจะได้มีมือว่างพอที่จะไปหยิบอาหารมายืนกินแบบเก้ๆ กังๆ โชคดีจริงๆ ที่ผมไม่ดูเหมือนคนพวกนั้นครับ ผมเดินตัวเปล่าเบาสบายไปมาทั่วงาน เหมือนพวกดาราและคนมีชื่อเสียง ที่มาเป็นแขกรับเชิญของงานวันนี้ อ่านดูแล้วงี่เง่าดีไหมครับ?

...

2 comments:

Anonymous said...

เคยเห็น ปราบดา ไปออกงานสังคม
พร้อมด้วยเป้ หรือกระเป๋าใบโตบ่อยๆ
เท่ดี

ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับว่า"ใคร"เป็นคนหอบข้าวหอบของมางานสังคมน่ะ กร๊าก

หนุ่มหน้าตี๋ หน้าตา (เกือบ) ไฮโซ ไม่มีข้าวของในมือ
บางทีก็ไม่ "เร้าใจ" น่อ อิอิ

HBD ครบรอบ 2 เดือนย้อนหลังหนึ่งวัน
เมื่อไร หน้าตาบล็อกนี้ จะมีสีสันมากกว่านี้ล่ะ

Anonymous said...

อ่านแล้วเจ็บลึก ๆ
แต่สำหรับผม ผมว่าเราดูดีในสายตาคนบางคนก็พอ