Sunday, August 12, 2007

Greatest Love of All

...

เมื่อคืนบังเอิญเปิดไปเจอคลิปวิดีโอในเว็บหนึ่ง http://www.tik4u.com/video.php?id=1069 น้องผู้หญิงคนนี้ทั้งน่ารักและทั้งร้องเพลงเพราะ ชนะเลิศไปเลยน้อง เธอทำให้ผมได้หันมาตั้งใจฟังเพลง The Greatest Love of All ก็คราวนี้เอง หลังจากที่เคยฟังมานานมาแล้ว เมื่อ 10-20 ปีก่อน เป็นเวอร์ชั่นของ วิทนี่ย์ ฮูสตัน แต่งโดย ไมเคิล แมสเซอร์ และ ลินดา ครีด แต่ตอนนั้นก็ฟังแบบผ่านๆ ไม่ได้ใส่ใจกับเนื้อหาของเพลง พอสนใจฟังมันจริงๆ แล้วก็รู้สึกทึ่งกับคนแต่งเพลงนี้ ฉลาดมากและเนื้อหาของเพลงดีมาก

I believe the children are our are future
Teach them well and let them lead the way
Show them all the beauty they possess inside
Give them a sense of pride to make it easier
Let the children's laughter remind us how we used to be
Everybody searching for a hero
People need someone to look up to
I never found anyone who fulfill my needs
A lonely place to be
So I learned to depend on me
I decided long ago, never to walk in anyone's shadows
If I fail, if I succeed At least I'll live as I believe
No matter what they take from me
They can't take away my dignity
Because the greatest love of all
Is happening to me
I found the greatest love of all
Inside of me
The greatest love of all
Is easy to achieve
Learning to love yourself
It is the greatest love of all
And if by chance, that special place
That you've been dreaming of
Leads you to a lonely place
Find your strength in love

เพลงนี้พูดถึงความเป็นปัจเจกชนนิยม และบอกว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือความรักในตนเอง น่าตกใจกับเนื้อหาเหมือนกันนะครับ ความรักที่ยิ่งใหญ่คือความรักในตัวเอง นี่มันสะท้อนให้เห็นแนวความคิดแบบตะวันตกและแบบอเมริกันชนชัดเจนสุดๆ ประมาณว่าดิฉันเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีใครเป็นฮีโร่และไม่เคยอยู่ใต้การครอบงำของใคร ฉันจะสุขหรือทุกข์ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับตัวฉันเอง และในที่สุดแล้ว ดิฉันพบว่าชีวิตแบบนี้นำไปสู่ความดีงามและมีความสุขที่สุด เนื้อเพลงนี่ก็ชนะเลิศไปเลยเช่นกัน

ฟังเพลงนี้แล้วทำให้ผมคิดว่า ความเป็นปัจเจกชนนิยมนี้คือความจริงแท้ของโลกหรือเปล่า เลยนึกเปรียบเทียบไปถึงเพลงไทยอีกเพลงหนึ่ง คือ "ของขวัญจากก้อนดิน" แต่งโดย นิติพงษ์ ห่อนาค ร้องโดยพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์

เราทุกคนก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง
เปราะบาง ไร้ค่า ไร้ความหมาย
อ่อนแอเหมือนโคลน ไหลไปตามทางเรื่อยไป
เมื่อน้ำแห้งไป ก็แตกระแหง
มีพลังเพียงแค่แรงเดียวที่ยึดเรา
เหนี่ยวรั้งเราไว้ ให้กล้าแข็ง
รวมผู้คนมากมาย ให้ทรงพลังแข็งแรง
รวมเม็ดดินทุกเม็ด ให้เป็นแผ่นดิน
เราก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน
ต้องลำบากใจกายไม่เคยสิ้น
เพราะพ่อรู้ พ่อคือพลังแห่งแผ่นดิน
ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป
หากจะหาของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง
เราทั้งผองจะพร้อมกันได้ไหม
บวกกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ
ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปอย่างที่เป็นมา
ช่วยกันทำความดี ให้พ่อได้สุขใจ
ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่แล้วมา

เพลงนี้พูดถึงอีกสุดขั้วหนึ่งของความคิด เป็นความคิดแบบคนไทย แบบทางตะวันออก เขาบอกว่ามนุษย์แต่ละคนนั้นอ่อนด้อย ไร้ความสามารถ ไร้คุณค่า เราทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะดำเนินชีวิตไปแบบไร้สาระ ไร้จุดหมาย เหมือนกับธุลีดิน เราต่างก็ล่องลอยเฉื่อยแฉะเหมือนกับเศษดินที่ลอยไปตามน้ำ พอน้ำไหลมาเราก็ไหลเละเทะตามไป ดังนั้น ความดีงามและความจริงแท้ของโลก คือการที่เรามาอยู่ร่วมกัน โดยต้องอาศัยพลังจากภายนอกตัวเรา พลังจากสิ่งที่อยู่เหนือกว่า อันได้แก่สถาบันต่างๆ ในเพลงนี้ก็หมายถึงสถาบันกษัตริย์นั่นเอง ที่จะมาเชื่อมโยงเราทุกคนเอาไว้ เพื่อจะได้ร่วมกันทำอะไรที่ดีงามขึ้นมาได้ ฟังๆ ดูแล้วเพลงนี้ก็เพราะดี กินใจมาก สรุปคือความรักที่ยิ่งใหญ่อยู่ภายนอกตัวเรา มาจากสิ่งที่อยู่เหนือกว่า คนไทยเราชอบแต่งเพลงทำนองนี้ครับ เราพูดถึงแม่ พูดถึงพ่อ ความรักที่ยิ่งใหญ่มาจากแม่พ่อ ประมาณเพลง "อิ่มอุ่น" หรืออะไรแบบนี้ ซึ่งเนื้อเพลงพวกนี้นี่ชนะเลิศเช่นกัน

ผมเลยสงสัยว่า จริงๆ แล้วมนุษย์เราแต่ละคนนี่ มีความเจ๋ง ความดีงาม ความสามารถ อยู่ภายในตัวเราเอง หรือว่าเราต่างไร้สาระ ไร้คุณค่าภายใน เราแค่ต้องอาศัยพลังจากภายนอกตัวเราเท่านั้น พี่เบิร์ดของเราถูก หรือวิทนี่ย์ ฮุสตัน ถูกกันแน่? ถ้าจะตอบแบบง่ายๆ คือตอบกว่าก็ทางสายกลางไงล่ะ คือต้องเห็นคุณค่าของตัวเองด้วย และก็ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมด้วย ตอบแบบนี้ง่ายมากครับ

แต่ผมก็สงสัยอีกนั่นแหละ ว่าจุดตรงกลางของมันอยู่ตรงไหน? คนเราเก่งในตัวเองทุกคน หรือเราต้องรออื่นที่เก่งกว่ามาโปรดเรา
...

เกร็ดเพิ่มเติมเล็กน้อยจากเว็บวิกิพีเดีย เพลงนี้เวอร์ชั่นต้นฉบับร้องครั้งแรก ของ จอร์จ เบนสัน ตั้งแต่ปีค.ศ.1977 แต่ต้นฉบับไม่ค่อยดังเท่าไร วิทนี่ย์ ฮูสตัน เอามาร้องอีกครั้งแล้วดังกว่า ในปีค.ศ.1986

...

2 comments:

Anonymous said...

อ่านแล้วคิดถึงเพลงของเจ๊มาลัย (แครี่)เพลงนี้ขึ้นมา

"..And then a hero comes along
With the strength to carry on
And you cast your fears aside
And you know you can survive
So when you feel like hope is gone
Look inside you and be strong
And you'll finally see the truth

...That a hero lies in you

(แต่ท่อนสุดท้ายของเพลงนี้พูดถึงพราะเจ้าที่จ้องมองเราลงมา เลยเหมือนกับเอาเพลงที่ 1 กับเพลงที่ 2มาบวกกัน--anyway คิดถึงคาราโอเกะ again)

myblackcomedy

black forest said...

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด

น่ารักและร้องเพลงเพราะจริงๆ ด้วย

พูดถึงเพลงของวิทนีย์ ฮูสตัน แล้วทำให้นึกถึงลูกโป่ง AF4 ที่จะร้องเพลง One Moment in Time วันพรุ่งนี้ด้วยล่ะ ตื่นเต้นจังเลย ชอบลูกโป่งจัง