ตอนที่ 1
...
ปกติแล้วผมชอบดูหนังผีโหดๆ แหวะๆ แต่ไม่ค่อยนำมาเขียนวิจารณ์ถึง เพราะหนังพวกนี้ส่วนใหญ่จะเอาไว้ดูเพื่อเอาความเพลิดเพลิน เสียมากกว่าจะดูเอาสาระ (ยกเว้นก็แค่เรื่อง Hostel ที่เคยนำมาเขียนวิจารณ์เป็นตุเป็นตะไปแล้วครั้งหนึ่ง) มาคราวนี้เจอหนังเรื่องนี้เข้าไป Frontiere (s) เป็นหนังโหดแหวะแบบถึงกึ๋น ถึงตับไตไส้พุงกันเลยทีเดียว โหดร้ายทารุณกว่า Hostel และโหดร้ายทารุณกว่าหนังฝรั่งเรื่องไหนๆ ที่เคยดู (หนังเอเชียเก่าๆ บางเรื่องโหดกว่านี้ก็มี แต่น้อยเรื่องนัก)
เนื้อเรื่องก็เป็นไปในแนว Texas Chainsaw Massacre นั่นแหละ คือประมาณพระเอกนางเอกและกลุ่มเพื่อน ขับรถออกไปในชนบทห่างไกล แล้วเลือกเลี้ยวไปทางผิด จนไปเจอบ้านและครอบครัวลึกลับกลางป่า ต่อมาก็โดนจับไปทรมานและฆ่าทีละคน หนังแนวเดียวกันนี้มีเยอะมาก เช่น Borderland, Wrong Turn, The Hills Have Eyes
แต่สิ่งที่ทำให้ Frontiere (s) น่าสนใจมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ในแนวเดียวกัน ก็ตรงที่มันมีความหมายแฝงอยู่มากมายภายในเรื่อง ใครยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ คงหมดสิทธิดูจากโรงหนังและแผ่นลิขสิทธิ์แน่นอน เพราะมันโหดจนโดนเซนเซอร์หมดทั้งโรงทั้งแผ่น ทางเดียวคือต้องไปหาซื้อแผ่นผีจากคลองถมหรือในเน็ตเอามาดูก็แล้วกัน
สำหรับคนที่ดูแล้ว ก็อ่านต่อไปได้เลย
1. ทารก
ภาพแรกของหนังคือภาพอัลตราซาวนด์ลูกในท้องของนางเอก ยาสมิน พร้อมกับเสียงบรรยายวอยซ์โอเวอร์ เธอพูดทำนองว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และทวีความโหดร้ายขึ้นทุกวัน น่าสงสารเด็กที่กำลังจะเกิดมา เธอก็เลยคิดจะทำแท้งดีกว่า ลูกจะได้ไม่ต้องมาทรมานบนโลก ฉากเปิดเรื่องนี้สามารถสื่อความหมายได้ 2 อย่าง
1.1 การมองโลกอนาคตแบบ Dystopia ของคนรุ่นยุคปัจจุบัน เมื่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ คนรุ่นเรากำลังกลัวว่าโลกอนาคตจะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ มีหนังหลายเรื่องที่แสดงภาพของโลก Dystopia เช่น Mad Max, Terminator, 1984
1.2 แนะนำตัวละครแบบ Helpless Character คือตัวละครที่อ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้ และกำลังตกอยู่ในอันตราย หนังสยองขวัญตามสูตรมักจะใช้ตัวละครแบบนี้เป็นตัวเอก เพื่อให้คนดูรู้สึกสงสารและเอาใจช่วย เช่นเด็กตาบอด ผู้หญิงท้อง
1.3 การตั้งคำถามปรัชญาเกี่ยวกับชีวิต ว่าชีวิตนี้เกิดมาทำไมถ้ารู้ว่าต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก สู้ทำแท้งหรือตายไปเสียไม่ดีกว่าหรือ? ซึ่งจริงๆ แล้ว คำถามแบบนี้สามารถตอบได้ด้วยคำสอนของศาสนาอยู่แล้ว แต่ในโลกที่เสื่อมทรามลงทุกวัน ผู้คนส่วนหนึ่งอาจจะสงสัย ใคร่รู้ และหนังเรื่องนี้กำลังจะให้คำตอบนี้ ในรูปแบบของความสยองขวัญถึงขีดสุด
2. อนาธิปไตย
เพื่อสนับสนุนความคิดของนางเอก หนังจึงนำเสนอภาพของสภาพแวดล้อมในสังคมปัจจุบัน ว่ากำลังเต็มไปด้วยการก่อจราจลวุ่นวาย โดยนำเสนอในรูปแบบของภาพคลิปข่าวทางทีวี มีคำบรรยายไว้แบบเป็นขาดเป็นห้วงๆ ผู้ชมจะรู้เพียงว่า ตามท้องเรื่องของหนังเรื่องนี้ การจราจลนี้เกิดขึ้นจากการเลือกตั้ง ที่ฝ่ายขวาจัดกำลังจะได้รับเลือกเข้ามาเป็นรัฐบาล ชนกลุ่มน้อยในประเทศจึงลุกฮือขึ้นก่อจราจล
หนังเรื่อง Frontiere (s) ออกฉายในช่วงปลายปี 2007 ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่เมื่อเห็นภาพการจราจลเหล่านี้แล้ว จะเข้าใจได้ในทันที ว่าผู้กำกับต้องการจะเชื่อมโยงหนังเรื่องนี้เข้ากับประเด็นเรื่องการก่อจราจลในฝรั่งเศส โดยกลุ่มวัยรุ่นชาวมุสลิม เมื่อปี 2005 (http://en.wikipedia.org/wiki/2005_civil_unrest_in_France) และ 2007 (http://en.wikipedia.org/wiki/2007_civil_unrest_in_France) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวฝรั่งเศสทั้งประเทศรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจในอนาคตของประเทศตนเอง
3. ชื่อเรื่องเติม s
Frontiere (s) หมายถึงอะไร และทำไมต้องเติมวงเล็บ s เข้าไปด้วย?
คำว่า Frontiere ถูกใช้ในหลายความหมาย
3.1 หมายถึงชายแดน สุดเขตแดนของประเทศ ซึ่งก็คือบริเวณที่เหล่าตัวเอกของเรื่องกำลังจะเดินทางไป บริเวณชายแดนคือบริเวณที่อยู่เกือบสิ้นสุดขอบเขตของประเทศ เป็นบริเวณที่กลไกของรัฐทำงานไปไม่ถึง ความเป็นเมือง ความศิวิไลซ์ ไม่เท่ากับศูนย์กลางของประเทศ หนังกำลังจะเผยให้เห็นว่า ที่สุดขอบเขตแดนของกลไกของรัญและความศิวิไลซ์นั้น มันอันตรายแค่ไหน
3.2 หมายถึงขอบเขตของความเป็นมนุษย์ เมื่อมนุษย์เป็นฝ่ายกระทำสิ่งเลวร้าย ลงมือทำร้ายผู้อื่น ฆ่าแกงกัน ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หนังกำลังจะเผยให้เห็นว่า ณ บริเวณขอบเขตของความเป็นมนุษย์นั้น มนุษย์สามารถกระทำสิ่งเลวร้ายได้ถึงขั้นไหน
3.2 หมายถึงขอบเขตของการมีชีวิตอยู่ เมื่อมนุษย์ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ ถูกข่มเหง ทารุณกรรม ณ บริเวณที่ขอบเขตของการมีชีวิตนั้น มนุษย์จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างไร และจะทำอย่างไร
ผมคิดว่า Frontiere (s) กำลังลงมือสำรวจขอบเขตของหลายๆ สิ่งๆ หลายๆ อย่าง อันได้แก่ขอบเขตของอำนาจรัฐของประเทศฝรั่งเศส ของกลุ่มพระเอกนางเอก และของครอบครัวฆาตกร
4. วัฒนธรรมวัยรุ่น
หลังจากฉากไตเติ้ลเรื่องที่เผยให้เห็นสภาพแวดล้อมและสถานการณ์โดยรวมแล้ว หนังก็เข้าสู่ช่วงของการแนะนำตัวละครเอกทีละคน พวกเขาทุกคนเป็นวัยรุ่นมุสลิมฝรั่งเศส
ก่อนอื่นต้องอธิบายปูมหลังก่อนเล็กน้อย ว่าชาวมุสลิมฝรั่งเศสถือเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อพยพจากประเทศอัลจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ อยู่ระหว่างทวีปยุโรปกับเอเชีย มาอยู่ในฝรั่งเศสตั้งแต่สมัยล่าอาณานิคม จนถึงปัจจุบัน พวกเขาถือเป็นชาวฝรั่งเศสแล้ว แต่ก็ยังมีสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมค่อนข้างแย่ ใช้ชีวิตอยู่ในสลัม ยากจน ไร้การศึกษา และมักจะถูกตำรวจกดขี่ข่มเหงเป็นประจำ เพราะถูกสร้างภาพเหมารวมว่าเป็นพวกอาชญากร สภาพคล้ายๆ กับคนผิวดำในอเมริกานั่นแหละ ภาพของมุสลิมฝรั่งเศสนี้ถูกนำเสนอในหนังหลายเรื่อง เช่นหนังบู๊เรื่อง B13 และหนังของ ไมเคิล เฮเนเก้ เรื่อง Hidden
การกดขี่ข่มเหงชาวมุสลิมในฝรั่งเศส เห็นชัดจากเหตุการณ์ที่ ซีเนดีน ซีดาน ทะเลาะกับ มาเตรัซซี่ ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างฝรั่งเศสกับอิตาลีนั่นแหละ ซีดานแสดงให้เห็นว่าชาวมุสลิมฝรั่งเศสมีความรู้สึกอ่อนไหวกับการเหยียดผิวและเชื้อชาติอย่างมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ปัญหาเรื่องเชื้อชาติและศาสนา เมื่อถูกผสมปนเปเข้ากับวัฒนธรรมวัยรุ่น ทำให้ปัญหาความรุนแรงในฝรั่งเศสทวีความรุนแรงมากขึ้น จากในเรื่อง เราจะได้เห็นว่ากลุ่มตัวละครเอก ประกอบด้วยพระเอก นางเอก พี่ชายนางเอก และเพื่อนอีก 2 คน พวกเขาฉวยโอกาสที่กำลังเกิดเหตุจราจลทั่วประเทศ ไปก่อคดีปล้นอะไรสักอย่างมา และตอนนี้ก็ถูกตำรวจไล่ล่า
สิ่งที่น่าสังเกตในฉากนี้คือ
4.1 เมื่อตำรวจไล่กวดมาจนเกือบจะจับได้แล้ว ตำรวจเล็งปืนมาและออกคำสั่งให้ยอมมอบตัว ตำรวจได้บังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน ตามระเบียบวิธี และถือเป็นผู้ดำเนินกลไกของรัฐ แต่พระเอกขัดขืน ลงมือทำร้ายตำรวจ แย่งปืนมาแล้วเล็งกลับไปที่ตำรวจ ถือเป็นการต่อต้านอำนาจของรัฐ ไม่ทำตามกฎหมาย และมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การเป็นอนาธิปไตย
4.2 พวกพระเอกเป็นมุสลิม แต่มีแฟชั่นเหมือนวัฒนธรรมวัยรุ่นทั่วโลก คือตัดผมสกินเฮด ใส่เสื้อมีฮู้ด ทำไฮไลท์สีผม แต่ละคนเหมือนถอดแบบออกมาจากนักร้องแนวพังค์หรือแนวแร็พ สะท้อนให้เห็นว่าสภาพอนาธิปไตยที่วัยรุ่นพวกนี้กำลังทำอยู่ จริงๆ แล้วเกิดจากปัญหาเรื่องศาสนาหรอก แต่เป็นเพราะวัฒนธรรมวัยรุ่นต่างหาก ทั้งเรื่องอาชญากรรม การใช้ความรุนแรง การก่อจราจล
5. เกิด-ตาย
ถึงแม้จะหนีตำรวจมาได้ แต่พี่ชายของนางเอกก็ถูกตำรวจยิงบาดเจ็บสาหัส คนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากรับผิดชอบผู้บาดเจ็บ อยากจะรีบหนีไป มีเพียงแค่นางเอกที่จะพาพี่ชายไปเข้าโรงพยาบาล
ในขณะที่นางเอกยืนยันว่าจะไปทำแท้งแน่นอน เธอกลับจะเสี่ยงชีวิตพาพี่ชายไปโรงพยาบาล ซึ่งแสดงให้เห็นความขัดแย้งระหว่างการเกิดและการตายอย่างชัดเจน
เมื่อพาพี่ชายมาถึงโรงพยาบาลได้สำเร็จ ด้วยลมหายใจสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ พี่ชายบอกให้นางเอกเก็บลูกเอาไว้ อย่าไปทำแท้ง นี่ก็แสดงให้เห็นความขัดแย้งนี้อีกเช่นกัน
ฉากนี้แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่มีต่อคุณค่าของชีวิต ในขณะที่ยังเป็นวัยรุ่น ก็ใช้ชีวิตไปอย่างประมาท มองไม่เห็นคุณค่าของชีวิต มองเห็นแค่ว่าชีวิตนี้สุขยากเหลือเกิน เป็นทุกข์ง่ายเหลือเกิน จึงพยายามหลีกเลี่ยงความทุกข์ ด้วยการหนีโลก และการทำแท้ง ในขณะที่อีกคนหนึ่ง ซึ่งกำลังใกล้ตาย กลับรู้สึกว่าชีวิตนี้มีคุณค่าอย่างมาก เขาเสียดาย ไม่อยากตาย และไม่อยากให้มีใครทำร้ายชีวิตใคร
ผมคิดว่าเมื่อชีวิตเดินทางมาถึงสุดขอบของการมีชีวิตอยู่ เมื่อนั้นจะทำให้มุมมองต่อชีวิตของคนเราเปลี่ยนแปลงไป
6. ทางเลือก
หลังจากนี้ไป หนังก็ดำเนินไปตามสูตรหนังโหดแหวะ คือตัวละครเอกกลุ่มหนึ่งเดินทางไกล ออกไปเจอทางแยก แล้วก็ตัดสินเลือกเลี้ยวไปผิดทาง
7. ประธานาธิบดี
รถของกลุ่มเพื่อนเดินทางมาถึงโรงแรมมหาโหดก่อน ก็เลยเข้าเช็คอิน
ฉากนี้พวกเขากำลังนอนดูทีวี มีข่าวเหตุการณ์จราจลกันภายในเมืองปารีสที่พวกเขาเพิ่งหนีออกมา และมีข่าวรายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรก ผลออกมาว่าผู้สมัครจากพรรคฝ่ายขวากำลังมีคะแนนนำ
ผู้กำกับต้องการจะสื่อถึง นิโคลา ซาร์โกซี ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของประเทศฝรั่งเศส ในปีที่หนังออกฉาย เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน โดยเอาชนะการเลือกตั้งมาจาก แซงเกอรีน ลอแยล ผู้สมัครที่เป็นผู้หญิงและมาจากพรรคฝ่ายซ้าย นักวิเคราะห์การเมืองบางคนมองว่าซาร์โกซีเป็นพวกขวาจัด และมีแนวโน้มที่จะใช้อำนาจมากขึ้น ประชาชนที่เป็นฝ่ายซ้าย โดยเฉพาะพวกชนกลุ่มน้อยในฝรั่งเศสจะต้องไม่พอใจผลการเลือกตั้งนี้แน่ๆ ทุกคนหวาดหวั่นว่าสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสจะเปราะบางมากขึ้น และอาจจะเกิดเหตุการณ์จราจลได้ทุกเมื่อ แล้วในที่สุดก็เกิดขึ้นจริงๆ ในปี 2007 หลังจากที่ซาร์โกซีได้รับเลือกตั้งมาไม่นาน วัยรุ่นมุสลิมก่อจราจลอีกครั้ง จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตระดับโลก
8. ตำรวจ
ฆาตกรโหดเริ่มลงมือแล้ว โดยบุกเข้ามาในห้องของเพื่อนพระเอก ฆาตกรคนนี้ใส่ชุดตำรวจ หนังต้องการจะสื่อถึงการใช้อำนาจตามอำเภอใจ และใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุของตำรวจฝรั่งเศส ที่มักจะลงมือกระทำกับชนกลุ่มน้อยในประเทศ
จุดเริ่มต้นของการจราจลในประเทศฝรั่งเศสโดยกลุ่มวัยรุ่นมุสลิม ทั้ง 2 ครั้ง คือปี 2005 และ 2007 ก็เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่แบบไม่เป็นธรรมของตำรวจ โดยลงมือฆ่าวัยรุ่นต้องสงสัยในคดีต่างๆ ตายไป 2 คน ข่าวการตายก็แพร่สะพัดออกไป ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจ และก็เลยลุกฮือกันขึ้นมาเผาบ้านเผาเมือง
...
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนต่อไปนี้มีแต่ภาพโหดๆ แหวะๆ สะใจคอหนังซาดิสม์แน่นอน
1 comment:
ึคงต้องหาเร่ืองนี้มาดูแระ ขอบคุณค่าา..
Post a Comment