Tuesday, November 21, 2006

คนตาย

...

คุณเคยเห็นคนตายไหม? ศพหน่ะครับ...ศพ ในรอบ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผมเห็นศพคนรวมๆ กันแล้ว อย่างน้อยก็ 40-50 ศพเห็นจะได้ จากหนังผีที่ได้ดู ในช่วง 2-3 อาทิตย์รวมกัน ประมาณ 15 เรื่องได้ ทั้งจากหนังโรงและหนังจากแผ่นดีวีดี ถือเป็นช่วงเวลาที่ผมได้ดูหนังผีติดต่อกันเยอะที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้นะ ผมได้ดูหนังผีในโรงหนังเยอะช่วงนี้ ก็เพราะโรง House RCA จัดฉายหนังชุดพิเศษ Master of Horror เอาหนังผีจากรายการทีวีของเมืองนอก มาฉายให้ดูแบบราคาถูก คือฉายวนวันละ 3 เรื่อง ถ้าซื้อตั๋วแบบดูทั้งวัน ราคาแค่ 100 บาท อยากดูเท่าไรก็นั่งดูไปเลย ผมแวะไปอุดหนุนเขามา 3 อาทิตย์ติดกัน โดยที่วันนี้เพิ่งไปดูมา เป็นอาทิตย์สุดท้ายของการฉายหนังชุดนี้

ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังผีอย่างมาก หนังผีในที่นี้ ผมหมายความรวมถึงหนังแนวเขย่าขวัญ สยองขวัญ ระทึกขวัญ สั่นประสาท ฯลฯ ทั้งที่มีผีจริงๆ มาในรูปวิญญาณ หรือแบบที่เป็นผีดิบมาเป็นตัวเละๆ หรือแบบที่ไม่ใช่ผี แต่เป็นฆาตกรโหดวิปริต หลายคนอาจจะเบะปากกับหนังพวกนี้ เพราะคิดว่ามันทำให้จิตเสื่อม แต่สำหรับผม หนังพวกนี้ดูแล้วเหมือนกับการได้ระบายความตึงเครียดจากภายในออกมา ผมว่าหน้าที่ของหนังผี คือการพาเราออกไปจากสภาพปกติในชีวิตประจำวัน ล่องลอยออกไปสู่ประสบการณ์ที่แปลกประหลาดอย่างไม่คาดฝัน ไกลออกไปทุกทีๆ แล้วพอไปถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง มันจะจับให้เราไปยืนอยู่ตรงสุดขอบของความอดทน และสุดขีดของความหวาดกลัว ณ จุดนี้เอง ที่ความตึงเครียดทั้งหลายจะกดทับเข้ามาในหัว พอผ่านพ้นจุดไคลแมกซ์ของหนัง เมื่อหนังจบลง เหตุการณ์ความรุนแรง ความขัดแย้งทั้งหมดในหนังคลี่คลาย ปมปัญหาได้รับการเฉลย เราก็จะรู้สึกผ่อนคลายลง ความตึงเครียดทั้งหลายทั้งปวง เหมือนกับสูญสลายหายไป พร้อมกับตัวหนังสือเอนเครดิตค่อยๆ เลื่อนขึ้นบนหน้าจอ

ทริคคำแนะนำสำหรับการดูหนังผีเพื่อคลายความเครียดของผมนั้น คือคุณต้องดูหนังผีที่มีระดับความตึงเครียดในหนังเรื่องนั้น สูงกว่าระดับความตึงเครียดในชีวิตจริงของเรา เช่นถ้าชีวิตจริงของคุณเครียดมากๆ การบ้านเยอะ อ่านหนังสือสอบไม่ทัน หรือโดนเจ้านายด่าว่าเวลามาสาย ส่งงานเสร็จไม่ทันกำหนด คุณก็อาจจะต้องดูหนังผีที่โหดร้ายทารุณมากขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง อาจจะเป็นเรื่อง The Texas Chainsaw Massacre หรือ Hostel หรือ Haute Tension หรืออาจจะตีตั๋ว 100 บาท ไปนั่งดู Master of Horror 3 เรื่องควบตลอดบ่ายก็ได้

หนังผีเรื่องเหล่านี้ ถึงแม้จะโหด อุบาทว์ และแหวะจนเหลือทน เนื้อเรื่องกลวงเปล่า ไร้คุณธรรมจรรโลงจิตใจ มองไม่เห็นคุณค่าทางศิลปะ แต่มันก็ยังมีข้อดีอยู่ คือเมื่อมันพาเราไปถึงจุดสุดขอบของความอดทน และสุดขีดของความหวาดกลัวแล้ว มันสามารถถีบเราให้หลุดเลยออกไปจากจุดนั้น ผมอธิบายความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าเมื่อหลุดเลยจุดนั้นมันเป็นอย่างไร เมื่อเลเธอร์เฟซเหวี่ยงเลื่อยไฟฟ้าตัดขาเหยื่อที่กำลังวิ่งหนี เมื่อฆาตกรโรคจิตดันตู้ไม้ไปตัดเหยื่อ ที่กำลังติดอยู่ตรงราวบันได และเมื่อฆาตกรโรคจิตอีกคน เอามีดผ่าตัดมาปาดเอ็นร้อยหวายตรงข้อเท้าของเหยื่อ ที่กำลังถูกจับมัดให้นั่งบนเก้าอี้ทรมาน ผมนั่งตาเหลือก หัวใจเต้นแรงและเร็ว อดรีนาลีนหลั่งออกมา รู้สึกว่าตัวชาๆ หัวมึนๆ และเริ่มคิดว่า ไม่ว่าปัญหาใดในโลกนี้ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ ล้วนน้อยนิดกระจิดริดเสียเหลือเกิน เมื่อเทียบกับชะตากรรมของเหยื่อในหนังเหล่านี้

บ่ายวันนี้ผมเพิ่งไปนั่งดู Master of Horror อาทิตย์สุดท้ายมา นับรวมศพคนที่เห็นเฉพาะในวันนี้ได้มากกว่า 10 ศพแล้ว หนังเด็ดที่สุดสำหรับวันนี้ คือ Imprint ของทาเคชิ มิอิเกะ ผู้กำกับสุดซาดิสต์ ที่คอหนังผีทุกคนคงรู้จักกันดี ฉากทรมานเหยื่อด้วยการเอาเข็มทิ่มเข้าไปในเหงือก มันเจ็บเสียจนเหยื่อหมดสติ กล้ามเนื้อหูรูดทั้งตัวไม่ทำงาน ขี้เยี่ยวราดออกมาอุจาดตา ผมนั่งดูอยู่ในความมืด ในโรงที่มีคนดูรวมกันไม่ถึง 10 คนทั้งโรง บรรยากาศโหวงเหวงน่ากลัวพิลึก กว่าหนังจะจบหมดทั้งชุด ก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม ผมเดินออกจากโรงในสภาพกระปรกกระเปลี้ย ตัวชาๆ หัวมึนๆ ตรงบริเวณหน้าบันไดเลื่อน มีป้ายคัตเอาท์หนังโปรแกรมหน้า เป็นเรื่อง The Texas Chainsaw Massacre: The Beginning เป็นหนัง Prequel ของ Texas Chainsaw คาดว่าคงจะเล่าถึงต้นกำเนิดของเจ้าเลเธอร์เฟซ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ก่อนจะมาใช้เลื่อยไฟฟ้าฆ่าคน โปรแกรมนี้ผมไม่พลาดแน่นอน และผมคาดหวังว่ามันจะโหดและน่ากลัวมากขึ้นไปกว่าหนังภาคก่อนหน้านี้

ลืมบอกไป ว่าข้อเสียของการคลายเครียดด้วยการดูหนังผี ผมว่ามันอยู่ตรงที่ เราต้องดูหนังที่น่ากลัวมากขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงเลือดถึงเนื้อ เห็นเครื่องใน เห็นกระดูก มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราเคยถูกถีบให้หลุดเลยจุดสุดขอบของความอดทน และสุดขีดของความหวาดกลัวมาแล้วครั้งหนึ่ง หรือหลายครั้ง เราอาจจะเริ่มชินชากับมัน ในครั้งถัดไป เราจะต้องถูกถีบให้หลุดออกไปไกลกว่านั้นอีก แนวโน้มหนังผีจึงต้องโหดร้ายทารุณมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตัวผมเอง ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้หรอกนะ เป็นห่วงก็แต่พวก moralist ทั้งหลาย อาจจะรู้สึกระคายเคืองลูกตากับหนังเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างทางนั่งรถเมล์กลับบ้าน วันนี้ผมนั่งรถสาย 72 จากถนนเพรชบุรีตัดใหม่ เพื่อมาลงต่อรถแถวเทเวศน์ เวลาสองทุ่มแล้วรถยังติดบ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้ ตรงถนนศรีอยุธยา ช่วงที่มีรางรถไฟพาดผ่าน ไฟเขียวขึ้นแล้ว แต่รถข้างหน้าก็ยังไม่ยอมขยับ จนไฟแดงอีกรอบ

คนบนรถเมล์นั่งกันไม่เป็นสุข ผมพยายามชะเง้อชะแง้ดูข้างหน้าว่ามันติดอะไรของมัน เห็นรถพยาบาลและรถของมูลนิธิหลายคัน วิ่งบึ่งผ่านไป เห็นแสงไฟไซเรนสีแดงกระพริบวูบวาบอยู่ข้างหน้า ใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง กว่ารถเมล์สาย 72 ที่ผมนั่ง จะค่อยๆ ขยับมาจนถึงบริเวณสี่แยกที่ตัดกับรางรถไฟ ผมเห็นไทยมุงจำนวนมหาศาลกำลังมุงกันเป็นล่ำเป็นสัน มองไปบริเวณรางรถไฟ เห็นศพคนตายนอนอยู่ 1 ศพ มีผ้าขาวปูปิดทับร่างเขาเอาไว้ เหลือแต่ปลายเท้าที่ยื่นเลยผ้าออกมา ไอ้นี่เอง ที่ทำให้รถติดวินาศสันตะโรแบบนี้ เสียเวลาสิ้นดี ไม่งั้นป่านนี้คงถึงเทเวศร์ ได้ขึ้นรถต่อเกือบจะถึงบ้านแล้ว มันจะมานอนตายทำไมตรงนี้วะ หรือว่ามันถูกรถไฟทับตาย แล้วพวกไทยมุงนี่ก็เหลือเกินจริงๆ มามุงกันจนกีดขวางการจราจรแบบนี้ พอพ้นจากสี่แยกนั้นมาได้ ถนนก็โล่งโจ้งตามปกติ ผมโล่งใจที่พ้นมันมาได้เสียที กะอีแค่คนตายคนเดียว ทำเอาเสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง เฮ้อออ...

...

8 comments:

Anonymous said...

หวังว่าคงจะได้อ่านบทความดีๆ กันต่อไปนะครับ

the aesthetics of loneliness said...

ขอโทษด้วยครับ ผมแอบมาเกริ่นๆ โพสต์ทิ้งเอาไว้ก่อน แล้วเพิ่งมาเขียนต่อจนจบนี่แหละ

Anonymous said...

กลับมาอ่านฉบับเต็มอีกทีแระ
แหมๆๆ ตอนจบบิวท์คนอ่านให้คันไม้คันมือน่าดูเลยนะเพ่

=_=

ส่วนตัวไม่ชอบดูหนังผีค่ะ และยิ่งไม่ชอบความกดดันเมื่อต้องดูในโรงหนัง ถ้าเปิดดูอยู่ที่บ้าน แล้วกวาดบ้านถูบ้านไปด้วยไรเงี้ย พอไหว

เวลาไปดูหนังสยองๆ ที่โรงหนัง มันจะรู้สึกอึดอัดเหมือนตอนสระผมแล้วต้องหลับตาราดน้ำล้างหัวสมัยเด็ก ซึ่งเรามักเกิดความกลัวอย่างไม่มีเหตุผลช่วงหลับตานั้นมากๆๆๆ เป็นความอึดอัดคล้ายๆ กันอะ

แต่โตมาก็ไม่เป็นแล้วนะ
เปลี่ยนมากลัวเวลาลืมตามาเห็นร่างเปลือยตัวเองมากกว่า

...

Anonymous said...

ด่าแต่ไทยมุงก็พอมั้งเพ่ อย่าไปด่าคนตายเลย ใครเค้าอยากจะตายให้คนมามุงเล่นเล่า

Anonymous said...

ผมชอบหนัง horror ครับ
แหวะๆ เลือดๆ ตับไตไส้พุงพอได้
แต่ไม่ใช่แหวะทิ้งแหวะขว้าง
และไม่ใช่หวีดทิ้งหวีดขว้าง
อารมณ์ประมาณ Saw ล่ะชอบครับ แหะๆ
การดูหนังที่ทำให้ตัวเองกลัวสุดขีดได้นี่ มันเป็นการปลดปล่อยทางอารมณ์จริงๆ นะ พอหนังจบและปมสยองคลี่คลายแล้ว จะรู้สึกเหมือนตัวเองรอดตายมาด้วย ฮ่าๆๆ

Anonymous said...

ผมมีเรื่องหนึ่งที่จะบอกคุณพี่ตั้งหลายวันแล้วแต่ลืมทุกที คุณพี่ออกไปดูหนังก่อน

นั่นก็คือ ตอนนี้มีหนังใหม่เรื่องหนึ่งที่เราจะได้ดูในปี 2007
ชื่อเรื่อง Hannibal Rising มันคือการพาผู้ชมกลับไปหามล฿เหตุการเป็นฆาตกรจิตวิปรืตของดร.ฮันนิบาล เล็คเตอร์

ดูจากโปรดักชั่นแล้ว ก็เป็นหนังน่าดู เพราะย้อนไปถึงรากเหง้าของฮันนิบาล และที่สำคัญคนที่เล่นเรื่องนี้ในบทของคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ฮันนิบาล ก็คือ กงลี่ เธอเล่นเป็นญาติของฮันนิบาลที่มีความลึกลับและบมบางอย่าง

ตาม link นี้ไปนะครับ
ผมเองรู้เรื่องนี้จากห้องเฉลิมไทย

http://www.imdb.com/title/tt0367959/

ผมอยากให้พี่ลองจัดอันดับหนังสยองขวัญสั่นประสาท 10 เรื่อง ที่ดูแล้วฟินน์ที่สุดน่ะ

จะรออ่านนะ :)

The Carnivalesque said...

อืมมม
บล็อควันนี้ เขียนดีมากกกกกกก นะคะ
ชอบ ๆ
ชอบเนื้อหาในบล็อค
แต่ไม่ชอบหนังสยองขวัญอ่ะ
กลัว ไม่กล้าดู
มันบีบคั้นอารมณ์เกินไป
หนังโหดเหี้ยมแบบนี้ จะทำให้เราด้านชาต่อความตาย และซากศพ

อย่างดิฉัน เป็นเด็กนอกไง
ก็เลยได้ดูรายการเกี่ยวกับศัลยกรรมความงามเยอะ
เฉาะกันสด ๆ
ตัดกันสด ๆ
เจาะหน้าอก ยัดซิลิโคน
ตัด จุด จุด จุด ออก
เย็บ จุด จุด จุด ให้กระชับ
เปิดกระโหลก เคาะกระโหลก ดึงหนังศีรษะ เปลี่ยนรูปทรงศีรษะ
ไม่มีเบลอ ไม่มีเซ็นเซอร์เลยค่ะ
หมอบางคน sick มาก ๆ ๆ ๆ ๆ โชว์ดูดไขมันให้ตัวเอง

แรก ๆ ดูก็สยองแหว่ะ
ดูไปดูมา อย่างงี้ ตรูก็ทำนมให้ตัวเองได้ว่ะ
เหมือนง่าย เจาะ ยัด เย็บ

ดีนะ ที่รายการศัลยกรรมสด ๆ ออกโทรทัศน์แบบนี้ ไม่มีดนตรีประกอบอย่างหนังสยองขวัญ ไม่งั้นคงระทึกเกินไป

แต่ดูหนังสยองขวัญมาก ๆ
อย่าเผลอไปตัดเอ็นร้อยหวายใครนะคะ คุณพี่ขา

Anonymous said...

ขอโหวต หนังที่มะหมี่เล่นแล้วมันย่างเด็กเพื่อทำความสะอาดได้ไหม ภาพยังติดหัวอยู่เลย แอกจะต๊วก จิงๆ