...
Maybe I'm writing here because I wanna shout, "I'm here"! - จากหนัง All about Lily Chou-Chou
เคยมีเพื่อนคนนึงมาถามว่าผมจะเขียนบล้อกไปเพื่ออะไร ผมตอบไปว่าเขียนเพราะอยากจะตะโกนบอกทุกคน ว่า "เฮ้! ชั้นอยู่ตรงนี้ พวกนายเห็นชั้นมั้ย??" เมื่อ 2-3 วันก่อน ผมไปสัมภาษณ์บรรดาบล้อกเกอร์หลายคน เพื่อเอาเนื้อหามาประกอบการเขียนสารคดีเกี่ยวกับเรื่องบล้อก ผมถามพวกเขาไปด้วยคำถามเดียวกันนี้แหละ พวกคุณเขียนบล้อกกันไปทำไม แล้วคุณเชื่อไหมล่ะ ว่าพวกเขาล้วนตอบมาในแนวทางใกล้เคียงกันนี้ พวกเราอยากจะสื่อสารกับคนอื่น อยากจะรู้ว่าคนอื่นมีความคิดเห็นเกี่ยวกับความคิดของเราว่าอย่างไร และสำหรับผม ผมต้องการมากกว่าแค่การสื่อสารกัน เพราะบล้อกเหมือนกับขอนไม้ลอยอยู่กลางทะเล ผมกำลังเกาะมันอยู่ ลอยคออยู่แบบนี้มานานสองเดือนกว่า แล้วโบกมือ ตะโกนเรียก เครื่องบินที่กำลังบินผ่านไปบนท้องฟ้า
มีน้องบล้อกเกอร์คนนึงบอกว่าเขาเริ่มต้นเขียนบล้อกครั้งแรก หลังจากที่ดูหนังเรื่อง All about Lily Chou-Chou จบ หนังเรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนภายในตัวเขา จนเขาอดรนทนไม่ได้ ที่จะต้องเขียนมันออกมาเป็นบทวิเคราะห์วิจารณ์ คนเราบางทีก็ต้องการอะไรบางอย่างจากภายนอก เข้ามากระตุ้นจนเกิดอาการปิ๊งแว้บ สว่างวาบขึ้นมา และทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ก้าวเข้าไปสู่สภาวะใหม่ ผมเคยดูหนังเรื่องนี้มานานแล้ว มันสร้างความปั่นป่วนภายในได้พอสมควรทีเดียว ผมชอบลักษณะตัวละครในหนังเรื่องนี้ พระเอกเป็นเด็กวัยรุ่นที่กำลังมีปัญหาถูก bully จากแกงค์เพื่อนที่โรงเรียน ทำให้บุคลิกภาพของเขาถดถอย และพยายามหนีออกจากสังคมในโลกแห่งความจริง เข้าไปอาศัยอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตแทน และยึดถือเอานักร้องคนหนึ่งเป็นศาสดา
ตอนเด็กๆ สมัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม ผมก็เคยถูกเพื่อนแกล้งเหมือนกัน จำพวกรวมกลุ่มกัน 4-5 คน มีหัวโจกคนหนึ่ง มาคอยข่มเหงรังแกในช่วงเวลาพักกินข้าวเที่ยง หรือหลังโรงเรียนเลิก สมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้กันแบบทุกวันนี้ และเด็กประถมอย่างผมก็ต้องไปโรงเรียนทุกวัน อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ก็ต้องเผชิญหน้ากับแกงค์เพื่อนอันธพาลทุกวันๆ เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วก็รู้สึกน่าขบขันปนกับน่าขนลุก ที่ผ่านชีวิตช่วงนั้นมาได้ อย่างปลอดภัยครบ 32 ผมว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ คงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาความรุนแรง และการข่มเหงรังแกกันหนักกว่าผมอีก ตามสภาพสังคมที่ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ดูเอาจากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ล่าสุด ที่เด็กนักเรียนพาณิชย์ ยกแกงค์ไปรุมตบเพื่อนนักเรียน แล้วเอากล้องโทรศัพท์ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ หรือข่าวที่เด็กนักเรียนผู้ชาย เอาคัตเตอร์แทงเพื่อนอีกคนตาย ระหว่างไปเรียนร.ด. เพราะแค้นที่โดนแกล้งติดต่อกันมานานแล้ว
ผมชอบฉากหนึ่งในหนัง Lily Chou-Chou ตอนที่พวกเด็กๆ ไปเที่ยวเกาะแห่งหนึ่งด้วยกัน พวกเขานั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แล้วมีชายคนหนึ่งมาพูดกับพวกเขา บอกว่า พวกเธอรู้ไหมว่าต้นไทรมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าต้นไม้รัดคอ ต้นไทรต้นใหญ่ๆ มันโตขึ้นมาจากการไปบีบรัดต้นไม้ต้นอื่นจนตาย เพื่อจะได้ยึดลำต้นนั้น มาใช้เป็นทางเลื้อยขึ้นไปสู่แสงแดด ปะการังก็เหมือนกัน มันแผ่ขยายตัวได้ ด้วยการเอาเข็มพิษไปทิ่มใส่ปะการังตัวข้างๆ จนกระทั่งตาย แล้วมันค่อยยึดพื้นที่ตรงนั้นต่อมา สำหรับคนเรา เวลาเรามองเห็นป่าเขาท้องทะเล เราคิดว่ามันสวยงามเหมือนสรวงสวรรค์ แต่จริงๆ แล้ว สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในนั้น มันเป็นเหมือนดั่งนรกบนดิน ทุกชีวิตกำลังต่อสู้เข่นฆ่ากันอย่างโหดร้าย ฉากนี้เป็นการสรุป theme หลักของหนังทั้งเรื่อง เพื่อบอกว่าเวลาผู้ใหญ่มองเข้ามาในสังคมของเด็กวัยรุ่น ก็คิดว่าเด็กกำลังเล่นกันสนุกสนาน มีความสุขกันดี ทั้งที่จริงแล้ว เด็กกำลัง bully ข่มเหงรังแกกันอย่างโหดร้ายต่างหาก
การ bully นั้นมันโหดร้ายมากนะครับ มันไม่ใช่การเล่นแกล้งกันธรรมดาประสาเด็ก เพราะเด็กที่เป็นฝ่ายถูกแกล้ง จะไม่สามารถเอาตัวเองออกมาจากสภาวะนั้นได้เอง เพราะเด็กที่เป็นฝ่ายแกล้งนั้น อยู่ในสถานะเท่าเทียมกันหรืออาจจะอยู่ในสถานะที่สูงกว่า โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องมาเผชิญหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตามกรอบกฎเกณฑ์ที่ผู้ใหญ่วางไว้ เช่นการที่จะต้องมาโรงเรียนทุกวัน ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าขาดเรียน เมื่อเด็กฝ่ายที่ถูกแกล้ง ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ขอความเป็นธรรม จากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ส่วนมากก็มักจะคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อย ไร้สาระ เพื่อนเขาแค่เล่นด้วย ไม่ได้แกล้ง เธอคิดมากไปเอง มีพยานหรือเปล่า อย่าเอามากวนใจครูได้ไหม พวกเธอไปตกลงกันเอง ถ้าไม่เลิกทะเลาะกัน จะตีทั้งคู่ การตัดสินเช่นนี้ไม่เป็นธรรม และจะไม่ก่อให้เกิดการยุติใดๆ รังแต่จะเพิ่มความขัดแย้งและความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วในที่สุดก็ต้องเอาคัตเตอร์มาแทงกันตายตามข่าวนั่นแหละ ตอนที่ดูข่าวนี้ ผมนึกถึงฉากตอนจบของหนัง Lily Chou-Chou เลยครับ เหมือนกันเป๊ะๆ
ปัญหาการ bully กัน จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเมื่อเราโตขึ้น อย่างเช่นถ้าโตถึงขั้นเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ปัญหาก็อาจจะดูเบาลง เพราะเวลาเรียนของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน และไม่บังคับให้ต้องมาเรียนทุกวัน เด็กจึงสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้ ไม่ต้องมาเผชิญหน้ากันทุกวัน หรือเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน ก็คงจะไม่มีคนจิตปกติที่ไหนที่จะมา bully กันอีกแล้ว เพราะโตๆ กันหมดแล้ว แต่การ bully ในวัยทำงาน จะเปลี่ยนรูปแบบไป อาจจะเป็น sexual harassment หรืออาจจะเป็น office politics หักเหลี่ยมเฉือนคม แก่งแย่งแข่งขันกันแทน ถ้าใครทนรับปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ก็ลาออกไปให้หมดเรื่องหมดราว ผมเลยคิดว่า Lily Chou-Chou ไม่ใช่แค่หนังวัยรุ่น ที่พูดถึงวัฒนธรรมและปัญหาของวัยรุ่น แต่ Lily Chou-Chou เป็นหนังของคนทั้งยุคสมัย ที่พูดถึงความโหดร้ายของยุคสมัย เราต่างก็กำลังอาศัยอยู่ในป่าเขาและท้องทะเลที่โหดร้าย เต็มไปด้วยต้นไทรและปะการัง บางคนกำลังโดนต้นไทรรัด บางคนกำลังโดนปะการังยิงหนามมาทิ่มแทง บางคนกำลังจะกลายเป็น Lilyphilia
...
Sunday, September 24, 2006
Just Call Me Lilyphilia
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment