...
ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์มือถือ ถ่ายในรถตู้ระหว่างการเดินทางกลับจากจังหวัดสงขลา ใส่เพลงประกอบ Sleepwalk เป็นเพลงบรรเลงของวง The Shadows
...
Monday, October 29, 2007
Sleepwalk
Posted by the aesthetics of loneliness at 12:10 PM
Labels: การเดินทาง, คลิปวิดีโอ, เพลงเก่า
Sunday, October 28, 2007
All The President's Men VS กรรชัย กำเนิดพลอย
...
ด้วยความบังเอิญอย่างที่สุด ตอนหัวค่ำวันนี้เอาดีวีดีหนังเรื่อง All The President's Men มาเปิดดู มันเป็นหนังเกี่ยวกับการเปิดโปงคดีวอเตอร์เกท ที่ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ใช้อำนาจในสมัยที่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรก ในการบ่อนทำลายพรรคการเมืองคู่แข่ง เพื่อผลในการเลือกตั้งในสมัยที่สองของตน คดีการเมืองสุดอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 70 และคนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นจุดพลิกผันของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง วัฒนธรรมต่างๆ นานาที่ตามมาจนถึงปัจจุบันด้วย คดีนี้ไม่ได้ถูกเปิดโปงโดยพวกซีเอสไอ เอฟบีไอ หรือเจมส์ บอนด์ จากที่ไหน แต่ถูกเปิดโปงโดยฝีมือของนักข่าว 2 คน คือ คาร์ล เบิร์นสไตน์ และ บ๊อบ วู้ดเวิร์ด จากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ พวกเขาร่วมกันทำข่าวนี้เริ่มต้นจากข่าวเล็กๆ เกี่ยวกับคดีงัดแงะสำนักงานในหมู่ตึกวอเตอร์เกท ซึ่งเป็นสำนักงานของพรรคเดโมแครต แล้วก็ค่อยๆ สืบสาวโยงใยขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปเจอว่าเรื่องที่วอเตอร์เกทนั้นเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเอง ข้างล่างผืนน้ำแข็งนั้นยังมีความสกปรกโสมมของการเมืองซ่อนอยู่อีกเพียบ เรื่องราวของนักข่าว 2 คนนี้ กลายเป็นตำนานของวงการนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ทั่วโลก ถือว่าเป็นกรณีตัวอย่างของการทำข่าวแบบ Investigative Journalism ที่คลาสสิคที่สุด
1. หนังเรื่องนี้มีฉากเปิดเรื่องสวยงามมาก เป็นภาพแบบโคลสอัพสุดๆ ที่แป้นเครื่องพิมพ์ดีด ที่เห็นนี่คือหัวพิมพ์ (ไม่รู้ว่าเรียกถูกหรือเปล่า) ที่มันจะกระดกขึ้นตามแรงพิมพ์ดีดของนิ้วมือ ความน่าสนใจของฉากเปิดเรื่อง คือขนาดของภาพเครื่องพิมพ์ดีดที่ใหญ่โตมหึมา ประกอบกับเสียงกระแทกของแป้นพิมพ์แต่ละครั้ง ที่ดังเหมือนกับเสียงระเบิด สะท้อนให้คนดูได้เห็นว่า แป้นพิมพ์ดีดที่อยู่ในมือของนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์ที่มีความสามารถนั้น จะกลายเป็นเครื่องมือที่มีความยิ่งใหญ่และมีพลานุภาพไม่แพ้อาวุธใดๆ ในโลกเลย
2. ตัวอักษรบนกระดาษก็มีขนาดใหญ่มหึมา และภาพไหวๆ นี่คือกำลังมีการเลื่อนแคร่
3. กำกับโดย อลัน เจ พาคูล่า และนำแสดงโดย โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ในบทของ บ๊อบ วู้ดเวิร์ด และ ดัสติน ฮอฟฟ์แมน ในบทของ คาร์ล เบิร์นสไตน์ นี่คือบรรยากาศในการทำงานที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ นอกจากจะทำงานในออฟฟิศแล้ว พวกเขายังต้องไปตระเวนสัมภาษณ์แหล่งข่าวนับร้อยๆ คน และค้นเอกสารในห้องสมุดอีกมหาศาล เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาปะติดปะต่อกัน ในขณะที่ทางเอฟบีไอและหน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนของรัฐ กลับเมินเฉยต่อคดีนี้อย่างสิ้นเชิง
4. ฉากตอนใกล้จบเรื่อง เป็นฉากที่จัดองค์ประกอบภาพได้สวยงามมาก โฟร์กราวนด์เป็นภาพทีวีที่กำลังถ่ายทอดสดการเข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สองของ ริชาร์ด นิกสัน ส่วนภาพแบคกราวนด์เป็นภาพ บ๊อบ วู้ดเวิร์ด และ คาร์ล เบิร์นสไตน์ ยังคงนั่งทำงานปั่นต้นฉบับข่าวกันต่อไป ตอนนี้พวกเขายังรวบรวมหลักฐานได้ไม่มากนัก และข่าววอเตอร์เกทยังคงไม่ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเท่าไร
5. ฉากจบจริงๆ ของเรื่อง ตัดมาที่เครื่องพิมพ์ดีดอีกครั้ง ภาพโคลสอัพเหมือนตอนเปิดเรื่อง เป็นการสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีวอเตอร์เกทหลังจากนั้น ในที่สุดขบวนการอื้อฉาวของฝ่าย ริชาร์ด นิกสัน ก็ถูกเปิดโปงออกมาจนหมด หลายคนต้องติดคุกนานหลายปี ในขณะที่นิกสันยังคงปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องนี้ แต่ท้ายที่สุด เขาก็ต้องลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีไป ในวันที่ 9 สิงหาคม 1974 รวมเวลาในการสืบคดีนี้ยาวนานกว่า 2 ปีเลยทีเดียว สะท้อนให้เห็นเลยว่าประธานาธิบดีที่ฉ้อฉล สามารถล้มได้ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดแบบนี้เอง
6. ที่ผมบอกว่า นี่เป็นความบังเอิญแบบสุดๆ ก็คือ
- บังเอิญที่ 1. ผมเพิ่งเขียนบทความเสร็จไปชิ้นหนึ่ง จะลงในจีเอ็มเล่มถัดไป เกี่ยวกับการทำงานของสื่อมวลชนไทย ว่าวันๆ เอาแต่สนใจกันแต่เรื่องกอสสิปดาราคนดัง คนนี้เอากับคนโน้น คนโน้นไปเอากับคนนั้น แล้วสุดท้ายก็มาตบตีกัน เรื่องราวไร้สาระเหล่านี้ นักข่าวไทยถนัดนักที่จะวิ่งเอาไมค์ไปจ่อปาก ในขณะที่บ้านเมืองกำลังวิกฤติในหลายๆ ด้าน และการเลือกตั้งกำลังจะมีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เรากลับไม่มีข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนที่เข้มข้น มีคุณภาพให้เราได้เสพ เพื่อเปิดหูเปิดตาประชาชนกันบ้างเลย
- บังเอิญที่ 2. หลังจากดูหนังเรื่อง All The President's Men ก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกฮึกเหิมในใจ สื่อสารมวลชนและนักหนังสือพิมพ์อย่างเรา ควรจะทำหน้าที่ฐานันดรที่สี่ให้ดีๆ และมีคุณภาพแบบที่ได้เห็นในหนัง และดู บ๊อบ วู้ดเวิร์ด และ คาร์ล เบิร์นสไตน์ เป็นตัวอย่าง หนังเรื่องนี้ยาวตั้งสองชั่วโมงกว่า กว่าหนังจะจบก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ง่วงนอนพอดี พอกดปุ่มปิดเครื่องดีวีดี และกดสวิทช์ทีวีเปลี่ยนช่องมาดูรายการทีวีปกติ ก็เจอภาพนี้ปุ๊บเลย
โอ้ยยยยยยย! ลืมไปเสียสนิท ว่าคืนนี้รายการจับเข่าคุย จะสัมภาษณ์ กรรชัย กำเนิดพลอย เสียดาย ไม่ได้ดูตั้งแต่ต้น!!!! เพราะมัวแต่ดู All The President's Men เสียดายมากกกกกกกก!!! (ประชดน่ะ)
ปล. ช่องไอทีวีในเวลาเดียวกันนี้ กำลังถ่ายทอดสดการประกวดนางสาวไทย (ไอทีวีเกิดขึ้นจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ มีจุดประสงค์ให้เป็นทีวีเสรี ถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน -_-" เฮ้ออ)
ปล2. สังเกตดูตัวหนังสือที่วิ่งอยู่ด้านล่างของจอภาพจากรายการจับเข่าคุยสิครับ SMS จากทางบ้านส่งเข้าไปในรายการ สรยุทธให้ร่วมกันแสดงความเห็นว่า อยากจะให้สัมภาษณ์ใครในรายการตอนหน้า มีคนส่งเข้ามาว่าอยากให้สัมภาษณ์ ทาทาเปรม-ภราดรนาตาลี -_-" เรื่องใครเอากับใครอีกแล้วเว้ย น่าติดตามจัง! ประชาชนเป็นยังไง สื่อมวลชนก็เป็นอย่างนั้นแหละ
...
Posted by the aesthetics of loneliness at 12:23 AM
Labels: vidcap, ทีวี, วิจารณ์หนัง, สื่อมวลชน
Wednesday, October 17, 2007
So soft, your goodbye
...
คลิปวิดีโอถ่ายมาตั้งแต่ตอนที่เดินทางไปจังหวัดสงขลา เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา วันนี้เพิ่งจะมีเวลาว่างและเอามานั่งตัดต่อเล่นๆ โดยใส่เพลงประกอบ So soft, your goodbye เพลงบรรเลงกีตาร์จากสุดยอดปรมาจารย์กีตาร์ เชท แอทกินส์ และ มาร์ค นอฟเลอร์ ในอัลบั้ม Neck and Neck
ไม่รู้ว่าทำไมภาพทะเลเวิ้งว้างกับเสียงกีตาร์บรรเลง ถึงเข้ากันได้ดีแบบนี้ จำได้ว่าเมื่อตอนเรียนมหาลัยปี 1 ไปเที่ยวเกาะเสม็ดเป็นครั้งแรกในชีวิต กับพวกเพื่อนๆ ก็พกซาวนด์อะเบาท์ประจำตัวไปด้วย โดยเปิดฟังเพลงบรรเลงกีตาร์ชุดโปรด คือ Sails ไปตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนเรือเฟอร์รี่ เพลงชุดนี้ก็เป็นของคุณปู่ เชท แอทกินส์ อีกเช่นกัน เพลงของเขาเพราะจริงๆ และเข้ากับการไปเที่ยวทะเลจริงๆ
ปล. อย่าลืมไปติดตามอ่านนิยาย 4 เรื่องของ 4 หนุ่ม ได้ที่บล็อก http://lonesome-cities.exteen.com/
...
Friday, October 12, 2007
เรื่องแต่งเรื่องแรกในชีวิต
...
โครงการแต่งนิยายร่วมกัน 4 เรื่อง โดยชายหนุ่ม 4 คน ได้เริ่มต้นแล้วครับ ขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องทุกคนไปติดตามอ่านกันได้ที่บล็อก คนหนุ่มในเมืองหนึ่ง - Lonesome Cities
http://lonesome-cities.exteen.com/
เพื่อนร่วมงานนี้อีก 3 คน ก็เป็นคนหน้าเดิมๆ นั่นแหละครับ คือ filmsick, bookhemian, และ nokhook69
นี่ถือเป็นงานเขียนแบบเรื่องแต่งเป็นครั้งแรกในชีวิต จากแต่เดิมนั้นผมเคยเขียนแต่บทความและสารคดีเท่านั้น แต่ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องแต่ง ทันทีที่เขียนเสร็จ ก็ลองมาอ่านทวนดูอีกที แล้วพบว่ามันมีร่องรอยของแนวความคิดและประสบการณ์ ที่ผมคิดอยู่ และที่ผมพบเจอมาจริงๆ มาสอดแทรกอยู่ภายในเรื่อง ลองสังเกตดูที่
1. รถตู้
2. เพลงไซม่อนแอนด์การ์ฟังเกล
3. เลข 8
4. ปัจเจกชนนิยม
...
Friday, October 05, 2007
ฉันเดินทางตามดวงตะวัน
...
เพิ่งรู้ว่ากล้องที่ติดอยู่กับเโทรศัพท์มือถือนี่ก็ถ่ายภาพออกมาได้สวยดีเหมือนกันนะ ภาพนี้ถ่ายด้วย Motorola L6 ราคาแค่สามพันกว่าบาทเอง ตอนแรกคิดว่าจะใช้แค่โทรเข้าโทรออกก็พอ เพราะสเป็กมันไม่ได้สูงอะไรนัก ภาพที่ถ่ายได้ชัดสุดก็แค่ระดับ VGA เลยไม่เคยหยิบมันขึ้นมาใช้ถ่ายภาพเลย แต่นี่มันเผอิญว่าว่างมาก ระหว่างนั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปสงขลา กินเวลาหมดไปทั้งวัน เลยหยิบมือถือเครื่องใหม่มาถ่ายภาพเล่นๆ ภาพออกมาได้เป็นแบบนี้
1. ฉันเดินทางตามดวงตะวัน นานๆ จะได้ออกจากบ้าน ออกจากเมือง และได้เดินทางไกลๆ แบบนี้ซะที
2. มองไปที่ขอบฟ้าไกลๆ เห็นพระอาทิตย์เคลื่อนที่ตามความเร็วของรถ เลยนึกไปถึงเพลงของวงเดอะบีทเทิ่ลส์ I'll follow the sun.
3. ภาพนี้จ๊าบสุด ถ้าใช้กล้องดิจิตอลตัวโปรด ก็ไม่มีทางถ่ายได้แบบนี้แน่นอน เพราะจะไม่กล้าเอาหน้ากล้องหันไปหาดวงอาทิตย์ตรงๆ จะๆ แบบนี้ กลัวว่ากล้องดีๆ จะพังเอาน่ะสิ