...
เมื่อวานตอนเย็น หลังจากที่เพิ่งออกมาจากงานสัมมนาปรัชญาชีวิต อันโคตรจะบูลชิทแล้ว ก็ไปหาอะไรกินกับน้องที่ออฟฟิศก่อนจะกลับบ้าน น้องชวนว่า พี่! กินซิสเล่อร์เหอะ คุ้มดี เพราะมันกำลังมีโปรโมชั่นแค่ 139 บาทเอง ด้วยความที่ตอนนั้นกำลังเซ็งอารมณ์สุดขีด สัมมนาปรัชญาชีวิตบูลชิทอะไรของมันก็ไม่รู้ ก็เลยเออๆ ออๆ เดินตามไป เผื่อว่าไปนั่งกินอะไรหรูๆ บ้าง แล้วอาจจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง ตอนหัวค่ำแบบนี้ มีคนมารอต่อคิวยาวเหยียดเป็นธรรมดาของร้านแบบนี้ ผมเดินไปเดินมา นั่งรอแล้วรออีก กว่าจะได้เข้าไปนั่งกินในร้าน พอไปนั่งโต๊ะสักพัก พนักงานหยิบเมนูมาให้ แล้วยืนรอจดรายการอาหาร ผมพลิกเมนูไปมา 2-3 รอบ ก็ไม่เห็นว่ามันมีเมนูโปรโมชั่น 139 บาท ระบุไว้ในนั้นเลย พอวางเมนูลง กวาดตามองไปบนโต๊ะ เพื่อจะหาเมนูพิเศษที่เขาทำเป็นแสตนด์ตั้งโต๊ะเอาไว้ หยิบขึ้นมาพลิกไปพลิกมาหลายรอบ ก็ไม่เห็นว่ามันมีเมนูโปรโมชั่น 139 บาทอีกนั่นแหละ เมนูที่มีอยู่ตรงนั้น มีแต่รายการอาหารราคา 200-300 บาททั้งนั้นครับ พวกไส้กรอกบ้าง ซี่โครงหมูบ้าง สเต๊กเนื้อชั้นดีบ้าง ซีฟู้ดรวมทอดบ้าง ฯลฯ แต่ไม่มีเมนูโปรโมชั่น 139 บาท พนักงานยังคงยืนอยู่อย่างเงียบกริบ ไม่เอ่ยปากพูดอะไรเลย เพียงแค่รอคำสั่งอาหาร จนกระทั่งน้องที่ไปด้วย เอ่ยปากถามว่า มีเมนูโปรโมชั่น 139 บาทหรือเปล่า นั่นแหละที่พนักงานจึงจะเริ่มปริปาก ว่ามีครับ จะรับเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเนื้อปลาดี
ผมว่าร้านอาหารทำแบบนี้ไม่แฟร์เลยครับ ไม่มีเมนูสินค้าทั้งหมดให้ลูกค้าดู และไม่นำเสนอทางเลือกที่เป็นโปรโมชั่นให้ลูกค้า ต้องให้ลูกค้าเป็นฝ่ายเอ่ยถามเอง ถึงสิทธิในการได้รับโปรโมชั่นของตนเอง แบบนี้ถ้าลูกค้าคนไหนหน้าบางหน่อย หรือถ้าหนุ่มไหนชวนสาวที่กำลังจีบกันอยู่ มานั่งกินร้านนี้ ผมว่าพวกเขาไม่กล้าเอ่ยถามเมนูโปรโมชั่น 139 บาทอะไรนี่หรอก เพราะมันจะทำให้เขาดูกระจอกต๊อกต๋อย เขาก็คงได้แต่เลือกสั่งไปตามเมนูที่มีวางไว้บนโต๊ะนั้น ซึ่งแพงกว่าทั้งนั้น เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับผมทีนึง ตอนนั้นไปจะไปกินไอศครีมในร้านบาสกิ้นรอบบิ้น ที่หน้าร้านมีป้ายโฆษณาใหญ่โต ว่าวันนี้มีเมนูพิเศษ ซูเปอร์ชอคโกแลตบราวนี่ อะไรนี่แหละ จำชื่อเมนูไม่ได้ ราคา 69 บาทเท่านั้น พร้อมกับนำรูปไอศครีมนี้มาโชว์เสียใหญ่โตที่หน้าร้าน ผมอยากกินก็เลยเดินเข้าไป แต่พอเข้าไปในพื้นที่ภายในร้านแล้ว ไปยืนสั่งไอศครีมที่เคานเตอร์หน้าตู้เย็น กลับไม่มีป้ายโฆษณาเมนูไอศครีมโปรโมชั่นนั่นอยู่เลย มองซ้ายมองขวา กวาดสายตาไปทั่วร้านก็ไม่เห็นป้ายนี้เลยสักใบ จนต้องเอ่ยถามกับพนักงานว่า ผมจะเอาเมนูโปรโมชั่น 69 บาท ที่แปะไว้หน้าร้านนั่นแหละ เรียกว่าอะไรผมจำไม่ได้ แต่ผมจะเอาอันนั้น พนักงานจึงจะรับออร์เดอร์ไปตักให้ แล้วก็อย่างที่คาดนั่นแหละครับ ว่าสินค้าของจริง ไม่ได้น่ากินเหมือนกับในภาพโฆษณาหน้าร้านหรอก
ไม่รู้ว่าผมมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่านะ แต่ผมคิดว่าร้านอาหารพวกนี้จงใจทำแบบนี้ คือแปะป้ายโฆษณาสิ่งที่น่าสนใจไว้หน้าร้าน เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เดินเข้าไป แต่พอถึงจุดที่จะซื้อขายสินค้ากันจริงๆ เขากลับนำเสนอสิ่งอื่น ที่แพงกว่า หรือที่เขาได้ผลประโยชน์มากกว่า มาให้เรา ทำกันแบบนี้ ก็ไม่ต่างไปจากพวกบาร์อะโกโก้ที่พัฒน์พงษ์หรอกครับ ที่ให้เด็กมาคอยลากแขกฝรั่งเข้าร้าน บอกว่ามีโชว์ ดริงค์ละร้อย แต่พอฝรั่งเข้าร้านไป ก็โดนฟันหัวแบะกันออกมาทุกที ผมว่ามีร้านอาหารทำแบบนี้กันหลายร้าน คุณระวังกันให้ดีๆ ครับ อย่าให้เขาเอาโปรโมชั่นมาหลอกล่อได้ง่ายๆ และต้องทวงสิทธิอันพึงได้พึงมีของเรา ยกเว้นไว้ร้านหนึ่งครับ คือสเวนเซ่นส์ ผมว่าเขาแฟร์ดี ตั้งชื่อเมนูง่ายๆ จำง่ายๆ ฟิฟตี้ไนน์ซันเดย์ แล้วอัดโฆษณาทางโทรทัศน์ซ้ำๆ จนจำได้ และเป็นเมนูที่เด่นชัด ดังนั้น ถ้าลูกค้าอยากกิน ก็แค่เดินเข้าร้านไป แล้วสั่งว่าฟิฟตี้ไนน์ซันเดย์แค่นี้ก็ได้กินแล้ว เขียนบล้อกนี้แล้วชักหิวครับ พักนี้เขียนเรื่องของกินในชีวิตประจำวันบ่อยหน่อยนะครับ
...
Sunday, October 08, 2006
ซิสเล่อร์
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
1 comment:
เห็นด้วย เรื่องที่รู้สึกว่าร้านที่มีวัตรอย่างนั้นไม่แฟร์
ตอนไปกินก็รู้สึก
และรักสเวนเซ่นส์ โดยเฉพาะสาขาที่ให้วิปครีมแยะๆ และตกแต่งแบบไม่หวงทรัพยากร
ความสุขไม่มีวันละลาย...
...ตุ๊ก ตุ๊ก วิ่งผ่าน
Post a Comment