Tuesday, November 28, 2006

Exit

...

หลายเดือนก่อน รุ่นน้องที่ออฟฟิศชวนผมไปดูงานคอนเสิร์ตที่จัดโดย Channel [V] Thailand ที่บีอีซีเทโรฮอลล์ สวนลุมไนท์บาซ่า ผมตามพวกเขาไปด้วย เพราะกำลังว่างๆ อยู่พอดี โดยไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับงานนี้มากนัก คิดว่างานคอนเสิร์ตไหนก็สนุกเหมือนๆ กันนั่นแหละ ปรากฏว่าเมื่อไปถึงหน้างาน เจอเด็กวัยรุ่นนับพันๆ คน ยืนออกันอยู่ริมถนน ตั้งแต่บริเวณก่อนถึงหน้าฮอลล์จัดงาน เรื่อยยาวไปจนถึงประตูทางเข้า น้องเขาบอกว่า วันนี้มีดงบังชินกิมาแสดงด้วยพี่ ผมก็แค่คุ้นๆ ว่าดงบังนี่มันคือวงบอยแบนด์ของเกาหลีหรือญี่ปุ่นไม่แน่ใจ ซึ่งวัยรุ่นไทยกำลังกรี๊ดกร๊าดกันเหลือเกิน เพิ่งมาเห็นกับตาตัวเองจริงๆ ก็วันนี้แหละ ว่าเวลาเขากรี๊ดนักร้องกัน มันมีสภาพเป็นอย่างไร พวกเราเดินฝ่าฝูงวัยรุ่นที่ยืนออเต็มฟุตบาธ ผมสังเกตว่ามีเด็กบางคนพยายามสบสายตาเรา พอผมหันไปมองเขา เขาเอ่ยถามว่า พี่คะๆ พี่เป็นสื่อมวลชนใช่ไหม พี่มีบัตรเหลือบ้างหรือเปล่า หนูขอซื้อนะ ผมยิ้มๆ แล้วบอกว่าไม่มีครับ แล้วเดินเบียดๆ ผ่านมาเรื่อย ตลอดทางเกือบร้อยเมตร มีเด็กวัยรุ่นตรงนั้น ถามคำถามเดียวกันนี้นับรวมแล้วสิบคนได้ ผมถึงมาเข้าใจ ว่าที่เขามายืนออกันอยู่ตรงนี้ คือรอขอซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไป ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่างานคอนเสิร์ตคราวนี้ จะมีค่ามากถึงเพียงนี้

พวกเราเดินผ่านเข้างานไป แล้วก็นั่งตรงเก้าอี้ที่เขาจัดไว้ให้ ซึ่งอยู่ด้านหลัง ไกลจากเวทีเหลือเกิน มองเห็นนักร้องบนเวทีตัวเท่ามด ต้องอาศัยดูเอาจากภาพที่ฉายบนโปรเจคเตอรขนาดยักษ์ งานนี้ไม่ได้มีแต่ดงบังครับ มีนักร้องวัยรุ่นทั่วฟ้าเมืองไทย จากทุกค่ายเทป ขึ้นมาร้องบนเวทีวงละ 2-3 เพลง มองไปยังหน้าเวที ผมเห็นทะเลหัวของเด็กวัยรุ่นไทยกระเพื่อมไหวเหมือนลูกคลื่นสีดำ แซมด้วยแสงไฟสว่างจากกล้องดิจิตอลและโทรศัพท์มือถือ ที่พวกเขายกขึ้นมาถ่ายนักร้องวงโปรดไป แล้วก็ร้องกรี๊ดๆ ไป เวลาผ่านไปนานชั่วโมงกว่า ไฮไลท์ของงานเพิ่งจะดำเนินมาถึง โฆษกบนเวทีประกาศว่านักร้องวงดงบังชินกิกำลังจะขึ้นเวทีเป็นคิวถัดไป เท่านั้นแหละ เสียงหวีดร้องก็ดังสนั่นหวั่นไหวทั่วทั้งฮอลล์ ผมรู้สึกเหมือนแผ่นดินกำลังไหว เด็กวัยรุ่นที่นั่งอยู่แถวหลังๆ พร้อมใจกันวิ่งขึ้นไปเพื่อให้อยู่ใกล้หน้าเวทีที่สุด อีกสักพัก ได้ยินเสียงดังโครม!!!! ที่ตรงข้างที่นั่งของผมเอง เมื่อหันไปดู เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้น เธอคือคนที่นั่งอยู่ข้างหลังผม แล้วพยายามวิ่งขึ้นไปเชียร์วงดงบังชินกิ แต่ภายในฮอลล์คอนเสิร์ตปิดไฟมืดมาก จนมองไม่เห็นพื้นที่ต่างระดับกัน เธอเลยวิ่งหกล้มไม่เป็นท่า รปภ.บริเวณนั้นรีบวิ่งเข้ามาดูอาการ สักพักเด็กผู้หญิงก็ลุกขึ้นมาแล้วหัวเราะ บอกว่าไม่มีอะไร อึดใจต่อมา เธอหวีดร้องแล้ววิ่งไปหน้าเวทีต่อ ผมบอกรุ่นน้องที่ไปด้วยกัน ว่านังเด็กคนนี้มันบ้าแน่ๆ

รุ่นน้องบอกผมว่า มันก็เป็นแบบนี้แหละพี่ คนเราทุกคน จะต้องพ่ายแพ้กับอะไรสักอย่าง อะไรสักอย่างที่เราจะคลั่งไคล้ ชื่นชอบมันแบบไม่ลืมหูลืมตา อะไรสักอย่างที่เราจะถวายหัว ถวายชีวิต วิ่งฝ่าความมืดไป ฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่าง เพื่อไปให้ถึงมันให้ได้ เจ้าสิ่งนี้จะต้องมีความพิเศษ มีความเหนือกว่าสิ่งอื่นๆ ที่อยู่ในชีวิตของเรา น้องเขาใช้ศัพท์เรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า Exit หรือทางออก คือการออกจากความสามัญธรรมดาในชีวิต ก้าวไปสู่ประตูทางออก เพื่อนำเราไปสู่จุดที่เหนือกว่า พิเศษกว่า ดงบังชินกิคือ Exit ของเด็กวัยรุ่น ส่วนรุ่นน้องที่ออฟฟิศ Exit ของเขาคือ iPod และชุดโฮมเธียเตอร์ในห้องอพาร์ตเมนต์ของเขา เขาเก็บหอมรอมริบจากเงินเดือนอันน้อยนิด ที่ได้จากการทำงานหนักตลอดทั้งเดือน ไปซื้อมาชื่นชมและมีความสุขกับมันในวันเสาร์อาทิตย์ ผมเลยมานั่งนึกทบทวนดู ว่าตัวผมเองก็มี Exit เหมือนกันนะ และมีหลาย Exit ด้วยสิ แต่ Exit ของผมไม่ใช่ดงบังชินกิแน่นอน และไม่ใช่วัตถุสิ่งของอย่าง iPod อะไรนั่นหรอก ผมพ่ายแพ้ให้กับหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งสิ่งที่บอกได้ในที่นี้ และสิ่งที่บอกไม่ได้ สิ่งที่พอจะบอกได้คือผมมักจะพ่ายแพ้ให้กับกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ พ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงผอมบาง ผิวขาว ผมยาว ส่วนสิ่งที่บอกไม่ได้นั้นขอสงวนสิทธิ์ที่จะเขียนถึง เพราะบล้อกนี้มีคนเข้ามาอ่านกันเยอะ ผมจึงรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยที่จะเปิดเผยเรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่ผมสงสัยจริงๆ ว่าเราทุกคนล้วนมี Exit จริงอย่างที่รุ่นน้องคนนั้นบอกไว้หรือเปล่า??

...

6 comments:

Anonymous said...

ตกลงจะถามเรื่องทางออก
หรือถามเรื่องที่พ่ายแพ้

ตอบสิ่งที่พ่ายแพ้แล้วกันนะ

ไวน์
ผู้ชายหน้าตาไทยๆ ชื่อโบราณๆ
บทสนทนาดีๆ สักบทสองบท
ฯลฯ

วันหลังถามอะไรง่ายๆ แบบนี้อีกนะ
ชอบ ๆๆ

Anonymous said...

There is so such thing as "exit" in life. People merely keep shifting from one thing/place to another, thinking the "exit" is out there. Have you seen the movie "Cube"?

Anonymous said...

exit ของเราตอนนี้คือ เกม
ส่วนสิ่งที่พ่ายแพ้ ตอนนี้คือ ไอติม

แต่ของเรา มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆนะ ยังไม่มีอะไรที่ใช้ exit ได้ตลอดหรือที่จะพ่ายแพ้อยู่ตลอดเวลา

Anonymous said...

exit ของผมยังนึกไม่ค่อยออกอะครับ

แต่ถ้าเรื่องพ่ายแพ้ คล้าย ๆ คุณเลย คือ พ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงผอมบาง ผิวขาว ผมยาว ไง

Anonymous said...

สรุปเอาเองว่า exist
ก็คือสิ่งที่เรา addict อยู่นั่นเอง

ตอนนี้เราไม่มี exist เป็นชิ้นๆ (พยายามคิดแล้วแต่คิดไม่ออก) ดูเหมือนมันจะเป็นนามธรรมซะมากกว่า

แต่ถ้าเป็นสิ่งที่พ่ายแพ้ เท่าที่นึกออกก็คงจะเป็น 1.establishing shot สวยๆของหนังดีๆที่เอาเราอยู่ตั้งแต่ต้น
2.ภาพนิ่งด้วย
3.ช๊อกโกแลตไม่แช่เย็น
4.กลิ่นกาแฟ
5.jazz music(for now)+ ดนตรีที่มีเครื่องเป่า(และไม่ใช่แคน)


เฮ่อ ไอ้คนนี้นี่มันเป็นใครเนี่ย น่าหมั่นไส้จริงๆ

Anonymous said...

เอ่อ พออ่านแล้วรู้สึกว่า Exit ของเราตอนนี้คงจะเป็นน้องคนที่ให้ Definition ใหม่ของคำว่า Exit รู้สึกว่าจะพ่ายแพ้ต่อ Idea เฉียบๆ นี้ซะแร๊ว..ว..ว..ว.. Cool, man!