Tuesday, June 24, 2008

มักกะโรนี คานาวาโร่

...


ด้วยความอนุเคราะห์จากพี่แมว ได้นำมักกะโรนีถุงใหญ่พร้อมกับคาโบนาร่าครีมซอสกระป๋อง มาให้ตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว ตอนแรกกะว่าจะทำกินในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ปรากฏว่าตลอดช่วงวันหยุดนี้ต้องนั่งทำแต่งานๆๆๆ และก็งาน แทบไม่ได้โงหัวขึ้นมาเลย แถมพอถึงวันจันทร์เช้าก็ต้องเข้าไปนั่งทำงานที่ออฟฟิศต่ออีก งานจุกจิกก๊อกแก๊กไร้สาระเยอะมาก ทำเท่าไรก็ไม่หมดเสียที เครียดจนหัวจะระเบิด เมื่อเย็นวานน้องยุ้ยพูดขึ้นมาคำนึง บอกว่าคนเราต้องหาอะไรมาเติมจิตวิญญาณด้วยนะ จะนั่งทำแต่งานตลอดเวลาได้ไง ก็เลยทำให้คิดขึ้นมาได้ว่า เออหว่ะ! ถึงแม้เราทำงานได้ดี ทำงานเสร็จตรงเวลา แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปี ชีวิตมันก็ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมาเลย ก็ได้แต่ทำงานไปเรื่อยๆ แบบนี้

เมื่อวานตอนเย็นเลยตั้งใจไว้แล้วว่าจะขอหยุดงาน 1 วัน งานที่ค้างอยู่จะเสร็จหรือไม่เสร็จ จะทันหรือไม่ทันก็ช่างแม่ง ขอเรา "ทำงานที่แท้จริงของชีวิต" ก่อนดีกว่า พอเลิกงานเลยไปแวะบิ๊กซีวงศ์สว่าง ซื้อเครื่องปรุงเพิ่มเติมหลายอย่าง เช่นเห็ด แครอท ปลาทูน่ากระป๋อง นมสด และใบออริกาโน พอกลับถึงบ้านไปก็นั่งคิดๆ หาไอเดียเอาส่วนผสมทั้งหมดมาปรุงเป็นเมนูใหญ่ วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมา โกยงานทุกอย่างทิ้งไปก่อน แล้วก็คว้ากระทะไฟฟ้าขึ้นมาปรุงเมนูนี้

ขอตั้งชื่อว่า มักกะโรนี คานาวาโร่ มันก็คือ มักกะโรนี คาโบนาร่า นั่นแหละ เพราะครีมซอสกระป๋องก็เขียนฉลากไว้ว่ามันคือ คาโบนาร่า ครีมซอส แต่นี่ทำแบบมั่วๆ ไง อยากใส่อะไรก็ใส่ตามใจ มีอะไรเหลือในครัวก็ใส่ๆ เข้าไป ผลออกมาแล้วอร่อยใช้ได้เลยนะ


1. เริ่มต้นที่มักกะโรนีที่พี่แมวให้มา ถึงเล็กๆ แค่นี้เอง




2. คาโบนาร่าครีมซอสกระป๋อง รสชาติเป็นอย่างไรหว่า ไม่เคยกินมาก่อนเลย




3. ขั้นตอนแรกคือการต้มมักกะโรนีให้สุกก่อน บนซองเขาเขียนบรรยายว่าใช้เวลาต้ม 10 นาที เราก็ทำตามๆ ไปนั่นแหละ ใส่น้ำ ใส่เกลือนิดหน่อย แล้วเทมันลงไปต้ม ดูนาฬิกาให้ดี ต้มไปเรื่อยๆ พอเห็นน้ำแห้งก็เติมน้ำเข้าไปอีก คอยคนๆ ให้มันร้อนทั่วถึง และไม่ติดก้นกระทะ พอต้มครบ 10 นาที เทใส่กาละมังขนาดใหญ่ที่มีน้ำเย็นเตรียมไว้ เพื่อให้มันหยุดการสุก ทำให้มักกะโรนีไม่เละ ยังเป็นตัวๆ อยู่




4. เครื่องปรุงที่จะใส่เพิ่มเติมเข้าไป เพราะคิดว่าถ้าใช้แค่ครีมซอสในกระป๋องคงไม่พอ มันคงไม่มีเนื้อไม่มีหนังอะไรให้กินมากนัก เครื่องปรุงประกอบด้วยแครอท 2 หัว เห็ดอะไรสักอย่าง เป็นดอกสีขาว และปลาทูน่ากระป๋อง แบบ flake เพราะมันราคาถูกกว่าแบบก้อน ถึงจะซื้อแบบก้อนๆ มาก็ต้องยีให้เละๆ ในน้ำซอสอยู่ดี




5. ตอนแรกกะว่าจะเอาเครื่องปรุงทุกอย่างใส่รวมเข้าตอนต้มน้ำครีมซอสไปเลย แต่พี่เดือนบอกว่า จะบ้าเหรอ มักกะโรนีคานาวาโร่ เอ๊ย คาโบนาร่า เขาต้องน้ำซอสสีขาวๆ ถึงจะถูกสูตร ขืนเอาทุกอย่างไปต้มรวมกัน น้ำซอสมันก็เปลี่ยนสีหมด ผมเลย เออๆ งั้นเอาเครื่องปรุงอย่างอื่นไปปรุงแยกไว้ก่อนก็แล้วกัน โดยนำแครอทใส่ชาม เทนมสดใส่ลงไป โรยผงออริกาโน่ แล้วยัดใส่ไมโครเวฟ 5 นาที




6. นำนมสดเทใส่กระทะ ใส่กระเทียมกลีบเล็กๆ ลงไปต้ม เริ่มแหกสูตรแล้ว เพราะเป็นคนชอบกินกระเทียมมาก




7. ใส่ทูน่ากระป๋องลงไป โดยเทน้ำมันทิ้งออกไปก่อน ไม่งั้นจะทำให้เลี่ยนเกินไป




8. ใส่พระเอกของเมนูนี้ คานาวาโร่ เอ๊ย คาโบนาร่าครีมซอสลงไป โอ้โห มันทั้งข้น ทั้งหนืด ข้างในกระป๋องนั่นมีผัก มีเห็ดอะไรอัดอยู่เต็มเลยนะ น่ากินดีเหมือนกัน




9. โรยผงพริกไทยดำ และใบออริกาโน่เพิ่มเข้าไป แล้วคนทุกอย่างให้เข้ากัน




10. ใส่เห็ดสีขาว ปริมาณพอดีๆ




11. แครอทต้มนมในไมโครเวฟสุกแล้ว คิดไปคิดมา เทมันลงไปผสมในน้ำซอสเลยก็แล้วกัน ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แหกสูตรมาถึงขนาดนี้แล้ว ต้มต่อไปจนกระทั่งมันเดือดปุดๆ น้ำครีมซอสมีสีเข้มขึ้น ไม่ได้เป็นสีขาวแบบสูตรต้นฉบับอีกแล้ว แต่กลิ่นหอมน่าดู ชิมรสแล้วก็กลมกล่อมดี




12. นำมักกะโรนีแบ่งใส่กล่องพลาสติกที่เก็บสะสมไว้ จากการซื้ออาหารสำเร็จรูปตามซูเปอร์มาร์เก็ตมากินที่บ้านเป็นประจำ กินเสร็จก็ล้างกล่องพวกนี้เก็บเอาไว้ จนเยอะแยะรกครัวมานานแล้ว ถึงเวลาได้นำออกมาใช้ประโยชน์เสียที ใส่เส้นมักกะโรนีเสร็จ ก็นำน้ำครีมซอสมาราดข้างบน อารมณ์เดียวกับก๋วยเตี๋ยวราดหน้านั่นแหละ




13. พอทำเสร็จก็รีบเก็บล้างห้องครัว อาบน้ำ แล้วนำอาหารที่ทำเสร็จมาแจกเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศ หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ ทั้งหมดทำได้รวมแล้ว 5 กล่องเล็ก และอีก 1 กล่องใหญ่ แถมยังเหลือมักกะโรนีเหลืออีกจำนวนหนึ่ง นำไปแจกเพื่อนแม่ค้าข้าวแกงข้างออฟฟิศที่กินอยู่ประจำ สรุปว่าวันนี้ทุกคนชื่นมื่นอิ่มท้อง ถึงแม้รสชาติจะจืดไปหน่อย เพราะลืมใส่เกลือเพิ่มเข้าไปในน้ำซอส




งานที่แท้จริงของชีวิต ใช้เวลาทำตั้งแต่เก้าโมงครึ่ง เสร็จตอนสิบเอ็ดโมงกว่าๆ รีบอาบน้ำ นั่งแท็กซี่มาถึงออฟฟิศก็เที่ยงพอดี ถือว่าเป็นการทำงานที่มีความสุขที่สุดในรอบหลายวัน และช่วยเติมจิตวิญญาณได้อย่างดี


...

3 comments:

Anonymous said...

.
.
.
เป็นเอ็นทรีที่รื่นรมย์มากครับพี่อ๋อง ช่วงหลังผมก็ค้นพบว่า เราเองก็ไม่ใช่นักเขียนดีเด่ เป็นผู้ผลิตวรรณกรรมชิ้นเทพอะไรนั่นหรอก

แต่เราเป็นเพียง "พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง" เท่านั้นเอง เพียรทำงานให้อยู่ในมาตราฐาน พัฒนาตัวเองไปในทางที่ถูกที่ควร แล้วก็เอาเวลาในชีวิตไปสวิงกับอย่างอื่นที่มีความสุข ก็แค่นั้น

ช่วงนี้ผมชอบเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นพิเศษ ถ้าว่างก็จะไปเดินตลาดสดแถวบ้าน ชอบอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ ที่ไม่รู้จัก ชอบซื้อนั่นซื้อนี่ไปทดลองทำไปดูที่บ้าน พบว่ามีความสุขชมัด ไม่ต้องไปไคว้คว้าที่ไหนไกลอีกแล้ว
โย โย


พี่อ๋องครับลองทำ สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อดูซิ มีซอสเนื้อเป็นกระป๋องวางขายอยู่ แต่เราต้องซื้อเนื้อมาใส่เพิ่มเอง ที่บ้านทำกินเป็นประจำ ทำเก็บไว้ในตู้เย็น พอจะกินก็เอามาเวฟทั้งเส้นและซอส โรยชีสหน่อยอร่อยโคตร ทานได้ซัก 2-3 วัน เวิร์กมากเมนูนี้
.
.
.

Anonymous said...

คุณๆ
จากที่เราไม่เคยทำกับข้าว ขนมหวานเลย
ตอนนี้ทำเป็นหลายอย่างค่ะ

เมนูที่ทำแล้วเพื่อนๆ ชอบ ก็มีข้าวผัด ลาบหมู ขนมจีนแกงป่า ยำแอบเปิ้ล ตำมั่ว ผักขมอบซีส ไก่สวรรค์พันปี ไก่สะเต๊ะ ข้าวเหนียวเปียก บัวลอยเผือก สตรอเบอร์รี่ซีสเค้ก บราวนี่

ป.ล. drinking yogurt นี่ทำง่ายดีนะ อร่อยดีค่ะ

Anonymous said...

ท่าทางจะทำกับข้างเก่งนะคะเนี่ย แถมเป็นนักประยุกต์และก็พลิกแพลงสูตรอาหารที่ดีทีเดียว เพื่อสุขภาพอีกต่างหาก) เพราะทุกเมนูจะมีการเติมผักลงไปตลอด ไม่เว้นแม้แต่อาหารห้างลดราคา ;) เป็นวิธีการเพิ่มคุณค่าทางอาหารที่ดีมากเลยค่ะ