...
เวลาเอ่ยปากชวนเพื่อนสักคนไปไหนมาไหนด้วย ผมค่อนข้างคาดหวังคำตอบจากเขา ว่าจะไปหรือไม่ไป มากกว่าที่จะได้เป็นคำถามย้อนกลับมาแทน ว่า "มีใครไปบ้าง?" คุณรู้สึกเหมือนผมไหม ว่าคำถามที่ย้อนกลับมาแบบนี้ มันทำให้คนที่เอ่ยปากชวน รู้สึกแปลกๆ พิกลๆ ยังไงไม่รู้ หรือว่าผมคิดมากไปคนเดียว การเอ่ยปากชวนใครสักคน มันก็แค่คำถามง่ายๆ นะ ว่าคุณอยากไปกับผมหรือเปล่า หรือคุณว่างไปกับผมหรือเปล่า การโดนย้อนถามกลับมา ว่ามีใครไปบ้าง มันดูเหมือนกับว่า เขายังไม่รู้ถึงความต้องการของตนเองดีพอ ว่าเขาต้องการอะไร อยากทำอะไร การถามแบบนี้ คือการขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการตัดสินใจ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวคนชวนเลย สำหรับผม ไม่ถือว่าการมีคนนั้นคนนี้ไปด้วย หรือมีคนไปด้วยเยอะ ไปด้วยน้อย จะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกว่าจะไปไหน กับใคร ที่ผ่านมาหลายปี ถ้ามีคนชวนผมไปไหน ผมจะไม่ย้อนถามเขากลับไป ว่ามีใครไปบ้าง ผมจะพยายามมองลึกเข้าไปในจิตใจตัวเอง ว่าผมเอง อยากไปหรือไม่อยากไป ว่างหรือไม่ว่าง และก็ตอบเขากลับไป โดยไม่ต้องย้อนถาม มีบางครั้งบางที ที่สรุปว่ามีคนไปกันแค่ 2 คน คือตัวผมกับตัวคนที่ชวนนั่นแหละ มันก็เท่านั้นเอง ผมไม่รู้สึกว่ามันสนุกกว่า หรือสนุกน้อยกว่า เพราะผมคิดว่านี่คือการตัดสินใจของผม และผมก็ได้ทำตามความต้องการที่แท้จริงของตนเองแล้ว เท่านั้นเอง คือในที่สุดแล้ว จุดหมายที่แท้จริงควรจะเป็นกิจกรรมที่เราจะไปทำ จุดหมายไม่ใช่ตัวบุคคลที่เราไปด้วย หลายปีแล้วที่ผมพยายามทดลองฝึกชีวิตและจิตใจ ให้สามารถเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของตนเอง และค้นหาจุดหมายที่แท้จริงของการกระทำสิ่งหนึ่ง วิธีการทำอะไรคนเดียวบ่อยๆ เช่นดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว ช็อปปิ้งคนเดียว และก็นอนอยู่บ้านดูวิดีโอคนเดียว ในวันเสาร์อาทิตย์ การฝึกทำอะไรคนเดียว มันเหมือนกับทำให้จิตใจได้พัฒนาความสามารถที่จะเข้าถึงความต้องการของตนเองจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไปบ่ายวันนี้ว่างมากและอยากดูหนัง ก็ไปดูหนังคนเดียว เราเลือกดูหนังเรื่องที่ต้องการได้อย่างแท้จริง ไม่ต้องรอความเห็นจากคนอื่นที่ไปด้วย เราเลือกรอบฉายได้ตามต้องการ บางทีเราอยากจะไปหาข้าวกินก่อน หรือเดินเตร็ดเตร่ฆ่าเวลาก่อน เราก็เลือกรอบค่ำๆ โดยไม่ต้องพะวงว่าคนที่ไปด้วย เขาจะกลับบ้านดึกเกินไปหรือเปล่า อะไรทำนองนี้ การได้ทำอะไรคนเดียวจนชิน จะทำให้เราเข้าถึงความรู้สึกและความต้องการของตัวเอง จุดหมายของการกระทำสิ่งหนึ่ง ก็คือการได้กระทำสิ่งนั้นเสร็จสิ้นลง ไม่ใช่อยู่ที่บุคคลอื่น การกระทำอื่น หรืออะไรอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งนั้น หมายความว่า ไปดูหนังเพราะอยากดูหนัง ไม่ใช่ไปเพราะว่าง ไปเพราะเหงา ไปเพราะติดเพื่อน ไปเพราะคนอื่นเขาไปกันหมด หรือถ้าผมหิวข้าว ก็เดินไปกินข้าว ใครจะไปด้วยหรือไม่ไปด้วย ผมก็ไปกินข้าวด้วยความหิวอยู่ดี ฯลฯ ดังนั้น การที่ใครมาชวนผมไปไหน ผมตอบไป ก็คือผมอยากไปที่นั่น ไม่ใช่ด้วยเหตุผลอื่น ใครจะไปหรือใครจะไม่ไป คนไปด้วยมากหรือคนไปด้วยน้อย ก็ไม่เกี่ยวกับการตัดสินใจของผม ผมไม่เคยย้อนถามคนชวน ว่ามีใครไปบ้าง? การใช้ชีวิตแบบนี้ค่อนข้างจะอุดมคติ และจนถึงทุกวันนี้ ผมยังไม่แน่ใจนัก ว่าผมเข้าถึงความต้องการและจุดหมายที่แท้จริงได้จริงๆ หรือเปล่า หรือเพียงแค่คิดไปเองเท่านั้น คนอื่นว่าไงครับ ช่วยมาแชร์ความเห็นประเด็นนี้กันหน่อย บล้อกนี้เขียนแบบงงๆ หน่อยนะ
...
Friday, July 28, 2006
มีใครไปบ้าง?
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
4 comments:
อืมม! ใช่ คุ้นมากเลยนะประโยคนี้ สงสัยจะติดปากคนไทยไปซะแล้วนะเนี่ย เจอบ่อยๆ เลยหละ เวลาเราชวนใครไปไหน ก็ชอบถามย้อนกลับมาว่า (แล้วมีใครไปบ้าง?) อ้าว..แล้วจะรู้ไปทำไมว่ามีใครไปบ้าง ก็ฉันชวนคุณ ถ้าคุณอยากไปก็ไป ถ้าไม่อยากก็ไม่ต้อง แค่นั้นจบ..ง่าย และไม่ต้องคิดซับซ้อนเล้ยย แต่เพราะคนเป็นสัตว์สังคมมั้ง ก็เลยชอบติดเพื่อน ไปไหนมาไหนก็ต้องไปเป็นกลุ่ม ชอบทำอะไรๆ ก็ต้องทำเป็นแก็งค์ๆ คงคิดว่าเวลาอยู่กันเป็นแก็งค์แล้วมันดู cool อะไรประมาณนั้นนะเราว่า...ทำอะไรที่ไม่มียางอายก็ทำได้สบายไม่ต้องอายใคร oops!...ไม่ได้ว่าใครจริงๆนะเนี่ย ฮ่าฮ่า เราก็เคยมีประสบการณ์บ้างเหมือนกันแบบประมาณว่าชอบเกาะกลุ่มนะ แต่ก็ไม่ชอบหรอก..น่าเบื่อ เรื่องเยอะ ไม่สนุก
เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบทำอะไรคนเดียว คล่องตัวดี เช่น ไปเดินสวนฯ ช้อปปิ้ง ดูหนัง อยากไปไหนก็ไปโลด ฯลฯ สบายๆ สไตล์เรา เนี่ยสุดยอดแล้ว...
แต่ก็ต้องระวังนะ การที่เราอยู่คนเดียวหรือทำอะไรๆ คนเดียวมากๆ ก็มีข้อเสียเหมือนกัน เช่นดูพวกที่ชอบฟังเพลง mp3 เดินตามท้องถนน หรือบนรถไฟฟ้า เวลาเดินชนเราหรือเหยียบเท้าเรา ก็ไม่เคยหันมาขอโทษสักคำ คิดว่าจะมองไม่เห็นเราด้วยซ้ำ เพราะความที่อยู่ในโลกส่วนตัวมากเกินไปทำให้มองไม่เห็นคนอื่น หรืออาจเป็นเพราะเทคโนโลยีก็เป็นได้ ทำให้คนไม่สนใจเรื่องความรู้สึกกันอีกแล้ว ก็เป็นเพียงความคิดเห็นเล็กๆ ทุกอย่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ เลือกอย่างที่ตัวเองชอบละกัน ว่าจะไปเป็นกลุ่มหรือไปคนเดียว แต่เราขอเดินสายกลางละกัน จบละ....หุหุ จบไม่ได้เกี่ยวกันเล้ยยเรา ฮ่าฮ่า
หลายปีที่ผ่านมา,ไม่สิต้องบอกว่าหลังผ่านการเรียนปี 2 ที่มหาวิทยาลัยมา เพื่อนกลุ่มใหญ่จากรับน้องปี 1
ก็เหลือเป็นเพื่อนกลุ่มกลางๆ พอขึ้นปี 3 ก็เหลือเป็นเพื่อนกลุ่มเล็กๆ และพอถึงปี 4 เพื่อนกลุ่มที่ว่าเล็กๆ นั้นก็ลดทอนเหลือเพียงเพื่อนสนิทเพียงคนสองคน
เหตุผลที่เหลือเพื่อนน้อยลง ไม่ใช่เพราะผมนิสัยไม่ดี เพื่อนไม่คบ นะครับ แต่เพราะว่าทุกๆ คนก็ล้วนมีโลกส่วนตัว มีแฟน มีอะไรต่อมิอะไรมากมาย ต่างคนต่าง
ก็มี way ของตัวเอง
พอเรียนจบ- - ทำงานก็เหลือเพียงตัวคนเดียว
พอใช้ชีวิตทำงานไปสักระยะ เราก็ค้นพบว่ามันชิน และท้าทายด้วยที่จะทำให้ชีวิตแบบตัวคนเดียวนี้ไม่ขาดและก็ไม่เกินความสุข
ผมไม่เคยตื่นขึ้นมาแล้วพบใครในห้องมานานมาก ผมไม่ค่อยโทรฯ ชวนใครไปในที่ที่เราอยากไปสักเท่าไหร่
ภาวะเช่นนี้ ผมมีความสุขดี ผมแน่ใจ
เมื่อคืน,ผมกลับจากปาร์ตี้ ที่มีเพื่อนร่วมงานรายล้อมรอบตัว เราเริ่มหัวเราะกันตั้งแต่หัวค่ำ กินดื่ม ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก ดีกรีความสนุกค่อยเพิ่มขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ค่อยๆ ดังขึ้น
แต่ในที่สุด, มันก็จบลงด้วยเพลง No surprises
ของ Radiohead ในสองข้างหูคนเดียวบนรถแท็กซี่-ขากลับบ้าน
ผมก็เข้าใจว่าบางเรื่อง เราต้องรอการเติมเต็มจากคนอื่น แต่ก่อนไปถึงวันนั้น ความเหงา ตลอดจนการไปไหนมาไหน ทำอะไรคนเดียว มันก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนี่นา
มีใครไปบ้าง ?
ไม่มีใครไป
เราต้องไปของเราอยู่ดีครับ
. . .
ฮ่่าาาา
ใช้บ่อยมาก มีใครไปบ้าง?
ส่วนมากใช้เวลาที่ชวนกันเป็นกลุ่มใหญ่ ถ้าเฉย ๆ ถึงไม่อยากไปจะถามว่า มีใครไปบ้าง? ไม่ก็ พี่โยว่าไง?
แต่อย่างที่พี่ว่าก็จริงเนอะ คนถามคงเซ็ง
แต่เห็นด้วยมากกก เกี่ยวกับเรื่องการทำไรคนเดียว แบบไปดูหนังก็เพราะอยากดู ดูคนเดียวหรือดูหลายคนก็ได้ถ้าอยากดู
โคตรจะเป็นชีวิตคนเมือง
อยู่นี่ยังไม่เคยใช้ประโยคนี้เลยนะ พออ่านแล้วคิดถึงตอนอยู่กรุงเทพ เทียบกับตอนนี้ เลยคิดได้ว่าไอ้คำพูดเนี้ยจะใช้ได้เมื่อเราอยู่ในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง หรือสังคมใดสังคมหนึ่ง ถ้าคนรู้จักกันเดี่ยว ๆ หรือจีบกันไรงี้คงไม่มานั่งถามว่า มีใครไปบ้าง? เนอะ คงถามว่าจะไปไหน และตัดสินใจเรยว่าไปรึป่าว
ตอนนี้อยากมีความรู้สึกอย่างนั้นนะ
เจี๊ยบไปโนบุมั้ยเย็นนี้?
มีใครไปบ้างพี่?
มีเรา มีแก้ว เจ๊ตุ้ม จัง อีบุ้ง กับพลอย
เหรอ ๆ
แล้วพี่โยว่าไง?
ไม่แน่ใจว่าคุณ ดูหนังคนเดียว ชอบการอยู่คนเดียว ทำอะไรเองคนเดียว เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว หรือมีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องทำอะไรเองคนเดียว โดยที่จริงๆ ก็ไม่อยากหรอก อยากมีเพื่อนกะเขาบ้าง แต่เพื่อนคนนั้นต้องเป็นของเราคนเดียว (อาจจะไม่ใช่แฟนน่ะนะ)เลยลองชวนดู ซึ่งก็คาดหวังว่าจะได้คำตอบอย่างที่ต้องการคือ ไม่ Yes ก็ No โดยที่มีแนวทางอยู่ในใจแล้วว่า Yes ก็ไปด้วยกัน No ก็ไปคนเดียว
แต่บังเอิญว่าฝั่งคนตอบก็ไม่ได้ตอบแบบที่วางแผนไว้ ก็เลยไม่เข้าใจเขา จริงๆ ถ้าจะให้แปลคำตอบ เขาตอบว่า NO น่ะครับ แต่ว่าคุณแปลไม่ออกเอง เลยไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่คนที่จะตอบเช่นนี้มักเป็นผู้หญิงที่ตอบแบบเลี่ยง เพื่อรักษาน้ำใจน่ะครับ
ผมเดาว่าคนที่คุณไปชวนคงเป็นผู้หญิงนะครับ เพราะถ้าเป็นผู้ชายเขาจะตอบชัดเจนกว่านี้ อาจเป็นเพราะคุณไม่ค่อยได้สื่อสารกับผู้หญิงมากนักหรือป่าว เลยไม่คุ้น
แต่ว่าถ้าคุณพิสมัยการทำอะไรคนเดียว ก็ไปคนเดียวเถอะครับ ชีวิตจะได้ไม่ต้องมีข้อสงสัยให้ว้าวุ่นใจเยอะ ในเมื่อเลือกทางเดินนี้แล้ว
Post a Comment