...
1. Yue yuan hua hao หรือ Full Moon Beautiful Flowers จากหนังเรื่อง Shanghai Triad เสียงร้องโดยกงลี่ เพลงนี้เป็นเพลงยอดนิยมที่มักจะถูกใช้ในงานแต่งงาน
Fuyun san, ming yue zhao ren lai,
Tuanyuan meiman jin chao zui,
Qing qian chitang, yuanyang xi shui,
Hong shang zuigai, bingdi lian kai.
Shuangshuang duidui, enen ai'ai,
Zhe ruan fenger xiangzhe hao hua chui,
Rouqing miyi, man renjian.
คำแปล
Floating clouds scatter, the bright moon lights your way,
We are happy to be together again,
Mandarin ducks in pairs glide on the pond's clear water,
Red lotus flowers bloom on the same green stem.
Together in pairs, with affection and love,
A gentle breeze brushes the flowers,
Tenderness and sweetness fill the world.
2. Bu liao qing รักไม่รู้จบ จากหนังจีนเก่าของชอว์บราเธอร์ส เสียงร้องของหลินไต้
คำอ่านและคำแปลจากไฮไฟ้ว์ของคนที่ผมเซิร์ชเจอโดยบังเอิญ http://koreancrazy.hi5.com
wang bu liao wang bu liao wang bu liao ni de cuo
หวั่ง ปู้ เหลี่ยว หวัง ปู้ เหลี่ยว หวัง ปู้ เหลี่ยว นี้ ตี ชัว
ลืมไม่ได้ ลืมไม่ได้ ยังลืมไม่ได้สำหรับความผิดของคุณ
wang bu liao ni di hao wang bu liao yu zhong de san bu
หวั่ง ปู้ เหลี่ยว หนี่ ตี เฮา หวั่ง ปู้ เหลี่ยว หยู จง ตี ซาน ปู้
ยังลืมไม่ได้ในความดีของคุณ ยังไม่ลืมครั้งที่ยังเดินท่ามกลางสายฝน
ye wang bu liao na feng li de yong bao
เหย่ หวัง ปู้ เหลี่ยว นา เฟิง หลี่ ตี ยง เป้า
และยังคงไม่ลืมโอบกอดในสายลมนั้น
wang bu liao wang bu liao wang bu liao ni de lei
หวั่ง ปู้ เหลี่ยว หวัง ปู้ เหลี่ยว หวั่ง ปู้ เหลี่ยว หนี ตี เล่ย
ลืมไม่ได้ ลืมไม่ได้ ยังลืมไม่ได้สำหรับน้ำตาของคุณ
wang bu liao ni de xiao wang bu liao ye luo de chou chang
หวัง ปู้ เหลี่ยว หนี่ ตี เซี่ยว หวัง ปู เหลี่ยว เย่ ลั่ว ตี โฉว ช่าง
ยังลืมไม่ได้ในรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคุณ ยังไม่ลืมความเศร้าโศกในคืนที่ล่วงเลย
ye wang bu liao na hua kai de fan nao
เหย่ วั่ง ปู้ เหลียว นา ฮัว ไค ตี ฝัน หน่าว
และยังคงไม่ลืมความเจ็บปวดที่งอกเงยขึ้นในใจนั้น
ji4 mo de chang xiang er jin xie yue qing zhao
จี้ โม้ ตี ฉาง เซี่ยง เอ๋อ จิน เสี๋ย เยว่ ชิง เจา
อยู่เพียงลำพังในถนนเล็กๆที่ทอดยาว และ แสงจันทร์ส่องสว่างไสว
leng luo de qiu qian er jin ying feng qing yao
เลิง ลั่ว ตี ชิว เชียน เอ๋อ จิน ยิง เฟิง ชิง เยา
บนชิงช้าที่แสนเงียบเหงา โต้ลมที่พัดไปมาแผ่วเบา
ta chong fu ni de ding ning yi sheng sheng wang liao wang liao
ทา ฉง ฟู่ หนี่ ตี ติง นิง อี เชิง เชิง วั่ง เหลี่ยว วั่ง เหลียว
สิ่งที่เธอเคยย้ำมันยังคงย้อนเตือนกลับมา เสียงเสียงหนึ่ง ลืมแล้ว ลืมแล้ว
ta di su wo de zhong qu yi sheng sheng nan liao nan liao
ทา ตี ซู่ หว่อ ตี จง ชวี่ อี เชิง เชิง หนาน เหลี่ยว หนาน เหลี่ยว
มันยังตอกย้ำความรู้สึกในใจของฉัน เสียงเสียงหนึง ยากแล้ว ยากแล้ว
wang bu liao wang bu liao wang bu liao chun yi jin
หวั่ง ปู้ เหลี่ยว หวัง ปู้ เหลี่ยว หวั่ง ปู้ เหลี่ยว ชุน อี่ จิ้น
ลืมไม่ได้ ลืมไม่ได้ ยังลืมไม่ได้สำหรับ ปลายที่สิ้นสุดของฤดูใบไม้ผลิ
wang bu liao hua yi lao wang bu liao li bie de zi wei
วั่ง ปู้ เหลี่ยว ฮัว หยี่ เหล่า หวั่ง ปู้ เหลี่ยว หลี เปี่ย ตี จือ เว่ย
ยังลืมไม่ได้กับเรื่องเก่าๆเวลาที่ผ่านมา ยังไม่ลืมที่ต้องจากจรจากรสสัมผัส
ye wang bu liao na xiang si de ku nao
เหย่ วั่ง ปู้ เหลี่ยว น่า เซี่ยง สึ ตี ขู่ เหน่า
และความไม่สบายใจของความคิดรักใคร่ก็ยังเฝ้าเวียนหา(ลืมไม่ลง)
...
Sunday, March 30, 2008
เพลงจีนจากหนังจีนเก่าๆ 2
Saturday, March 29, 2008
เพลงจีนจากหนังเก่าๆ
...
พอเจอเพลงเติ่งไต้เจ๊อะหนี่ของคุณพรี่ไวท์เข้าไป ตอนนี้เลยกำลังติดเพลงจีนงอมแงม ตระเวนหาแหล่งดาวน์โหลดเพลงจีนเก่าๆ จากหนังจีนเก่าๆ พอดีไปเจอเพลงเหล่านี้มาจากเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง ขออนุญาตไม่ระบุเว็บ เพราะมันคงมีปัญหาลิขสิทธิ์ เพลงเหล่านี้โพสต์ไว้โดยผู้ใช้คนหนึ่ง ขออนุญาตไม่ระบุชื่อคนอีกนั่นแหละ
เพลงเพราะมากๆ ขออนุโมทนาบุญกุศล ขอมอบความรักความปรารถนาดีและระลึกถึงศิลปินเจ้าของเพลงเหล่านี้ และให้กับผู้ที่นำมาเผยแพร่
ที่ทำให้ผมกับเพื่อนๆ มีความสุขกับเพลงเหล่านี้
1. เพลงบรรเลงจากหนังเรื่องม่านประเพณี หรือ Butterfly Lovers
2. เพลง False Pretenses เสียงร้องโดยกงลี่ จากหนัง Shanghai Triad
3. เพลงชื่ออะไรไม่รู้ แต่มาจากหนังเรื่องเดชคัมภีร์เทวดา หรือ Swordman ภาค 2 เสียงร้องโดยหลินชิงเสีย
ปล. เพลงจีนเพราะๆ ยังไม่หมดนะครับ ยังเหลืออีกเซ็ทหนึ่ง ซึ่งไฟล์ของมันอยู่ในฟอร์แมท WMA โหลดใส่เว็บไม่ได้ ต้องหาโปรแกรมมาแปลงฟอร์แมทให้เป็น MP3 เสียก่อน ขอเวลาทำ 2-3 วัน
...
Thursday, March 27, 2008
The Wandering Songtress
...
จากหนังเรื่อง Lust, Caution ได้ยินทำนองเพลงจีนเก่าๆ แบบนี้ทีไร น้ำตาไหลทุกที และนี่คือคำแปลเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ
From the end of the earth, to the farthest sea
I search and search for my heart's companion
A young girl sings, while he accompanies her
Your heart is my heart
Looking north from my mountain nest
My tears fall and wet my blouse
Missing him, i will not rest
Only love that lasts through hard time is true
In life, who does not
Cherish the springtime of youth?
A young girl to her man, Is like thread to its needle
Ah my beautiful man
We're like a threaded needle
Never to be separated
...
Tuesday, March 25, 2008
เติ่ง ไต้ เจอะ หนี่
...
ขอมอบเพลงนี้ให้กับสาวน้อยสาวใหญ่และบรรดาเก้งกวางทุกตน ที่กำลังกรี้ดคุณพี่ไวท์กันเหลือเกิน เพลงเมโลดี้หวานหยด เสียงร้องหล่อโคตร เสียดายที่ฟังไม่รู้เรื่อง ใครพอฟังออก ช่วยแปลให้ด้วย
ปล. เพลงนี้ด้วยความอนุเคราะห์จากสาวใหญ่ ไม่ประสงค์จะออกนาม เพราะเขาบอกว่าแกรมมี่มันจะมาตามจับบล็อกที่ละเมิดลิขสิทธิ์เพลงของมัน ทำให้บล็อกเกอร์ส่วนใหญ่ขยาดที่จะโพสต์และแจกจ่ายเพลงแกรมมี่ จริงเปล่าอ่ะ ?
...
Monday, March 24, 2008
หนังสือทำมือ
...
ไม่ได้ทำเอง แต่แกงค์เพื่อนๆ ที่เว็บ http://lonesome-cities.exteen.com/ เขาลงมือและลงทุนทำกันเอง โดยเอาบทความและเรื่องแต่ง "Lonesome Cities - คนหนุ่มในเมืองหนึ่ง โครงการหนึ่ง" มารวมเล่มแบบทำกันเล่นๆ สนุกๆ
ผมยังไม่เห็นตัวเล่มจริงๆ เลย เดาว่าคงใช้วิธีถ่ายเอกสารและเย็บเล่มด้วยมือ ขนาดคงเท่าพอคเก็ตบุคเล่มบางๆ ทั่วไป แต่ก็สงสัยว่าเขาจะเอางานของผมไปลงรวมอยู่ในเล่มๆ อย่างนั้นได้อย่างไร เพราะงานส่วนใหญ่ที่ส่งไปในโครงการนี้ มันเป็นภาพวาด การ์ตูน และคลิปวิดีโอสั้นๆ ตอนที่ทำส่งไปแต่ละชิ้นนั้น คิดว่าคงจะแค่ใส่ในเว็บ รอให้คนเปิดเข้ามาอ่าน ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะทำออกมาเป็นเล่มกระดาษแบบนี้
คนทำแจ้งว่าทำออกมา 50 เล่ม ฝากวางขายเฉพาะที่บูธอัลเทอร์เนทีฟไรเตอร์ ของพี่นิวัต พุทธประสาท สุดสัปดาห์นี้ใครที่ว่างๆ และจะไปเดินงานหนังสืออยู่แล้ว ก็ลองแวะเวียนไปถามหาเล่มนี้กันได้ครับ
ปล. ยังไม่รู้เลยว่าเล่มละกี่บาท หนากี่หน้า
ปล2. ขอบคุณ อนุกูล เหมาลา วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา และ มารุต เหล็กเพชร
...
Sunday, March 23, 2008
Blur Vision
...
คลิปวิดีโอที่ตั้งใจถ่ายให้เอาท์โฟกัสทั้งหมด เพื่อให้เห็นแสงไฟบนท้องถนนกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนในมุมมองใหม่ ถ่ายทำผ่านกระจกหน้าต่างด้านหน้าและด้านข้างของรถเมล์สาย 203 ภาพที่เห็นคือบริเวณถนนจรัลสนิทวงศ์ตั้งแต่แยกซังฮี้ ไปจนถึงสะพานพระรามเจ็ด นำมาตัดต่อใส่เพลงซาวนด์แทร็ค จากหนังเรื่อง All About Lily Chou-Chou ด้วยความอนุเคราะห์จากน้องเจี๊ยบ
...
Sunday, March 16, 2008
ดูหนังเป็นตุเป็นตะ - รักแห่งสยาม
...
การปะติดปะต่อความทรงจำ ให้กลายเป็นเรื่องเล่าของความรัก
ผมเอาดีวีดีรักแห่งสยามมานั่งดูอีกรอบ ดูแบบละเอียดยิบเฟรมต่อเฟรมกันเลยทีเดียว หลังจากที่ไปดูในโรงมาแล้วรอบครึ่ง (เอ๊ะ! ทำไมรอบครึ่ง? อ่านรายละเอียดได้ในบล็อก) เพื่อพยายามมองหารูปแบบอะไรบางอย่าง ที่จะนำไปสู่ความเข้าใจในแก่นแกนของหนังเรื่องนี้ และนี่คือรูปแบบที่ผมได้ค้นพบ และแกนของเรื่องที่ผมสามารถอธิบายได้ ขออธิบายด้วยการดูภาพ Capture ทีละฉากๆ ไล่ตามลำดับในเรื่อง
**** เนื่องจากมีมากถึง 70 ภาพ จึงโพสต์ในบล็อกเกอร์ไม่ไหว ต้องโพสต์ใส่ไว้ที่เว็บมัลติพลาย กรุณาเข้าไปอ่านเรื่องพร้อมภาพประกอบเรียงตามลำดับสวยงามได้ที่นี่***
http://aloneinthecinema.multiply.com/journal/item/1
ภาพเก่า - เพลง - ความทรงจำ - เรื่องเล่า - ความสูญเสีย
01- ฉากแรกสุด ในบ้านของมิววัยเด็ก อาม่านั่งอยู่ท่ามกลางภาพถ่ายเก่าๆ ใส่กรอบแปะบนฝาผนัง
02- มิวถามอาม่าว่าทำไมไม่ยอมย้ายบ้าน อาม่าบอกว่าแก่แล้ว ไม่อยากย้ายไปไหน
03- มิวเล่นเปียโนของอากง บทเพลงจีนเก่าๆ อาม่าเดินมาหา โปรดสังเกตว่ามีภาพถ่ายเก่าๆ บนฝาผนังจำนวนมาก
04- โคลสอัพไปที่เปียโน อาม่ากำลังเล่นและเล่า narrative หรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักของตนเอง ว่าเพลงนี้อากงชอบเล่นให้อาม่าฟัง แล้วก็ถามมิวว่าฟังออกไหม ว่าเพลงนี้หมายถึงอะไร มิวตั้งใจฟัง แล้วตอบว่า อากงคิดถึงอาม่า แล้วอาม่าก็บอกว่าให้มิวหัดเล่นเปียโนให้เก่งๆ เพื่อสักวันจะได้เล่นมันให้คนรักฟังบ้าง
05- โคลสอัพไปที่ภาพเก่าของอากงกำลังเล่นเปียโน อาม่าบอกว่า ถ้าอากงกลับมาบ้าน แล้วไม่เจอใคร เขาก็จะเหงา นี่คือสาเหตุที่อาม่าไม่ยอมย้ายบ้านไป เพราะยังคงรักอากงอยู่อย่างสุดซึ้งนั่นเอง เด็กอย่างมิวในตอนนั้น ยังไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร และไม่รู้ว่าอาม่าเป็นสุขหรือเป็นทุกข์กันแน่ ?
ความรัก - ความสมบูรณ์
06- ฉากครอบครัวของโต้งนั่งกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา มีอยู่ 4 คน คือแม่ พ่อ โต้ง และแตง นั่งกันครบทุกมุมของโต๊ะ 4 เหลี่ยม แสดงให้เห็นความครบถ้วน เต็มสมบูรณ์ ความสุข และความรักในครอบครัว หลังจากนั้นหนังก็นำเสนอว่าครอบครัวโต้งกำลังเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ โดยแตงขอแยกไปเที่ยวต่อกับเพื่อน
การปะติดปะต่อ - เรื่องเล่า - ลายแทง - Elizabethtown
07- โต้งกลับมาจากเชียงใหม่ แล้วซื้อตุ๊กตาไม้แบบถอดชิ้นส่วนได้มาเป็นของขวัญให้มิว โดยแยกออกเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปซ่อนตามจุดต่างๆ เขียนลายแทงให้มิวเดินตามหาทีละชิ้น
08- ช่วงนี้ทำให้ผมนึกถึงฉากตอนจบของหนังเรื่อง Elizabethtown ของคาเมรอน โครว์ ไม่ได้จะจับผิดมะเดี่ยวว่าลอกเขามานะ แค่บอกว่ามันสื่อความหมายและแนวคิดเดียวกัน
09- ว่าคนสองคนจะสื่อถึงกัน เข้าใจกัน และมีความสัมพันธ์กันได้ ด้วยการมีเรื่องเล่า narrative ร่วมกัน โดยปะติดปะต่อองค์ประกอบต่างๆ ไปในเส้นทางเดียวกัน
10- โต้งบอกว่าที่บ้านชอบเล่นเกมแบบนี้ เวลาที่จะให้ของขวัญกัน ซึ่งในเนื้อเรื่องหลังจากนี้ เราจะเห็นการเล่นเกมนี้อีกหลายครั้ง
11- แต่! ... ชิ้นส่วนสุดท้ายของตุ๊กตาไม้ขาดหายไป เพราะโดนรถขยะเก็บไปเสียก่อน สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเด็กทั้งคู่นี้ขาดพร่อง เรื่องเล่าของพวกเขาไม่สมบูรณ์ และตุ๊กตาไม้ตัวนี้ได้กลายเป็นโมทิฟหลักของหนังเรื่องนี้
ชิ้นส่วนที่หายไป - ความทรงจำ - ความสูญเสีย
12- ภาพถ่ายเก่าๆ ถูกนำมาใช้อีกครั้ง (คราวที่แล้วคือภาพถ่ายของอาม่าและอากงของมิว) มาคราวนี้เป็นภาพของครอบครัวมิวระหว่างไปเที่ยวเชียงใหม่
13- แตงหายตัวไปเฉยๆ แตงจึงเปรียบเหมือนกับชิ้นส่วนที่หายไปของครอบครัวนี้ นำมาซึ่งความรู้สึกสูญเสีย พ่อเสียใจ นั่งร้องไห้ ยอมรับความสูญเสียนี้ไม่ได้ และเริ่มติดเหล้าตั้งแต่บัดนั้น
14- แม่เสียใจเหมือนกัน เดินเข้าไปในห้องนอนของแตง บนโต๊ะมีชิ้นส่วนตัวต่อจิ๊กซอว์ที่ยังต่อไม่เสร็จ วางกระจัดกระจาย และมีอัลบั้มรูปภาพถ่ายครอบครัววางอยู่ แม่หยิบขึ้นมาดูแล้วร้องไห้
15- แม่หยิบหมอนของแตงขึ้นมาซุกกอดและร้องไห้ หมอนจะถูกนำมาใช้เป็นตัวแทนของความสูญเสียและการจากลาอีกครั้ง ในตอนถัดๆ ไป
16- ภาพโต๊ะอาหารของครอบครัวโต้ง คราวนี้มีเหลือกันอยู่แค่ 3 คน โต๊ะสี่เหลี่ยมมีด้านหนึ่งที่ว่างเปล่า
ฉากเปิดเรื่อง
17- กว่าจะถึงฉากเครดิตต้นเรื่อง ก็กินเวลาไปแล้ว 20 นาที ถือเป็นการเปิดเรื่องที่แปลกประหลาดดี ผมคิดว่ามะเดี่ยวทำแบบนี้ เพราะต้องการนำเสนอแก่นของเรื่อง โมทิฟ และสัญลักษณ์ต่างๆ ที่จำเป็นในการทำความเข้าใจหนังทั้งเรื่อง ให้ครบถ้วนหมดเสียก่อน ซึ่งก็ได้แก่ข้อ 1-4 ที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อนำหัวข้อ 1-4 มา intersect กัน ก็จะเหลือหัวข้อดังต่อไปนี้ "ความทรงจำ - ความสูญเสีย - ภาพเก่า - การปะติดปะต่อ - ชิ้นส่วนที่หายไป - ความรัก - เพลง"
แล้วหลังจากนี้ไป หัวข้อเหล่านี้จะถูกนำกลับมาสอดแทรกไว้ตลอดเรื่อง เพื่อให้คนดูได้เห็นมันซ้ำๆ เป็นการตอกย้ำแก่นแกนของหนัง
ความรักคืออะไร?
18- เมื่อโต้งกับมิวโตขึ้นกลายเป็นเด็กวัยรุ่น พวกเขาไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร ด้านหนึ่ง มิวเป็นนักดนตรีวงออกัสต์ ผู้จัดการวงบอกให้มิวแต่งเพลงรัก แต่มิวยังนึกไม่ออกว่าจะแต่งอย่างไร เพราะเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักของเขาไม่สมบูรณ์ ตุ๊กตาไม้ยังไม่มีจมูก
19- อีกด้านหนึ่ง โต้งเป็นแฟนกับโดนัท แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ารักเธอหรือเปล่า เพราะเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักของเขาไม่สมบูรณ์เช่นกัน
20- โต้งได้เจอมิวอีกครั้งที่สยามสแควร์ พวกเขากำลังจะเติมเรื่องเล่าของกันและกันให้สมบูรณ์
21- โต้งไปบ้านมิวเพื่อเอาซีดีไรท์เพลง มองเห็นตุ๊กตาไม้ และภาพเก่าๆ ในวัยเด็กของตนเองที่ถ่ายคู่กับมิว และมิวใส่กรอบวางไว้บนโต๊ะอย่างดี
22- โต้งมองไปที่หน้าต่างบ้านเก่าของตนเอง เห็นภาพหลอนเป็นพี่แตงยืนอยู่ แล้วถามมิวว่า เคยเห็นพี่แตงกลับมาหรือเปล่า สะท้อนให้เห็นความทุกข์จากการสูญเสีย และการเฝ้ารอให้เขากลับคืนมา เหมือนอาม่าบอกว่ารออากงกลับบ้าน (ข้อ 1)
เด็กสาวที่สร้างเรื่องเล่าเพียงฝ่ายเดียว
23- หญิงเป็นเด็กสาวข้างบ้านที่แอบรักมิว
24- โปรดสังเกตภาพถ่ายของมิวจำนวนมากแปะไว้บนฝาผนังห้องของหญิง เหมือนกับภาพของอากงที่อยู่บนฝาผนังบ้านของอาม่า (ข้อ 1) และเหมือนกับภาพถ่ายของครอบครัวโต้งตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ (ข้อ 4) แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังพยายามสร้างเรื่องเล่าความรักของเธอกับมิว ขึ้นจากการปะติดปะต่อเองฝ่ายเดียว ฉากนี้ดูเหมือนฝาผนังห้องของเลนนี่ ในหนังเรื่อง Memento
การเรียกร้องขอฟังเรื่องเล่า
25- พ่อมีอาการความจำเสื่อม หลงๆ ลืมๆ ชอบหยิบภาพถ่ายเก่าๆ ตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ขึ้นมาดู ในปัจจุบัน อาการความจำเสื่อมมักจะถูกนำมาใช้เป็นเนื้อเรื่องในหนังจำนวนมาก เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงแนวความคิดและปรัชญาร่วมสมัยได้ดี
26- พ่อเฝ้าถามคำถามเดิมๆ วนเวียน แตงหายไปไหน? ตอนที่ถ่ายภาพนี้แตงไปอยู่ไหน? แตงไปด้วยหรือเปล่า? ถามซ้ำแล้วซ้ำอีก จนทำให้แม่รำคาญ
ความรัก VS ความสูญเสีย
27- ฉากที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้ ที่สะท้อนให้เห็นแก่นของหนังทั้งเรื่อง และกระจายออกไปสู่ตัวละครเกือบทุกตัว เริ่มต้นที่โต้งไปนอนค้างที่บ้านมิว และเริ่มต้นคุยกัน
28- มิวเริ่มเล่าถึงความรู้สึกเหงาที่เกิดขึ้นหลังจากการสูญเสียอาม่า ถือเป็นประสบการณ์ความรักและความสูญเสียครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของมิว (อีกครั้งหนึ่งคือตอนที่โต้งย้ายบ้าน)
29- ภาพตัดไปที่แม่ ออกมาตามหาโต้งว่าหายไปไหน ดึกดื่นไม่ยอมกลับบ้าน แม่กำลังหวาดกลัวต่อความสูญเสีย หลังจากที่ลูกสาวหายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ลูกชายกำลังจะหายไปอีกคน
30- มิวตั้งประเด็นที่น่าสนใจมาก ว่าคนเราจะรักได้อย่างสุดหัวใจ โดยไม่ต้องกลัวการสูญเสียได้หรือไม่?? ย้อนกลับไปที่ข้อ 1 กับประเด็นว่า อาม่ารักอากงมาก จนถึงวันที่อากงตายไปแล้ว อาม่ายังคงเฝ้ารออากงกลับบ้าน แบบนี้อาม่าจะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์?
31- ถึงตอนเช้า โต้งกลับบ้านไปแล้ว มิวตื่นขึ้นมาเห็นข้างตัวเองว่างเปล่า หยิบหมอนที่โต้งหนุนนอนเมื่อคืนขึ้นมากอด เหมือนกับฉากแม่กอดหมอนลูกสาวในข้อ 4
ความรักที่ไร้เรื่องเล่าคือความรักที่ฉาบฉวย
32- โต้งไปเดินเที่ยวกับโดนัทที่สยามสแควร์ ตัวละครโดนัทในเรื่องนี้ ปรากฏอยู่เฉพาะที่สยามสแควร์ คนดูจะไม่เห็นบ้านของเธอ ไม่เห็นครอบครัว ไม่รู้ประวัติความเป็นมา แต่รับรู้แค่ความน่ารัก แต่งตัวหรูหรา เดินช็อปปิ้ง เตร็ดเตร่อย่างไร้จุดหมาย เป็นตัวละครที่แบนบาง ไร้เรื่องเล่า
33- ระหว่างเดินช็อปปิ้งกันอยู่ โต้งเหลือบไปเห็นตุ๊กตาไม้แบบเดียวกับที่เคยให้มิว วางขายอยู่ ตุ๊กตาไม้ตัวนี้สมบูรณ์ มีจมูกอยู่ สะท้อนให้เห็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักระหว่างโต้งกับมิวที่ครบถ้วน โต้งให้ความสนใจตุ๊กตาไม้นี้อย่างมาก จนทำให้โดนัทโกรธ
34- เพราะไม่มีเรื่องเล่า ไม่มีความทรงจำ จึงไม่มีความรักให้กัน แล้วโดนัทก็เดินจากไป
การเรียกร้องขอฟังเรื่องเล่า 2
35- จูนเป็นผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนแตง แม่เลยจ้างให้มาแสดงละครหลอกพ่อ ก่อนจะจ้าง แม่ถามอย่างเอาจริงเอาจัง ถึงประวัติความเป็นมาของจูน แสดงให้เห็นว่าตัวแม่เองก็หิวกระหายเรื่องเล่าเหมือนกับพ่อนั่นแหละ (ในข้อ 8)
36- เมื่อพาจูนมาที่บ้าน พ่อเห็นก็นึกว่าเป็นแตง เลยดีใจใหญ่ และเฝ้าแต่ถามว่าแตงหายไปไหนมา เล่าให้ฟังหน่อย
37- จูน (ที่แสร้งเป็นแตง) เล่าเรื่องเล่าแบบเป็นตุเป็นตะ ว่าความจำเสื่อม ชาวเขามาช่วยชีวิตไว้ และหาทางกลับบ้านไม่ได้ เป็นเรื่องเล่าที่ฟังแล้วนอนเซ้นส์มาก แต่ยิ่งเล่า ก็ยิ่งทำให้พ่อมีความสุข เพราะพ่อหิวกระหายเรื่องเล่ามานานแสนนาน เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าแล้ว พ่อก็ผูกพันและรักแตงได้เหมือนเดิม แสดงให้เห็นว่าความรักนั้นเกิดจากการมีเรื่องเล่าร่วมกัน กรุณาย้อนกลับไปอ่าน ข้อ 1 เกี่ยวกับเรื่องเล่าของอาม่า และ ข้อ 3 เกี่ยวกับลายแทงของโต้ง และหนัง Elizabethtown
เรื่องเล่าของจูน
38- จูนสารภาพว่าเรื่องเล่าเมื่อกี้นี้ลอกมาจากหนังเรื่อง "รักจัง" มาจนถึงตอนนี้ คนดูยังไม่รู้เลยว่าจูนมีประวัติความเป็นมาที่แท้จริงอย่างไร
39- เมื่อจูนกลับมาถึงบ้าน เป็นอพาร์ทเมนต์ห้องเล็กๆ เธออยู่คนเดียว บนผนังห้องของเธอมีภาพถ่ายใบเล็กๆ ติดเต็มไปหมดเหมือนกัน แต่กล้องไม่ได้โคลสอัพเข้าไปให้คนดูเห็นรายละเอียด เหมือนกับหนังไม่ได้ต้องการจะบอกคนดูว่าจูนคือใคร แต่บอกแค่ว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็มีเรื่องเล่าของตัวเองทั้งนั้นแหละ
เพลงก็คือเรื่องเล่านั่นเอง
40- ความสัมพันธ์ระหว่างโต้งกับมิวดำเนินไปด้วยดี เป็นแรงบันดาลใจให้มิวแต่งเพลงรักได้หวานซึ้ง ผมคิดว่าสำหรับหนังเรื่องนี้ เพลง ก็เปรียบเหมือนกับตัวต่อจิ๊กซอว์ ตุ๊กตาไม้ การเดินตามลายแทง ภาพถ่ายบนฝาผนัง ความครบถ้วน และการเกิดขึ้นของเรื่องเล่า ซึ่งมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับความรักและความสูญเสีย ในที่สุดมิวก็แต่งเพลงด้วยความรัก ได้เหมือนกับที่อากงเล่นเปียโนให้อาม่าฟัง (ในข้อ 1)
จูนเดินตามลายแทง
41- พ่อดีใจที่ลูกสาวกลับมา อยากจะแสดงความรักด้วยการสร้างเรื่องเล่ากันใหม่ จึงเขียนลายแทงให้จูนเดินตาม แต่จูนไม่สามารถเดินตามลายแทงได้ครบ เพราะเอาลายแทงแผ่นหนึ่งไปห่อหมากฝรั่งทิ้งเสียก่อน แสดงให้เห็นว่าจูนไม่ได้ต้องการจะมีเรื่องเล่าและความรักกับครอบครัวนี้
รักแห่งสยามสแควร์
42- ฉากนี้แสดงให้เห็นความรักรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยมีสยามสแควร์เป็นฉากหลัง เริ่มต้นที่โต้งกับมิวนั่งกินไอติมด้วยกัน โดยมิวมานั่งแทนที่โดนัท
43- โดนัทก็เดินเตร็ดเตร่ช็อปปิ้งกับผู้ชายต่อไป อย่างไร้จุดหมาย
44- (อีกแล้ว)
การเรียกร้องขอฟังเรื่องเล่า 3
45- บ้านของโต้งจัดงานเลี้ยงฉลองที่แตงกลับมา เพื่อนบ้านมาเยี่ยมเยียน และพยายามคาดคั้นขอฟังเรื่องเล่าจากจูน (ที่แสร้งเป็นแตง) ว่าหายไปไหนมา จูนก็เล่าเรื่องรักจังให้ฟังอีกรอบ หลังจากนี้ก็เป็นฉากเฟิร์สทคิสระหว่างโต้งกับมิว และแม่เดินมาเห็นเข้าพอดี
เรื่องเล่าของแม่
46- หลังจากที่ได้ดูเรื่องเล่าของใครต่อใครมาแล้ว คราวนี้ก็มาถึงเรื่องเล่าของแม่บ้าง ตั้งแต่ต้นเรื่องและนับตั้งแต่แตงหายตัวไป แม่เป็นคนที่นิ่ง เก็บอารมณ์ รักษาสภาวะตัวเองให้เดินหน้าต่อไปได้ ในขณะที่พ่อนั้นล้มเหลวเสียคนไปแล้ว หลายคนคงอยากจะรู้แล้วว่าทำไมแม่จึงดำเนินชีวิตต่อมาได้แบบนี้ คำตอบอยู่ในฉากนี้ ฉากที่แม่รีบมาหามิว และบอกให้มิวเลิกคบกับโต้งแบบคู่เกย์
47- เรื่องเล่าของแม่ คือเหลือโต้งเป็นที่พึ่งที่หวังสุดท้าย แม่รักและต้องการให้โต้งเติบโตเป็นคนปกติ เรียนจบ หางาน เก็บเงิน แต่งงาน มีลูก และมีอนาคตแบบผู้ชายปกติทั่วไป นี่คือความรักของแม่ และเรื่องเล่าของแม่ เรื่องที่แม่คาดหวังจากโต้ง
การพังทลายของเรื่องเล่า
48- เมื่อหญิงรู้ความจริงว่ามิวเป็นเกย์ ก็เสียใจและวิ่งกลับมาที่ห้อง ฉีกทึ้งภาพถ่ายของมิวที่แปะไว้บนฝาผนังทิ้ง ภาพถ่ายเหล่านี้รวมตัวกันเป็นเรื่องเล่าความรักที่มีต่อมิว เมื่อไม่มีทางสมหวังกับมิวแล้ว หญิงก็ทำลายเรื่องเล่านี้ทิ้ง
49- แม่ร้องไห้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกคือเมื่อสูญเสียลูกสาว ครั้งนี้แม่กำลังสูญเสียลูกชาย เมื่อรู้ว่าลูกชายเป็นเกย์ เรื่องเล่าของแม่ที่วางไว้ ก็พังทลายลง
50- โต้งไปนั่งกินเหล้าที่คอนโดเพื่อน เจอกับหญิงที่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว โต้งพยายามปล้ำหญิง และเพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่มีอารมณ์ทางเพศกับหญิง โต้งร้องไห้เพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองคืออะไร "ฉันเป็นอะไรอ่ะหญิง ฉันเป็นอะไร?" คำถามนี้สะท้อนให้เห็นว่าโต้งไม่รู้ว่าในเรื่องเล่าความรัก ระหว่างชายหญิงปกติ อย่างที่แม่คาดหวังไว้นี้ เขามี Role อย่างไร (ซึ่งก็คือ Sex Role นั่นเอง)
การก่อสร้างเรื่องเล่าขึ้นมาใหม่
51- จูน (ในบทของแตง) นั่งดูอัลบั้มรูปเก่าๆ กับพ่อ แล้วเล่าเรื่องราวต่างๆ นานาให้พ่อฟัง โดยแต่งมันขึ้นมาเองมั่วๆ ทำให้พ่อมีความสุขมาก
52- แม่ได้ยินเรื่องเล่าต่างๆ จากปากจูน ก็เดินมาถามว่าเอาเรื่องเหล่านี้มาจากไหน จูนบอกว่าแต่งขึ้นมาเอง มันก็แค่เป็นเรื่องที่พ่ออยากฟัง
53- ในตอนแรกนั้น แม่ยังไม่ยอมรับเรื่องเล่าใหม่ที่จูนแต่ง และยังคงยึดติดกับเรื่องเล่าเก่าๆ ของตนเอง จึงพยายามคาดคั้นจากจูนให้ได้ ว่าจูนเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงหน้าเหมือนแตง
54- ที่โรงพยาบาล จูนเล่าประวัติของตัวเองอย่างละเอียด ว่าเป็นเด็กยากจนมาจากเชียงใหม่ พ่อแม่ตายไปแล้ว ตอนนี้เธอจึงใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แม่ฟังแล้วสะเทือนใจ เกิดความผูกพันและความรักในตัวจูน
55- แต่จู่ๆ แม่ก็นึกขึ้นมาได้ ว่าจูนชอบแต่งเรื่องขึ้นมาเอง จึงถามไปว่าเรื่องที่จูนเล่านั้น เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง? และในฉากนี้เอง ที่แม่ได้เรียนรู้ถึงพลังของเรื่องเล่าที่มีต่อความรัก เราทุกคนต้องมีเรื่องเล่าที่ประกอบสร้างขึ้นมาจากภาพความทรงจำมากมาย และมันจะทำให้เราเป็นตัวเราในทุกวันนี้ รวมไปถึงยังสร้างความผูกพันและความรักกับใครสักคน (เรื่องประมาณ Memory and Self Narrative) การจะไปคาดคั้นบังคับขอฟังเรื่องเล่าจากใคร หรือไปบังคับให้ใครมาเดินตามเรื่องเล่าของเรานั้น มันไม่ถูกต้อง
การเรียนรู้
56- เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายของหนัง ก็จะถึงช่วงที่ตัวละครได้เรียนรู้บทเรียนซึ่งเป็นประเด็นหลักของหนัง ฉากนี่แม่กับโต้งกำลังช่วยกันแต่งต้นคริสต์มาส ผมว่าการนำของตกแต่ง เครื่องประดับต่างๆ มาใส่ต้นคริสต์มาสในฉากนี้ มีความหมายเหมือนกับตัวต่อจิ๊กซอว์ ตุ๊กตาไม้ และภาพถ่ายบนฝาผนัง โต้งมีท่าทีลังเล ไม่แน่ใจ ว่าจะเอาอะไรไปใส่ไว้ตรงไหน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่มีเรื่องเล่า และไม่มี Sex Role ของตัวเอง
57- แม่บอกให้โต้งเอาตุ๊กตาสองตัวติดตรงไหนก็ได้ ติดๆ ไปเถอะ ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง หมายความว่า เมื่อโต้งโตแล้ว ต่อไปนี้ ชีวิตโต้งก็ต้องมีเรื่องเล่าของตัวเองได้แล้ว มีคนตั้งข้อสังเกตว่าตุ๊กตาทั้งสองตัวนี้ เป็นเพศหญิงและเพศชาย ฉากนี้จึงแสดงให้เห็นการตัดสินใจเลือก Sex Role ของโต้งนั่นเอง
Sex Role ของโต้ง
58- แล้วโต้งก็ไปบอกเลิกกับโดนัท
เรื่องเล่าของแม่ 2
59- จูนก็ลาจากครอบครัวนี้ไป โดยทิ้งจดหมายไว้แบบเป็นลายแทงให้แม่เดินตาม จนถึงตอนนี้ คนดูยังไม่รู้เลยว่าที่แท้จริงแล้วจูนคือใคร ลักษณะตัวละครจูน เป็น Magical Realism คือสิ่งมหัศจรรย์ที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาในเรื่อง ส่งผลกระทบต่อตัวละครทั้งหมด และก็เป็นเงื่อนไขให้เนื้อเรื่องดำเนินไป
60- ลายแทงนำแม่มาสู่ซองจดหมายที่มีภาพถ่ายครอบครัวตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ ในภาพมีกัน 3 คน คือแม่ พ่อ และโต้ง
61- พ่อเดินมาพอดี แล้วก็เริ่มถามเซ้าซี้ซ้ำๆ แบบเดิม ว่าแตงหายไปไหน? แตงไม่อยู่แล้วใช่ไหม? แต่คราวนี้ แทนที่แม่จะรำคาญแล้วเอาภาพไปซ่อนเหมือนเคย แม่เริ่มเล่าเรื่องของแม่ให้พ่อฟัง แม่บอกว่าตอนที่ถ่ายภาพนี้ แตงยังอยู่ แตงเป็นคนถ่ายภาพนี้เอง
62- เรื่องเล่าของแม่ แสดงให้เห็นว่า การที่แตงไม่ปรากฎให้เห็นอยู่ในภาพ ก็ไม่ได้แปลว่าแตงไม่ได้อยู่กับเรา (มันเป็นแนวคิดเรื่อง Presence - Absence การไม่ปรากฏ ไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่) ทำให้พ่อได้เริ่มเรียนรู้บ้าง พ่อพูดซ้ำๆ ว่า ผมรู้แล้ว รู้แล้ว รู้แล้ว
Sex Role ของโต้ง 2
63- ฉากจบของเรื่อง หลังจากบอกเลิกกับโดนัทแล้ว โต้งก็ไปพบกับมิวที่หลังเวทีคอนเสิร์ต
64- Sex Role ของโต้ง ยังคงคลุมเครืออยู่ ถึงแม้จะบอกเลิกกับโดนัท แต่เขาก็ไม่ได้ลงเอยกับมิว "เราคงคบกับมิวเป็นแฟนไม่ได้"
65- "แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้รักมิวนะ" แนวคิดเรื่อง Presence - Absence มาอีกแล้ว ถึงเราไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เราก็รักกันนะ นี่คือเรื่องเล่าที่โต้งเลือก
66- โต้งเอาชิ้นส่วนจมูกของตุ๊กตาไม้มาให้มิวเป็นของขวัญวันคริสต์มาส ถือเป็นการเติมเต็มเรื่องเล่าความรักของคนทั้งสองให้เต็มสมบูรณ์เสียที คือทั้งสองรักกัน แต่ทั้งสองก็ต้องยอมรับความสูญเสีย ว่าไม่สามารถเป็นแฟนกันได้
บทสรุปของความรักและความสูญเสีย
67- โต้งกลับมาถึงบ้าน เขารักมิว และยอมรับความสูญเสียที่ไม่สามารถเป็นแฟนกันได้
68- พ่อนอนหลับไปด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม พ่อตระหนักว่าความรักที่มีต่อแตงนั้นยังมีอยู่ตลอดไป แต่ในขณะเดียวกัน พ่อก็ต้องยอมรับความจริงและความสูญเสียด้วย ว่าแตงตายไปแล้ว
69- มิวกลับบ้านเอาชิ้นส่วนจมูกไปเสียบใส่ตุ๊กตาไม้ของตน ถือเป็นการเติมเต็มส่วนที่หายไป ตอนนี้เรื่องเล่าของมิวสมบูรณ์แล้ว มิวรู้จักความรักแล้ว
70- แต่เขาก็ร้องไห้ เพราะต้องยอมรับความสูญเสียด้วย จบแบบ Cliche ของหนังแนวเกย์ คือถ้าไม่ตายก็ต้องไม่สมหวังนั่นแหละ แต่เอนี่เวย์ ผมว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังเกย์หรอก มันเป็นหนังที่อธิบายความรักในแง่มุมต่างๆ ที่มีความสากลมากๆ เลยทีเดียว
...
...
Monday, March 03, 2008
Vassy & Berry Wedding Day
...
คลิปวิดีโอถ่ายทำจากงานแต่งงานของน้องบุ๊ย โบสถ์เซนต์นิโคลัส และโรงแรม The Zign พัทยา วันศุกร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ใส่เพลงประกอบ Canon in D เพลงคลาสสิคที่มักจะถูกนำมาใช้เล่นในงานแต่งงาน เวอร์ชั่นนี้เป็นเพลงจากหนังเกาหลี The Classic
...