Tuesday, October 10, 2006

มาม่า

...

หลังจากที่เขียนถึงเรื่อง นมเปรี้ยวที่มีน้ำนมครึ่งเดียว มันฝรั่งทอดที่ซองใหญ่ๆ แต่ข้างในมีแต่ลม และร้านอาหารที่เอาแต่เมนูแพงๆ มาให้เราสั่งอาหาร วันนี้ขอเขียนถึงเรื่องมาม่าครับ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสินค้าที่มียอดขายแปรผกผันกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เขียนเกริ่นๆ และถ่ายรูปซองมาให้ดูกันก่อน ไว้เดี๋ยวคืนนี้จะกลับมาเขียนเรื่องนี้ต่อนะครับ ตอนนี้ต้องรีบออกไปดู The Departed รอบสื่อมวลชนก่อนแล้ววว เดี๋ยวไปไม่ทัน

เจอกันคืนนี้



เพิ่งกลับมาจากการดูหนัง The Departed ครับ หนังสนุกระดับมาตรฐานฮอลลีวู้ด แต่กลับไม่ค่อยมีกลิ่นไอหรือเสน่ห์บางอย่างของหนังมาเฟียดิบๆ แบบมาร์ติน สกอร์เซซี อย่างที่แฟนๆ หนังสกอร์เซซีอาจจะชื่นชอบใน Goodfellas และ Casino และที่สำคัญ คือเขาทำออกมาสู้ต้นฉบับหนังฮ่องกงไม่ได้เลยครับ คือไม่ค่อยลุ้นระทึกสักเท่าไร หนังต้นฉบับนี่นั่งลุ้นนั่งเกร็งเอาใจช่วยเหลียงเฉาเหว่ยตลอดทั้งเรื่อง และรู้สึกสลดหดหู่สงสารหลิวเตอะหัวจับใจ แต่หนังฉบับฮอลลีวู้ดกลับไม่ค่อยอินกับชะตากรรมของตัวละครเลย หนังรีเมคพวกนี้ทำกันออกมาแล้วสู้ต้นฉบับไม่ค่อยได้นะครับ ทั้ง The Ring และล่าสุดก็ Il Mare นี่ผมไม่ได้วิจารณ์ด้วยอคตินะครับ ไม่ใช่พวกอาหารแช่แข็งไม่อร่อยอะไรพวกนั้น และก็ไม่ใช่เพราะว่าผมเคยดูต้นฉบับมาแล้ว พอมาดูซ้ำฉบับรีเมคเลยไม่ตื่นเต้น แต่มันเป็นเพราะเสน่ห์บางอย่างหรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบเอเชีย ที่ผู้กำกับฮอลลีวู้ด อาจจะไม่สามารถถ่ายทอดหรือเก็บไว้ได้หมด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในหนัง The Departed คือการที่จะให้ลีโอนาร์โด ดีคาปรีโอ มานั่งทำหน้าเหงาๆ ซึมๆ แปลกแยกจากโลก มันก็ดูไม่ค่อยอินเท่าไรเลยครับ เทียบกับพี่เหลียงของเราแล้วเหนือกว่าเยอะ เพราะภาพวีรบุรุษผู้เปลี่ยวเหงาแบบนี้ ผมว่าจำเป็นต้องใช้ดาราเอเชียที่มีภาพจอมยุทธ์กำลังภายในมาแสดง และอีกประการหนึ่ง เขาไม่สามารถทำให้เรารู้สึกได้ ว่าตัวเจ้าพ่อ แจ๊ค นิโคลสัน กับตัวตำรวจคอร์รัปชั่น แมท เดม่อน มีความผูกพันกันจนถึงขั้นที่ต้องยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ช่วยเหลือเกื้อกูลกันขนาดนั้น เพราะผมว่าความรู้สึกผูกพันกันระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย ผู้อุปถัมภ์กับผู้ได้รับอุปถัมภ์ เจ้าพ่อกับลูกสมุน มันจะฉายออกมาได้ชัดในสังคมแบบเอเชียของเรามากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม หนังสนุกพอสมควรครับ ควรค่ากับค่าตั๋ว 120 บาท และการใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ในวันหยุดสุดสัปดาห์

กลับมาเรื่องมาม่าของเราต่อดีกว่าครับ คือวันนี้เข้าไปในห้องครัวของที่ออฟฟิศ เห็นมาม่าซองนี้ของใครก็ไม่รู้ วางอยู่บนโต๊ะ เลยสังเกตว่าซองมาม่ารุ่นใหม่ เขาติดป้ายโฆษณาแคมเปญแจกทองเสียใหญ่โต จนมันกินพื้นที่ไปเกือบจะ 2 ใน 5 ของหน้าซองบะหมี่แล้ว ผมเลยนึกไปถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกยี่ห้อหนึ่ง ยำยำมิกซ์ทูแมกซ์ ที่มักจะเห็นโฆษณาทางโทรทัศน์เป็นประจำ ตอนเช้าวันเสาร์อาทิตย์ ในช่วงการ์ตูนสำหรับเด็ก ก็มีการจัดแคมเปญชิงโชคแบบนี้เหมือนกัน รายนี้ดูเหมือนว่าจะจับกลุ่มลูกค้าเด็กๆ จึงแจกรางวัลเป็นแพคเกจทัวร์เที่ยวประเทศญี่ปุ่น แล้วก็ให้ดาราเด็กผู้ชาย จากหนังเรื่องแฟนฉัน มาเป็นพรีเซนเตอร์แคมเปญนี้ พักนี้สินค้าอะไรๆ ก็จัดแคมเปญชิงโชคกันนะ ตั้งแต่แชมพูสบู่ยาสีฟัน มาจนถึงอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงรถและบ้าน คุณสังเกตไหม ลองนับดูช่วงพักเบรคโฆษณาของรายการทีวีปกติ คุณจะเห็นว่าโฆษณาประมาณเกินครึ่ง เป็นโฆษณาแคมเปญชิงโชค ไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงรายการการ์ตูนเด็กในตอนเช้าเสาร์อาทิตย์ พวกสินค้าขนมเด็ก ยังอุตส่าห์จัดแคมเปญชิงโชคกับเขาด้วย นอกจากจะได้เห็นในช่วงโฆษณาแล้ว ในช่วงรายการปกติ เขาก็ยังนำเอาการโชว์จับรางวัลมาใส่ไว้ในรายการ ตั้งแต่ในรายการวาไรตี้บันเทิงทั่วไป ไปจนถึงรายการคุยข่าวยอดฮิต ก็ยังมีการจับรางวัล และการนำภาพผู้ได้รับรางวัลมาโชว์ตัว ว่าได้ของรางวัลไปจริงๆ

วันก่อนมีใครก็ไม่รู้ ผมจำชื่อเขาไม่ได้ ประมาณว่าเป็นนักกฎหมาย หรือประธานศาลอะไรสักอย่าง ออกข่าวทุกช่องเลย ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับนโยบายหวยบนดินของรัฐบาลที่แล้ว เพราะเป็นสิ่งมอมเมาประชาชน โดยเฉพาะการให้มีรางวัลแจ็คพอตหลายสิบล้าน ก็จะยิ่งปลุกปั่นให้ประชาชนหลงใหลมัวเมาอยู่กับอบายมุขนี้ เห็นข่าวนี้แล้วก็รู้สึกอุ่นใจครับ ว่าคนในบ้านเมืองนี้ยังมีความคิดเอนมาทางด้านศีลธรรม จริยธรรมกันอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าจะเอนไปทางด้านวัตถุนิยมและทุนนิยมกันไปเสียหมด แต่ผมจะบอกว่า นอกจากหวยรัฐบาลพวกนั้นที่เป็นอบายมุข และกำลังมอมเมาประชาชนอยู่อย่างหนักตอนนี้ ยังมีแคมเปญชิงโชคของสินค้าสารพัดสารเพพวกนี้ด้วยครับ ที่น่าจะต้องจับตาดูกันอย่างระมัดระวัง การมีแคมเปญชิงโชคเยอะๆ แบบนี้ มันสะท้อนให้เห็นอารมณ์ของผู้คนในสังคมนะครับ คือนอกจากว่าเรากำลังจนกรอบกัน จนต้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันเยอะขึ้นแล้ว เรายังรู้สึกสิ้นหวังกับอนาคตข้างหน้า ว่าการทำงานและใช้ชีวิตอย่างปกติ จะไม่สามารถทำให้เรามีความสุขในวันข้างหน้าได้ เราจึงจำเป็นต้องหันมาพึ่งการชิงโชคมากขึ้น โดยหวังว่าเมื่อกินบะหมี่ยี่ห้อนี้ไปเรื่อยๆ แล้วส่งฉลากไปเรื่อยๆ สักวันเราจะได้มีเงินมีทองใช้ และมีความสุขมากกว่านี้ ที่น่าอนาถใจคือ สินค้าขนมเด็กยังอุตส่าห์ใช้วิธีชิงโชคแบบนี้ในการส่งเสริมการขาย นักการตลาดรู้ใช่ไหม ว่าเด็กสมัยนี้สิ้นหวัง จึงหันมามอมเมาเขาตั้งแต่เด็กๆ แบบนี้

พักนี้เขียนบล้อกถึงเรื่องสินค้าในชีวิตประจำวันบ่อยหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกัน อย่างสินค้านมเปรี้ยวที่เขียนถึงเมื่อหลายวันก่อน เขาก็ใช้วิธีขายอีเวนต์การประกวดหนุ่มหล่อสาวสวย ส่วนสินค้ามันฝรั่งทอดซองๆ เขาก็ใช้วิธีขายด้วยพรีเซนเตอร์คนดัง ส่วนสินค้าที่เหลือ ถ้าไม่ใช้วิธีอีเวนต์และคนดัง เขาก็ใช้วิธีชิงโชคแทน สมัยนี้เวลานักการตลาดจะขายสินค้า เขาไม่ได้ขายสินค้ากันแล้วนะครับ น่าดีใจกับคนไทยครับ ในฐานะผู้บริโภคสินค้า วันๆ นี่เราซื้อสินค้าหรือว่าซื้ออะไรกันแน่ เราซื้อความรื่นเริงจากงานอีเวนต์ หรือว่าเราซื้อภาพลักษณ์จากคนดัง หรือว่าเราซื้อความหวังลมๆ แล้งๆ จากการชิงโชค

...

2 comments:

Anonymous said...

ซื้อแยมส้มจากภูฏาน
มาฝากชาวจีเอ็ม
เขาไม่ได้ใช้พรีเซ็นเตอร์ใดๆ โฆษณา ทั้งสิ้น
แถมรายการทีวีก็ยังไม่มีโฆษณาใดๆ
ให้ระคายหู ตา

บนฝากระปุกแยมส้ม เขาประทับตรา
Royal Bhutan แค่นั้นเอง

( ไปภูฏานครั้งนี้ชอบดูรายการทีวีเขามาก )

Riverdale said...

ผิดหวังนิดหน่อยกับ The Departed เหมือนกันครับ ผมว่ายังไงก็ยังสู้ Infernal Affair ไม่ได้ ตัวละครมันดูขาวกับดำมากไปหน่อย แต่สไตล์หนังในช่วงครึ่งแรกของสกอร์เซซี่เนี่ยสุดยอดมากๆ

สิ่งที่ผมคิดถึงที่สุดจากเวอร์ชั่นฮ่องกง คือ ความลุ่มลึก เวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดมันดูโฉ่งฉ่างและชัดเจนไปหมดยังไงไม่รู้ อารมณ์เหงาๆ เศร้าๆ มันดูไม่แรงเท่า แต่ผมว่าในส่วนแอ็กชั่นก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ถ้าผมไม่ได้ดูเวอร์ชั่นดั้งเดิมมาก่อน ผมคงลุ้นมากกว่านี้