...
ก่อนที่จะลงมือถ่ายทำหนังสั้น ผมก็จัดการร่างสตอรี่บอร์ดคร่าวๆ ระหว่างที่กำลังรอคนสัมภาษณ์ที่มาช้าประมาณครึ่งชั่วโมง วาดลวกๆ แค่เพื่อเป็นไอเดียว่าจะต้องไปถ่ายช็อตไหนมาบ้าง
1. เริ่มจากการมองนาฬิกาข้อมือ ระบุเวลาประมาณเที่ยงวัน
2. ภาพถ่ายระยะครึ่งตัว เห็นพระเอกของเราสะพายเป้อยู่หน้าพันธุ์ทิพย์ และเริ่มต้นเดิน
3. พระเอกก้าวขึ้นบันไดเลื่อน
4. ภาพแทนสายตาพระเอก บันไดเลื่อนค่อยๆ เคลื่อนขึ้นไปเรื่อย
5. ภาพถ่ายข้ามไหล่พระเอก มองเหม่อไปยังร้านค้า ดูสินค้าและป้ายราคา
6. ภาพถ่ายข้ามไหล่พระเอก จากอีกมุมหนึ่ง
7. กล้องหมุนรอบตัว แทนสายตาพระเอก เพื่อแสดงสภาวะมึนงง สับสน
8. ภาพโคลสอัพหน้าพระเอก ให้หน้านิ่งๆ โดยมีฉากหลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว
9. พระเอกเดินออกจากศูนย์การค้า ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง ระบุเวลา 16.00 น.
ตอนแรกคิดไว้ว่าจะใช้เพลงประกอบจากหนังเรื่อง All about Lily Chou-Chou (อีกแล้ว) แต่ปรากฏว่าไฟล์เพลงที่มีอยู่ เอามาใช้กับโปรแกรมตัดต่อหนังที่มีอยู่ในเครื่องไม่ได้ บังเอิญน้องบุ๊ยเบอร์รี่ ที่ออฟฟิศ เอาเพลงมาแนะนำให้ลอง เป็นเพลงจากหนังเรื่อง Lost in Translation ชื่อเพลงว่า Alone in Tokyo ฟังดูแล้วรู้สึกว่ามันเวิร์คมาก คือมีทำนองวนเวียนซ้ำๆ ตลอดทั้งเพลง บางช่วงอารมณ์ขึ้น บางช่วงอารมณ์ตก ดูแกว่งไกวสับสน เลยลองเอามาตัดต่อเข้ากับไฟล์ภาพ ปรากฏว่ามันเข้ากันได้ดี
หนังฉบับเต็มๆ ขอให้เปิดเข้าไปดูที่ http://lonesome-cities.exteen.com/ นะครับ อาจจะต้องใช้เวลาโหลดไฟล์นานสักหน่อย ในนั้นนอกจากไฟล์หนังนี้แล้ว ยังมีบทความและเรื่องสั้นของเพื่อนๆ ผม โพสต์ให้อ่านด้วย
...
4 comments:
ชอบที่มีภาพซ้ำ ๆ ของพระเอกกับป้ายราคาของน่ะ
และก็ชอบเพลงประกอบ ( เอ๊ะ บอกไปแล้วนี่หว่า )
แต่ว่าพอดูภาพรวมทั้งหมดแล้ว
ยังไม่ให้ความรู้สึกมึนงง สับสน
เท่าไรนัก ดูเรื่อยๆ ไปจิ๊ดนึง
ชอบ
เห็นด้วยว่ายังไม่รู้สึกว่ามึนงง สับสน เพราะสีหน้าตัวละครยังไม่แสดงว่ามึนหรือสับสน สำหรับการตัดต่อก็ดีนะชอบ
เคยเรียนวิชา Storyboard ด้วยครับ
เป็นหนึ่งในวิชาที่สนุกที่สุดเลย
แต่ก็เสียดายนิดนึงด้วยความที่ผมวาดรูปไม่เอาไหน
เพราะถึงแม้ว่าสตอรี่บอร์ดที่ดีไม่จำเป็นต้องอาศัยรูปวาดรูปชั้นเซียน
แต่คนวาดรูปเก่งๆ นี่ก็ยิ่งทำให้สตอรี่บอร์ดเขาน่าทึ่งจริงๆ นะ
ผมน่ะแค่พยายามวาดตีฟให้เป็นตีฟ (perspective) ก็เหนื่อยแล้วครับ
Post a Comment