Saturday, October 14, 2006

มารยาทในโรงหนัง

...

ตามปกติแล้วผมเป็นคนค่อนข้างจู้จี้ขี้รำคาญมาก ค่อนข้างไวกับการสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ ไม่ถูกไม่ต้อง ก๊อกๆ แก๊กๆ ใกล้ๆ ตัว แล้วพอสังเกตเห็นมันปุ๊บ ใจก็จะไปจดจ่อหมกมุ่นอยู่กับตรงจุดนั้นตลอดเวลา อย่างไม่อาจจะกลับมาสู่เรื่องตรงหน้าได้ แบบเวลาที่จอแอลซีดีตัวเก่าที่บ้านเริ่มมีจุด dead pixel ขึ้นมาปุ๊บ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ไม่ว่าจะนั่งพิมพ์งานหรือเล่นอินเตอร์เน็ตอะไรยังไง สายตาจะคอยชำเลืองไปหาจุดบอดตรงนั้นแทบจะตลอดเวลา หรือพวกควันบุหรี่ เสียงเพลงดัง เสียงเด็กร้องกวนใจจากข้างบ้าน อะไรทำนองนั้นแหละครับ ที่จะทำให้ผมว่อกแว่กและอารมณ์เสียได้ง่ายๆ นิสัยแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรหรอก มันทำให้ไปดูหนังที่โรงหนังลำบากเหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นหนังรอบที่มีคนแน่นๆ ในวันเสาร์อาทิตย์ และยิ่งถ้าเป็นโรงหนังพวกมัลติเพล็กซ์แบบที่ตั้งอยู่บนศูนย์การค้า โรงหนังพวกนี้จะมีแนวโน้มว่าจะมีสิ่งกวนใจ รบกวนการดูหนังมากขึ้นตามไปด้วย อย่างเช่นพวกเด็กวัยรุ่นที่ชอบคุยกัน หรือพวกที่ใช้โทรศัพท์มือถือ คือพอได้ยินเสียงอะไรแว่วๆ ก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่ใกล้ๆ ปุ๊บ สมาธิผมจะหลุดจากหนัง แล้วไปจดจ่ออยู่กับเสียงนั้นทันที อย่างช่วยไม่ได้ และอย่างไม่ได้ตั้งใจด้วย เมื่อก่อนตอนที่กำลังร้อนๆ สิ่งที่ผมทำบ่อยๆ คือการหันขวับไปจ้องหน้ามันด้วยตาเขียวๆ ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่สมาธิก็แตกกระเจิงไปแล้ว สิ่งที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก แต่ก็เคยทำมาบ้าง คือการตวาดใส่พวกไม่มีมารยาทในโรงหนังพวกนี้ ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่มันก็เสียวสันหลังวาบๆ ตลอดเวลาที่ดูหนังต่อจากนั้น กลัวว่าไอ้นั่นมันจะหันมาทำร้ายหน่ะสิครับ

เมื่อหลายปีก่อน มีเหตุการณ์อยู่ครั้งหนึ่งที่ผมจำได้แม่นยำ วันนั้นเป็นวันหยุดราชการอะไรสักอย่าง ที่บังเอิญตรงกับเทศกาลตรุษจีนพอดี ผมไปนั่งดูหนังเฉินหลง ในโรงหนังแบบมัลติเพล็กซ์นี่แหละ ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้ เพราะหนังเฉินหลงดูเหมือนกันทุกเรื่อง และมันก็ชอบเข้าช่วงวันตรุษจีนเหมือนกันทุกเรื่องเสียด้วย ประเด็นไม่ได้อยู่ที่หนังของเฉินหลงครับ มันอยู่ที่กลุ่มคนที่มาดูหนังเฉินหลงในวันหยุดราชการ ที่ตรงกับวันตรุษจีน ในโรงหนังบนศูนย์การค้า และหนังรอบนี้พากษ์ไทยด้วย คุณพอจะนึกภาพออกไหมล่ะ ว่าจะมีจำนวนเยอะขนาดไหน และเป็นคนประเภทไหน ผมนั่งดูไป ก็หงุดหงิดรำคาญโน่นนี่ไปเรื่อย เสียงเด็กร้องบ้าง เสียงคนไอค่อกแค่ก เสียงโทรศัพท์มือถือมาจากเก้าอี้ไกลๆ เสียงคนหัวเราะแบบตั้งหน้าตั้งตาหัวเราะทุกฉาก ฯลฯ จนกระทั่งหนังจบด้วยอารมณ์ที่กำลังค้างคา ผมเดินไหลๆ เบียดคนมหาศาลออกมาจากโรง สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินอยู่ใกล้ๆ กัน เขาแต่งตัวซอมซ่อ ลักษณะท่าทางเหมือนเป็นกรรมกร หรือพนักงานระดับล่างๆ ที่วันนี้ได้หยุดงาน เลยมานั่งดูหนังเฉินหลง เมื่อเดินเบียดๆ กันต่อมาอีกสักพัก จนถึงบริเวณโถงหน้าห้องน้ำ ซึ่งมีคนยืนออกันอยู่เต็ม เขาควักซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วมองซ้ายมองขวา ท่าทางเลิ่กลั่ก เหมือนกับกำลังสงสัยว่าตรงนี้สูบบุหรี่ได้หรือยังเนี่ยะ? แล้วสายตาเขาก็กวาดมาเจอสายตาผมพอดี ผมเบะปาก ทำหน้าเหยียดๆ แล้วส่ายหัว ตวาดใส่เขาว่าตรงนี้สูบบุหรี่ไม่ได้ เขาชะงักกึก ยัดซองบุหรี่ใส่กลับไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วรีบคว้ามือลูกชายของเขา เดินออกจากตรงนั้น

ผมยังจำความรู้สึกในเสี้ยววินาทีแรกนั้นได้อยู่เลยครับ ว่าสะใจมาก สะใจจริงๆ หลังจากที่อัดอั้นอารมณ์ค้างคามาจากในโรงหนัง ที่เต็มไปด้วยพวกไร้มารยาท พอมาเจอคนจะสูบบุหรี่หน้าห้องน้ำในศูนย์การค้า ผมเลยจัดการสร้างความถูกต้องให้เกิดขึ้นในสังคม แต่ในอีกเสี้ยววินาทีต่อมา เมื่อเห็นเขาจูงมือลูกชาย เดินลับสายตาไปท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน ผมรู้สึกเสียใจ และจนถึงวันนี้ ผมยังเสียใจ อย่างที่เล่าไว้ตอนต้น ว่าเขาแต่งตัวซอมซ่อ ลักษณะท่าทางเหมือนเป็นกรรมกร หรือพนักงานระดับล่างๆ ที่วันนี้ได้หยุดงาน เขาคงไม่ได้มาที่นี่บ่อยนักหรอก เขาจึงไม่รู้ว่าตรงไหนสูบบุหรี่ได้หรือไม่ได้ วันนี้คงถือเป็นวันที่พิเศษมากสำหรับเขาและลูก ในวันหยุด ผู้ชายซอมซ่อคนนึง จูงมือลูกชายพามาดูหนังเฉินหลง แต่ผมกลับไปตวาดเขา!

...

4 comments:

Anonymous said...

ใจเย็นๆจ้า

Anonymous said...

จาก สวยนอกซอย

ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่เจอคนนิสัยเหมือนกัน เพราะเราก็เป็นคนขี้รำคาญมาก ๆ เคยไปยืนต่อคิวใน 7-11 แล้วเจ๊คนหนึ่งมาจากไหนไม่รู้ แซงคิวเฉยเลย เราเลยบอกไปว่า เห็นคิวไหม เพื่อนที่ไปด้วยตกใจมาก ขอโทษเจ๊คนนั้นยกใหญ่ เราเลยโมโหขึ้นไปอีกว่าจะไปขอโทษเค้าทำไม เพราะก็เห็นอยู่ว่าแซงคิว เพื่อนมันบอกว่าอายเขาว่ะ เรื่องแค่นี้

มีอยู่ครั้งหนึ่งนั่งมินิบัสที่ซิ่งมากกกกกกกกกกกกกก เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยนั่งรถอะไรที่ตีนผีขนาดนี้มาก่อน แต่น่าแปลกใจมากที่ผุ้โดยสารคนอื่นยังคงสงบนิ่งกันทั้ง ๆที่รถคันนี้แทบจะเป็นฉากหนังเรื่อง con air ได้แล้ว เรานั่งอยู่หลังรถเลยตะโกนไปว่า "พี่ขับช้าหน่อย มันเสียว"

แปลกมาก อีตาคนขับยังคงทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปัดป่ายซ้ายขวาและแซงรถทุกคันในภิภพนี้ เราเลยเดินไปหาเค้าแล้วสะกิดว่า "พี่ ช่วยขับช้าได้ไหม" แล้วเราก็นั่งข้างหลังเค้า คอยสะกดจิตไม่ยอมไปไหน พอมันยังขับเร็ว เราก็ด่ามันอีก ขับเร็ว กู เอ๊ย เราก็ด่าอีก จนท้ายที่สุดมันต้องหันมาขอโทษบอกว่าไม่คิดว่าจะมีคนกลัว เวรเอ๊ย

เราว่าถ้ามีใครมาร้ายกับเรา สิ่งที่เราจะทำคือร้ายตอบ ให้สะใจไปเลย เหลือแค่บางคนไว้รักและให้อภัยตลอดกาลสักคนสองคนก็พอ เน่าไหม อิๆๆๆ

Anonymous said...

วันนี้ไปดู Departed ที่เซ็นทรัล ลาดมะพร้าว มา ถึงเซ็น ลาด 5 โมงเย็น ได้ดูรอบ 20:30 ออกมาตอน 23:30 ตอนกลับจ่ายค่าจอดรถไป 90 บาท

ช็อคเลย ต๊าย นี่เราไม่ได้ดูหนังนานจนไม่รู้ว่าค่าที่จอดรถมันขึ้นราคาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย..ย...ย..

คราวหน้าต้องไปเช็คซะหน่อยแร๊ว ตอนนี้ยังตกใจอยู่เลย

The Carnivalesque said...

เบื่อพวกชอบคุยกันในโรงหนัง
ไม่รู้เขาคิดอะไรของเขา
ถึงได้เสียเงินเสียทองมานั่งคุยกันในโรงหนัง
แทนที่จะดูหนัง
เกลียด เกลี๊ยด เกลียด