Sunday, October 08, 2006

มันฝรั่งทอด (2)

...

และแล้ว ดาราสาวสุดอื้อฉาวก็ได้กลับคืนสู่วงการบันเทิง ต่อจากนี้ไป เราจะได้ดูรายการวาไรตี้บันเทิงที่มีเธอเป็นพิธีกร ในทุกๆ เช้าสายวันเสาร์ คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ บล้อกที่ผมกำลังจะเขียนนี้ ไม่ใช่เพื่อจะตามจิกตามด่าเรื่องคาวๆ ของเธอย้อนหลัง ผมไม่ใช่พวก moralist ที่จะคอยวิจารณ์พฤติกรรมเซ็กส์นอกสมรส หรือท้องก่อนแต่งของคนอื่น และผมก็ไม่ใช่แฟนละครของเธอ ที่จะมาคอยโกรธแค้นที่โดนเธอแหกเนตร มานานติดต่อกัน 4-5 เดือน ก่อนจะหนีเผ่นแน่บไปอเมริกา พร้อมทั้งบอกว่าอย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ และผมรู้ดีว่าสังคมไทยเราชอบให้อภัยคนผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนผิดเป็นผู้หญิง และยิ่งถ้าผู้หญิงคนนั้นกลายเป็น "แม่" ปุ๊บ! ตามค่านิยมของสังคมนี้ เธอจะกลับมาสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเดิมทันที โดยที่ไม่มีใครสามารถแตะต้องเธอได้อีกเลย ไม่งั้นจะโดนด่าว่าเป็นพวกใจแคบ เล่นไม่เลิก ไม่ให้เกียรติ ยุ่งเรื่องชาวบ้าน ถ้าไม่สงสารแม่ก็ขอให้สงสารเด็กเถอะ อะไรทำนองนี้ ฯลฯ ดังนั้น ไม่ว่าดาราฉาวคนนี้จะเหลวแหลกอะไรแค่ไหน หรือไม่ว่าผู้หญิงคนใดจะเหลวแหลกแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ธุระหรือเรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปเดือดร้อน หรือไปตัดสินพวกเธออยู่แล้วแน่นอน แต่ผมอยากจะเขียนบล้อกเกี่ยวกับเธอ เพื่อให้เป็นตอนต่อจากบล้อกเรื่อง "มันฝรั่งทอด" ของเมื่อวานนี้ครับ เพราะเธอเกี่ยวข้องกับมันฝรั่งทอดครับ เธอเกี่ยวข้องกับผม ในฐานะเธอเป็นพรีเซนเตอร์ให้มันฝรั่งทอด

ก่อนจะกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ประมาณ 1 ปี ตลอดปีนั้นเธอเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับมันฝรั่งทอดยี่ห้อหนึ่ง ยี่ห้อที่มีเนื้อมันฝรั่งเป็นส่วนผสม 67% นั่นแหละ ยี่ห้อที่มีน้ำมันพืชมากถึง 32% นั่นแหละ ยี่ห้อที่ขาย 6 บาท โดยมีขนาดซองใหญ่ๆ พองๆ แต่พอฉีกซองออกมาแล้วเจอแต่ความว่างเปล่า มีมันฝรั่งทอดแผ่นบางๆ กองๆ อยู่ก้นซองแค่ 10 กว่าแผ่น ยี่ห้อที่เมื่อคุณกัดมันฝรั่งทอดไปแต่ละชิ้น 1 ส่วนคือน้ำมัน อีก 2 ส่วนคือแป้งนั่นแหละ ผมสงสัยจริงๆ เลยว่าสินค้าพรรค์นี้มีต้นทุนการผลิตสักเท่าไรกันเชียว ตามข่าวในช่วงนั้นระบุว่าเธอได้ค่าตัวจากการเป็นพรีเซนเตอร์งานนี้ ไปเป็นเงินมากถึง 7 หลัก จำนวนเงิน 7 หลักนี่เป็นอะไรที่มนุษย์เงินเดือนอย่างผม ไม่สามารถแม้แต่จะฝันถึงนะครับ ทำงานไปสัก 10 ปี จะเก็บเงินได้ถึง 7 หลักหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ไม่ต้องนับถึงผู้คนอีกจำนวนมากในสังคมนี้ ที่ด้อยโอกาสทางสังคม และต้องหาเช้ากินค่ำ การจะได้มาซึ่งเงิน 7 หลักคือเขาต้องรีบๆ ทำบุญ แล้วไปตาย แล้วไปเกิดใหม่อีกสัก 7 ชาติ จะหาเงินได้ถึง 7 หลัก แบบดาราสาวฉาวๆ คนนี้ได้หรือเปล่า ยังไม่แน่ใจเลย ผมเชื่อว่าที่มันฝรั่งทอดมีสภาพห่วยแตกและมีราคาแพงเว่อร์ๆ ก็เพราะเหตุนี้แหละ นักการตลาดไม่ได้คิดว่าจะขายสินค้าที่ดีที่สุด ในราคาถูกที่สุดให้กับลูกค้า แต่เขาผลิตสินค้าห่วยๆ ต้นทุนต่ำที่สุด แล้วเอามาขายในราคาแพงที่สุด ด้วยวิธีการทำตลาดแบบจ้างคนดังมาเป็นพรีเซนเตอร์

ระบบเศรษฐกิจแบบมันฝรั่งทอดใส่ซองพองๆ มันมีปัญหานะครับ คือจากแต่เดิมเราเคยเชื่อว่า เมื่อโลกดำเนินเข้าสู่ระบบทุนนิยมและอุตสาหกรรมนิยมอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อเรามีโรงงานอุตสาหกรรม มีฐานการผลิตขนาดใหญ่พอ มีแหล่งวัตถุดิบในประเทศมั่งคั่ง มีแรงงานราคาถูก แล้วผลิตสินค้าออกมาจำนวนมากๆ จนมีความประหยัดต่อขนาด แล้วในที่สุด ผลประโยชน์จะตกอยู่กับทุกคนในสังคมโดยเท่าเทียมกัน เราจะมีสินค้าที่คุณภาพดีมาก มีมาตรฐานชัดเจน และมีราคาถูกลงเรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงในทุกวันนี้ เราพบว่าการทำตลาดแบบจ้างคนดังมาเป็นพรีเซนเตอร์แบบนี้ มันสูบเอาผลประโยชน์ไปเกือบทั้งหมด จากระบบทุนนิยมและอุตสาหกรรมนิยม ต้นทุนที่ประหยัดได้ และประสิทธิภาพในการผลิต ถูกแปลงไปเป็นค่าจ้างคนดังพรีเซนเตอร์เหล่านี้ แล้วในที่สุด ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมในฐานะที่เป็นลูกค้า เป็นผู้บริโภค ก็ยังคงต้องเจอกับสินค้าห่วยๆ ในราคาแพงอยู่ดี ไม่ใช่เฉพาะมันฝรั่งทอดซองๆ นะครับ สินค้าแทบทุกอย่างรอบตัวเรา นักการตลาดที่คิดหาวิธีการขายของวิธีอื่นไม่ออกแล้ว เขาก็ใช้วิธีขายคนดังพรีเซนเตอร์กันเกือบทั้งนั้น น้ำชาเขียว น้ำอัดลม รองเท้ากีฬา เสื้อผ้าแบรนด์เนม น้ำหอม โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ขนมหลอกเด็ก ฯลฯ หรือแม้กระทั่งตัวอย่างล่าสุด คือเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน ที่พี่ชายของดาราสาวฉาวๆ คนนี้ ไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้อีก

คุณสงสัยกันบ้างไหม ว่าทำไมดาราสาวคนนี้จึงดูกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเหลือเกิน ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา มีข่าวคราวของดาราสาวคนนี้ออกมาเป็นระยะๆ เอารูปลูกชายออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์ เธอไปปรากฏตัวตามงานสังคมให้นักข่าวรุมสัมภาษณ์ ในคราบคุณแม่ที่รักลูกเหลือเกิน ผมว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า เธอจะได้ตำแหน่งแม่ดีเด่นแห่งปี จากหน่วยงานราชการอะไรสักแห่ง พนันกันไหม? นอกจากนี้ เธอยังคอยออกมาโยนหินถามทาง ว่าจะกลับมาจัดรายการบ้างล่ะ จะกลับมาเล่นละครบ้างล่ะ รอฟังเสียงตอบรับจากคนไทย ส่วนพี่ชายของเธอ ก็พยายามผลักดันให้น้องสาวได้กลับเข้าสู่วงการ หาเวลาสถานีโทรทัศน์ให้เธอไปใช้ ก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าในโลกเราตอนนี้ หนทางที่จะหาเงินได้ง่ายที่สุด เร็วที่สุด มากที่สุด ก็คือการเป็นคนดัง การเป็นดารา การได้อยู่ในวงการบันเทิงนี่แหละครับ ทำงานน้อยๆ ทำงานง่ายๆ แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย หรือทำอะไรนิดหน่อย ก็ดูดีไปเสียหมด เพราะอาศัยว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง แล้วในที่สุดเงินทองก็ไหลมาเทมา เดี๋ยวก็ได้เป็นพรีเซนเตอร์ เดี๋ยวก็ได้เป็นคอลัมนิสต์ เดี๋ยวก็ได้ถ่ายแบบ เดี๋ยวก็ได้เวลาสถานทีโทรทัศน์ไปจัดรายการ คุณคิดว่าเกษตรกรที่ปลูกมันฝรั่งในไร่ทางภาคเหนือ จะมีรายได้ปีละกี่บาท คุณว่าคนงานในโรงงานทอดมันฝรั่ง จะมีรายได้วันละกี่บาท แล้วทำไมเมื่อมันฝรั่งทอดๆ ใส่ซอง เมื่อมาถึงมือเรา มันถึงได้มีสภาพห่วยแตกและราคาแพงแสนแพงแบบนี้

คุณสงสัยกันบ้างไหม ว่าทำไมคนดังจึงมีเงินไหลมาเทมา ทำไมผู้คนในสังคมจึงชื่นชอบคนดัง ผมเคยอ่านเจอในเท็กซ์บุคเล่มนึง Understanding celebrity ของ Graeme Turner ตั้งแต่สมัยที่ทำสารคดีเรื่องไฮโซคนดังเมื่อสองปีก่อน เขาวิเคราะห์ว่าผู้คนในสังคมชื่นชอบคนดัง เพราะว่าเราคาดหวังว่าจะได้เห็นความเหนือมนุษย์จากคนดัง อธิบายอย่างละเอียด ก็คือว่าเราไม่รู้หรอก ว่าจริงๆ แล้วคนดังเหล่านี้เป็นคนอย่างไร เก่งหรือไม่เก่ง ดีหรือไม่ดี เพราะเราเพียงแค่เห็นพวกเขาผ่านสื่อต่างๆ เท่านั้น ซึ่งสื่อก็ต้องสร้างภาพให้คนดังเหล่านี้ดูดี เพื่อจะได้เป็นเหตุผลที่ดีพอ ที่จะนำเสนอเรื่องราวของคนดังเหล่านี้ในสื่อ เช่น การที่จะทำบทสัมภาษณ์ดาราสาวคนนี้ในนิตยสาร ทางนิตยสารก็ต้องแสดงให้เห็นได้ว่า เธอคนนี้ดีเด่นอะไรอย่างไร เพื่อให้คนอ่านยอมอ่านเนื้อหาในนิตยสาร ฟังดูแล้วมันยอกย้อนตลกดี คือสรุปว่าคนดังก็เพราะความดัง ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น และผู้คนก็เฝ้ามองคนดัง เพราะคิดว่าพวกเขามีความเหนือกว่า อย่างที่ดาราสาวฉาวคนนี้ เคยถูกมองว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงไทย อะไรทำนองนั้นแหละ แล้วในที่สุด คนดังก็เลยได้รับอภิสิทธิ์ที่เหนือกว่าคนอื่นๆ ในสังคม เงินทองผลประโยชน์ทั้งหลายทั้งปวงก็ไหลมาเทมา ผ่านทางการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้านี่แหละ แปลกดีที่พวกเธอไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากจะยกสินค้าเหล่านี้ขึ้นมาวางทาบกับหน้าตัวเอง

สรุปก็คือ ผมขอย้ำว่าบล้อกนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อวิจารณ์ว่าใครไม่ควรจะไปนอนกับใคร ใครไม่ควรจะท้องก่อนแต่ง ใครไม่ควรจะโกหกแหกตาประชาชน แต่บล้อกนี้เขียนขึ้นเพื่อวิจารณ์ระบบเศรษฐกิจแบบมันฝรั่งทอดใส่ซองพองๆ ที่ปล่อยให้ดาราสาวคนดังคนหนึ่ง ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงไทย ได้ตักตวงผลประโยชน์จากความดังไปเป็นเงินนับล้าน แล้วพอมีเรื่องอื้อฉาว เปิดโปงความจริงออกมา แล้วเธอกลับบอกว่านี่คือเรื่องส่วนตัวของเธอ แล้วก็หนีหายไปจนข่าวซาลง แล้วก็กลับมาสู่วงการ เพื่อตักตวงผลประโยชน์จากความดังต่อไป ผมขอยืนยันว่าความดังไม่ใช่เรื่องส่วนตัวนะครับ เพราะประชาชนทั้งประเทศ ทั้งที่เป็นและไม่เป็นแฟนละครของเธอ ทั้งที่ชอบและไม่ชอบกินมันฝรั่งทอดที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์ ต่างก็ถูกผลกระทบจากระบบเศรษฐกิจนี้เหมือนกันหมด เงินไหลออกจากกระเป๋าเราตลอดเวลา เหมือนเลือดที่ไหลออกจากตัวไม่หยุด ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบกินมันฝรั่งทอดซองๆ พวกนี้ แต่นักการตลาดของสินค้าอื่นๆ อีกนับร้อยนับพันรายการ ก็กำลังควักกระเป๋าจ่ายค่าคนดังพรีเซนเตอร์กันอย่างบ้าคลั่ง คาดว่าในอีก 10 กว่าปีข้างหน้า ลูกหลานของเธอก็คงได้มาตักตวงผลประโยชน์นี้กันต่อไป ในสังคมที่ผู้คนไม่เคยตั้งคำถามกับมันฝรั่งทอด ในสังคมที่ผู้คนไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เห็นแต่ความสำคัญของคนดัง จะทำอะไรก็ต้องอาศัยแต่คนดัง ในสังคมที่ผู้คนโง่เขลา และคาดหวังที่จะได้เห็นความเหนือมนุษย์ของคนดัง

...

4 comments:

Anonymous said...

สว่างค่ะ..

ตาสว่างขึ้นอีกหลายประเด็น *-*

The Carnivalesque said...

คุณพี่ขา
คุณพี่น่าจะเริ่มต้นกับคำถามที่ว่า ผู้บริโภคบริโภคอะไร?
use value, sign value หรือว่า emotional value ของสินค้า
มีสินค้าอะไรบ้างที่ผู้บริโภคซื้อเพราะ use value ของสินค้าจริง ๆ โดยไม่ได้นึกถึง sign value เลย

เสื้อผ้าถึงมีแบรนด์
กระเป๋าเลยต้องเป็น Louis Vuitton หรือไม่ก็ Gucci
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้องเอานางงามจักรวาลมาขาย ซดบะหมี่จากถ้วยกระดาษไป ก็มองหน้านางงามจักรวาลไป

คนทำการตลาดเขาฉลาดค่ะ
เขาไม่ได้ขายสินค้าที่ use value
เขาขายที่ sign value กับ emotional value
แล้ววิธีการขาย sign value ที่ง่ายและได้ผลที่สุดสำหรับเขา ก็คือการเอา celebrity มาเทียบ มา endorse
ฮึ ฮึ รู้ทันนะ

เพราะทำ marketing จะลงทุนมากแค่ไหน ก็ยังไม่แพงเท่ากับลงทุนทำวิจัยพัฒนาคุณภาพ use value ของสินค้าให้ดีขึ้นมา
อีกอย่าง ถึงแม้จะลงทุนพัฒนา use value ของสินค้าขึ้นมาเป็นจริงเป็นจัง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะขายได้ดีกว่าคู่แข่ง
เพราะตอนนี้เราอยู่ในโลกของภาพลักษณ์ค่ะ
เราอยู่ในโลกที่เราบริโภคภาพค่ะ

เจ้าหญิงเขาก็เลยสร้างภาพขึ้นมา แล้วก็ทำให้ภาพนั้นมีมูลค่าเป็นสินค้า
เจ้าหญิงเขาเลยจำเป็นต้องแหกตาชาวบ้านไงคะ
เขาไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยที่สุด หรือสวยเพียงคนเดียวในประเทศเรา
แต่เขาสวยบวกกับภาพลักษณ์บางอย่างที่มีรัศมีเปล่งความเป็นเจ้าหญิงอยู่
เขาถึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาภาพความเป็นเจ้าหญิงให้ได้นานที่สุด
เพราะภาพนั้นมันมีมูลค่า ที่แปรไปเป็นเลข 7 หลักได้

ตอนนี้เธอมีภาพใหม่แล้วค่ะ
ความเป็นแม่ กับสังคมไทย ลบหลู่ไม่ได้นะคะ
ก็ต้องดูกันต่อไปว่า ภาพความเป็นเจ้าหญิง กับความเป็นแม่ อันไหนจะมีมูลค่ามากกว่ากัน

คุณพี่ขา
คุณน้องบอกคุณพี่ กี่ครั้งกี่หนแล้ว ว่าให้พัฒนาภาพลักษณ์
คุณพี่มัวแต่พัฒนา use value ของตัวเอง
กว่าจะเขียนงานแต่ละที ก็ต้องไปค้นโน่น ค้นนี่ ไปอ่านหนังสือเป็นกะบิ
แล้วมันดังสู้คนอื่นเขาได้มั้ยคะ
ก็บอกแล้ว ว่าจะต้องขาย sign value
หัดสร้างภาพให้ตัวเองบ้างนะ
หา character อะไรหน่อย
ที่เวลาไปเดินห้างฯ แล้ว คนรู้เลยว่า ไอ้นี่ ถ้าไม่บ้าก็เป็นนักเขียน หรือไม่ก็ศิลปิน
นั่นแหล่ะ คุณพี่จะดังแน่นอน
หัดดูเจ้าหญิงแม่ เป็นแบบอย่างบ้างนะคะ

Anonymous said...

ทราบมาว่าสาร Acrylamide ในมันฝรั่งทอด นี่เป็นสารก่อมะเร็งด้วยนะ

Anonymous said...

เห็นด้วยนะ คนเรามักเลือกบริโภคของตามโฆษณาจริงๆ
ไม่ได้นึกถึงประโยชน์ของสิ่งที่บริโภคเข้าไปเลย
ส่วนเรื่องเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงนั่น แค่เรื่องท้องก่อนแต่งคนคงไม่ใส่ใจเท่าไหร่หรอก เพราะดาราดังคนอื่นๆก็มีเยอะ แต่ที่โกหกหน้าระรื่นต่างหากที่คนยอมรับไม่ได้ ถ้าวันแถลงข่าวมีสีหน้าสำนึกผิดว่าหลอกประชาชนซักนิด แล้วบอกว่าตัวเองมีเหตุผลส่วนตัวจริงๆ คนคงยอมรับได้