Thursday, October 05, 2006

นมเปรี้ยว

...


การประกวดดัชชี่บอยดัชชี่เกิร์ล ประจำปีนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ผมเพิ่งเห็นโฆษณาของงานนี้ทางโทรทัศน์ช่องไอทีวีเมื่อคืนวาน ปีนี้รูปแบบการประกวดเขาไม่ได้เป็นแบบปีก่อนๆ ที่ให้ไปเดินๆ บนเวที ตอบคำถาม และแสดงเล็กๆ น้อยๆ รูปแบบเดียวกับการประกวดนางงามแล้วครับ แต่เขาเปลี่ยนรูปแบบใหม่ให้กลายเป็นรายการเรียลิตี้โชว์ แล้วให้คนทางบ้านโหวตเข้าไป เหมือนกับพวกประกวดเดอะสตาร์ และเอเอฟ เดี๋ยวนี้รายการอะไรๆ ก็ต้องมีรูปแบบเป็นเรียลิตี้กันทั้งนั้นแล้ว เห็นแล้วตลกดีเหมือนกัน จริงๆ แล้วผมไม่ได้สนใจและไม่เคยดูการประกวดดัชชี่ปีที่ผ่านๆ มาหรอก และปีนี้ผมก็ยังคงไม่ได้สนใจจะเปิดไปดู หรือกดโทรศัพท์ไปโหวต แต่ผมอยากจะเขียนถึงมัน เพราะที่บ้านผมมีนมเปรี้ยวอยู่เต็มตู้เย็น เวลาแม่ไปว่างมากๆ แล้วไปเดินบิ๊กซีหรือโลตัสเพื่อฆ่าเวลา แม่มักจะหนีบนมเปรี้ยวกลับมาบ้านทีละ 2-3 แพค แล้วยัดเข้าไปในตู้เย็นทิ้งไว้แบบนั้น

ผมไม่ค่อยชอบกินนมเปรี้ยวพวกนี้เท่าไร นอกจากเวลาที่ในตู้เย็นไม่มีขนมอะไรอย่างอื่นเหลือให้กิน ผมก็มักจะหยิบมันมาเสียบหลอดดูด กินเล่นเป็นของหวานหลังอาหาร เหตุที่ผมไม่ชอบกินนมเปรี้ยวพวกนี้ ก็เพราะรู้ๆ อยู่ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรต่อร่างกายสักเท่าไร ถึงแม้มันจะขึ้นชื่อว่า "นมเปรี้ยว" แต่ถ้าคุณลองอ่านฉลากข้างกล่อง เพื่อดูส่วนผสมอย่างละเอียด คุณก็จะเห็นว่ามันมีส่วนผสมที่เป็นน้ำนมเพียงแค่ 50% เท่านั้นเอง ที่เหลือเป็นน้ำผลไม้ และน้ำตาลทราย บวกรวมกันแล้วยังไม่ถึง 100% เลยครับ สงสัยว่าส่วนเปอร์เซนต์ที่หายไปไม่ระบุ คงจะเป็นน้ำเปล่าและพวกสารเคมีแต่งกลิ่นรสนั่นเอง สรุปว่ากินนมเปรี้ยวกล่องเล็กๆ ราคา 8-10 บาท 1 กล่อง เราจะได้คุณค่าจากน้ำนมเพียงแค่ครึ่งเดียว ที่เหลือเป็นน้ำตาลและน้ำเปล่า โดยบริษัทผู้ผลิตยังคงสามารถโฆษณาเรียกสินค้านี้ว่านมเปรี้ยวได้อย่างไม่กระดากปาก ไม่ละอายใจ

ไม่ใช่เฉพาะนมเปรี้ยวยี่ห้อดัชมิลล์นะครับ ที่มีส่วนผสมของน้ำนมแค่ครึ่งเดียว นมเปรี้ยวยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาดตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนองโพ โยโมสต์ แม้กระทั่งยาคูลท์ ก็มีส่วนผสมของน้ำนมประมาณใกล้เคียงกันนี้ หรืออาจจะมีมากกว่านิดหน่อย โดยทุกยี่ห้อก็ยังเรียกตัวเองว่านมเปรี้ยว และวางขายสินค้าตัวเองบนชั้นวางในหมวดอาหารนม ในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป และไม่ใช่เฉพาะนมเปรี้ยวแบบกล่องๆ พวกนี้นะครับ คุณลองสังเกตโยเกิร์ตแบบเป็นครีมข้นๆ ใส่ถ้วย ที่วางขายกันเกลื่อนซูเปอร์มาร์เก็ต หยิบมาอ่านฉลากดูให้ดีๆ ก็จะเห็นว่ามันมีน้ำนมโคน้อยลง กลายเป็นส่วนผสมของน้ำตาล และอะไรอื่นๆ ที่ไม่ยอมระบุ ผมคาดว่าคงเป็นแป้งที่ทำให้เนื้อโยเกิร์ตดูเหนียวๆ ข้นๆ แบบนี้จึงไม่น่าแปลกใจหรอก ว่าทำไมเด็กไทยสมัยนี้ถึงได้อ้วนกันเหลือเกิน ในเมื่ออาหารต่างๆ ในท้องตลาด ได้ลดส่วนผสมหลักๆ ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงลงไป แล้วไปใส่น้ำตาลและสารเคมีปรุงแต่งกลิ่นรสเข้าไปแทนที่ ให้มันดูเต็มกล่อง

ประเด็นคือ คุณคิดว่าน้ำนมอีก 50% ที่เหลือ ที่ผู้ผลิตไม่ยอมใส่เข้าไปในกล่องนมเปรี้ยวของพวกเรา มันหายไปไหนครับ ส่วนผสมอื่นๆ อีกครึ่งกล่องนั้น มันมีต้นทุนหรือมูลค่าเทียบเท่ากับน้ำนมหรือเปล่าหล่ะ ผมคิดว่ามูลค่าส่วนนี้ มันคงหายไปกับงบประมาณ ในการจัดประกวดดัชช้งดัชชี่บอยแอนด์เกิร์ลอะไรพวกนี้แหละ ในการทำมาร์เก็ตติ้งให้สินค้าสมัยนี้ เพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่ง คุณไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าให้ดีเลิศประเสริฐที่สุดในท้องตลาด คุณไม่จำเป็นต้องผลิตนมเปรี้ยวให้อร่อยที่สุด หรือมีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด แต่นักการตลาดสมัยนี้ เขาเชื่อว่านมเปรี้ยวของเขาจะขายดีที่สุดได้ ด้วยการเอาส่วนผสมน้ำนมออกไปครึ่งกล่อง แล้วใส่น้ำผลไม้ลงไป น้ำตาล และกลิ่นสีสังเคราะห์ เอาต้นทุนส่วนที่ประหยัดได้มานี้ ไปจัดกิจกรรมอีเวนต์ประกวดเด็กหล่อเด็กสวย ปั้นมันให้โด่งดัง แล้วเอามันกลับมาเป็นพรีเซนเตอร์ วนเวียนอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ

นักการตลาดรู้ดี ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของนมเปรี้ยวพวกนี้ เวลาเอาหลอดเจาะเข้าไปในกล่องแล้วดูดกินน้ำนมครึ่งนึงน้ำตาลครึ่งนึง พวกเขาไม่ได้คิดว่ากำลังบริโภคนมเปรี้ยว แต่กำลังบริโภคภาพลักษณ์ของดัชชี่บอยดัชชี่เกิร์ล บริโภคความฝันว่าสักวันฉันจะขาวและผอมได้แบบนั้น และบริโภคความเป็น celebrity ของดาราที่พวกเขาชื่นชอบ โดยไม่เคยสนใจดูฉลากข้างกล่องนม ว่าในนั้นมีส่วนผสมอะไรอยู่บ้าง หรือว่าบางคนอาจจะเคยอ่านดู แต่คงคิดว่านมเปรี้ยวพร้อมดื่มบรรจุกล่องๆ มันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งผมจะบอกให้ว่าไม่เลยครับ นมเปรี้ยวพร้อมดื่มที่ดี ไม่ควรเป็นแบบนี้ มันเคยมีส่วนผสมที่เป็นน้ำนมมากถึง 90% เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน และรสชาติของมันก็ไม่ได้หวานเจี๊ยบ กลิ่นฉุนน้ำผลไม้ปลอมๆ แบบในทุกวันนี้ มันเป็นรสชาติของน้ำนมเปรี้ยวที่คุณภาพสูงกว่าทุกวันนี้เยอะ

เพราะรูปแบบมาร์เก็ตติ้งสินค้าชนิดนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในรอบประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา พวกนักการตลาดเริ่มลดส่วนผสมของน้ำนมลงไปเรื่อยๆ โดยมีบางยี่ห้อแปะฉลากว่าเป็นสูตร Light หรือสูตร Slim คือลดปริมาณไขมันนม เพื่อให้เหมาะกับคนที่ต้องการลดความอ้วน ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้ช่วยลดความอ้วนหรอกครับ เพราะมันมีน้ำตาลมากขนาดนั้น ผมจำได้ว่าเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เคยมีนมเปรี้ยวยี่ห้อ ดาน่อน ไม่รู้ว่าคุณเคยกินหรือเปล่า มันเป็นของบริษัทโอสถสภา ผมเคยซื้อกินประจำ เพราะเมื่ออ่านฉลากแล้ว มันมีส่วนผสมที่เป็นน้ำนมสูงถึง 95% แต่จำได้ว่ามันวางขายอยู่ได้ไม่นาน จนปัจจุบันก็หาซื้อไม่ได้แล้ว ไม่แน่ใจว่ามันเจ๊งไปหรือยัง อาจจะเพราะทนรับต้นทุนน้ำนมสูงถึง 95% สู้กับคู่แข่งรายอื่นไม่ได้ บนชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ตในทุกวันนี้ จึงมีที่ว่างเหลือให้กับนมเปรี้ยว 50% เท่านั้น ส่วนผสมนมเปรี้ยวอีก 50% ที่หายไป ก็ไปปรากฏอยู่ในหน้าจอทีวีแทน

...

2 comments:

Anonymous said...

ไม่ใช่มีแต่นมเปรี้ยวนะ อย่างอื่นก็เป็น ผมขอยกตัวอย่าง iPod
รึกัน ที่โฆษณาว่า 30 GB หรือ 60 GB แท้จริงแล้วทุกๆ เครื่องหน่วยความจุจะหายไปประมาณ 2.2 GB เพื่อเป็นการประมวลผล
iPod สุทธิ 30 GิิB จึงมีแค่ 27.8 GB เท่านั้น

สรุปแล้ว ถ้ามันไม่เป็นอย่างอื่น ผมก็คิดว่า การตลาดได้ขโมยปริมาณสุทธิที่แท้จริงของสินค่้าไปแหละครับ

The Carnivalesque said...
This comment has been removed by a blog administrator.