Thursday, May 14, 2009

ดูหนังเป็นตุเป็นตะ - Frontiere (s) 2

 

ตอนที่ 2


...


 


9. ทารก (2)


 ตามสูตรหนังโหดแหวะ เมื่อฆาตกรโหดเริ่มลงมือ พวกเหยื่อก็วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง (ช่วงนี้เหมือนหนังปอบไทยเลยแฮะ)  แต่ฉากการพยายามหนีเพื่อเอาชีวิตรอดของตัวละครแต่ละคน ในหนัง Frontiere (s) มีความน่าสนใจ ตรงที่มันมีลักษณะเหมือนเด็กทารกในมดลูก กำลังพยายามดิ้นรนออกมาจากช่องคลอดของแม่ เหมือนกับภาพในฉากเปิดเรื่องในข้อ 1
 แสดงให้เห็นว่าเมื่อชีวิตเข้าสู่ช่วงเวลาวิกฤตความเป็นความตายที่สุด ตัวละครทุกตัวเหมือนกับย้อนกลับไปเป็นทารกในครรภ์ คือหมดทางช่วยตัวเอง ไร้ความสามารถ อ่อนแอ และรอเพียงความเมตตาปราณีจากแม่ ว่าจะรักษาไว้ชีวิตเขาหรือเปล่า


 9.1 คนนี้กำลังมุดอยู่ในอุโมงค์แคบๆ เมื่อกล้องถอยห่างออกมา เผยให้เห็นอุโมงค์เป็นรูปวงกลมๆ รีๆ เหมือนมดลูก โดยตัวละครกำลังคดตัวเหมือนทารกนอนอยู่ในมดลูก



 9.2 คนนี้หนีเข้าไปแอบอยู่ในห้องอบไอน้ำ กรอบหน้าต่างเป็นวงกลมอีกเช่นกัน ฆาตกรรีบวิ่งเข้ามาล็อคประตู แล้วเปิดวาล์วไอน้ำ



 9.3 นางเอกพยายามหนีออกจากกรงหมู ด้วยการขุดพื้นดินลื่นๆ เละๆ เลอะเทอะเปรอะเปื้อน เหมือนกับกำลังจมอยู่ในน้ำเมือกหรือน้ำคร่ำในครรภ์




10. นาซี


 ตัวพ่อของครอบครัวมหาโหดเปิดตัวออกมา พร้อมกับภาพถ่ายอดอร์ฟ ฮิตเลอร์ ที่แขวนอยู่บนฝาผนังบ้าน
 หนังเรื่องนี้วางให้ครอบครัวมหาโหดเป็นพวกนาซีหลงยุค โดยอธิบายว่าตัวพ่อเป็นนายทหารนาซีที่หนีมาได้ และแอบมาอาศัยอยู่แถวชายแดนประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติใหม่ๆ โดยตัวพ่อสร้างครอบครัวและเตรียมจะฟื้นฟูลัทธินาซี คือการรักษาเผ่าพันธุ์ที่บริสุทธิ์และเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่น ถือเป็นความชาญฉลาดและแยบยลของผู้กำกับเรื่องนี้ ที่นำลัทธินาซีมาใช้ในเนื้อเรื่อง เพราะลัทธินาซีสามารถใช้สื่อความหมายได้ดังต่อไปนี้
 10.1 ลักษณะเผด็จการฟาสซิสต์ เป็นคู่ตรงข้ามกับอนาธิปไตย
 10.2 ความคิดเรื่องเผ่าพันธุ์อารยันที่บริสุทธิ์ เป็นคู่ตรงข้ามกับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในฝรั่งเศส
 10.3 พวกซ้ายจัดในฝรั่งเศสชอบกล่าวหารัฐบาลของซาร์โกซี ว่าขวาจัดและเหมือนเป็นพวกนาซีใหม่
 ตัวพ่อนาซี จึงเปรียบเป็น นิโคลา ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
 ครอบครัวนาซีมหาโหด จึงเปรียบเป็นรัฐบาลฝรั่งเศสและตำรวจ
 ภาพความทารุณโหดร้ายที่เห็นในหนัง จึงเปรียบเป็นสภาพการกดขี่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมในฝรั่งเศส
 ตัวละครพระเอกนางเอกและเพื่อนๆ จึงเปรียบเป็นเหมือนชาวยิวที่กำลังถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มีอยู่ฉากหนึ่ง ซึ่งเป็นฉากบนโต๊ะอาหารเย็น ฆาตกรโหดยื่นจานอาหารให้เพื่อนพระเอก เพื่อนพระเอกถามว่าเป็นเนื้อหมูรึเปล่า ฆาตกรก็ถามกลับว่าแกเป็นยิวเหรอ เพื่อนพระเอกบอกว่าเปล่า เราเป็นมุสลิม
 การพยายามหนีและต่อสู้ของพวกพระเอก จึงเปรียบเหมือนการก่อจราจลและการสร้างอนาธิปไตยในฝรั่งเศส





11. การทำแท้ง


 อย่างไรก็ตาม พวกพระเอกสู้ไม่ได้หรอก ถึงแม้จะสู้แบบสุดชีวิตแล้ว แต่พวกเขาถูกฆ่าตายอย่างทารุณโหดเหี้ยมทีละคน โดยฉากการตายนั้น ถูกนำเสนออย่างจงใจ ให้มีลักษณะเหมือนการคลอดและการทำแท้ง


 11.1 คนนี้พยายามมุดอุโมงค์แคบๆ เมื่อโผล่หัวออกมาจากปลายอุโมงค์ได้ นึกว่าจะรอดแล้ว แต่ก็ถูกฆ้อนทุบหัวโดยไม่รู้ตัว




 11.2 คนนี้ดิ้นรนอยู่ในห้องอบไอน้ำ เอามือทุบกระจกจนเหวอะหวะไปหมด เมื่อหลุดออกมาจากห้องอบไอน้ำได้ ในสภาพพุพองทั้งตัว แล้วก็โดยปืนลูกซองยิงหัว




 11.3 คนนี้พระเอก (จริงๆ ก็ไม่ใช่พระเอกอะไรหรอก แค่เขาเป็นแฟนกับนางเอกเท่านั้นเอง) เขาออกแรงดึงโซ่ล่ามคอของนางเอกจนขาดได้ และสั่งให้นางเอกวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด และเขาเองก็พยายามดึงโซ่ล่ามคอของเขาสุดแรงเกิด แต่ก็ไม่เป็นผล ฉากการตายของเขา ถูกทำให้เหมือนกับฉากที่เขาต่อสู้กับตำรวจในตอนต้นเรื่อง แต่ตอนนี้มันสลับข้างกัน เขาถูกปืนจ่อและยิงกลางหัว




 ฉากนี้แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวต่อความตาย และการดิ้นเราเอาชีวิตรอดอย่างถึงที่สุด มีเพียงนางเอกคนเดียว ที่ดูเหมือนจะเบลอๆ เอ๋อๆ ตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เหมือนคนไม่ต่อสู้ชีวิต ซึ่งก็สอดคล้องกับความคิดของเธอที่กำลังจะไปทำแท้ง เพราะกลัวลูกเกิดมาจะลำบาก



12. การเกิด


 คนที่ยังรอดชีวิตอยู่ตอนนี้เหลือเพียงแค่นางเอกคนเดียว ถูกจับตัวไปแขวนแล้วเอาน้ำฉีดเพื่อทำความสะอาด แล้วนำตัวไปกักขังไว้
 ฉากนี้คล้ายกับเด็กทารกแรกเกิด ที่หมอทำคลอดจะนำมาแขวนแล้วตีก้นให้ร้องไห้ แล้วก็เอาน้ำและผ้ามาทำความสะอาดเนื้อตัว หลังจากนั้นก็นำไปเข้าตู้อบเพื่อประคบประหงม
 ครอบครัวโหดปล่อยให้นางเอกรอดได้เพียงคนเดียว นางเอกได้รับชีวิตใหม่ เหมือนได้เกิดใหม่ จุดประสงค์ก็เพื่อใช้เป็นแม่พันธุ์ให้กับครอบครัวนี้ต่อไป




13. Conciousness Raising


 ฉากการเรียนรู้ของตัวละคร ที่ทำออกมาแบบค่อนข้างจะ Cliche คือเมื่อตัวละครหญิงจะเรียนรู้อะไร เธอจะต้องโดนตัดผมให้สั้นเกรียน ฉากแบบนี้เห็นได้บ่อยๆ ในหนังที่มีตัวเอกเป็นเพศหญิง และต้องผ่านความยากลำบากแสนเข็ญ จนกระทั่งได้เรียนรู้ประเด็นหลักของหนัง ผมนึกไปถึงฉากคล้ายๆ กันนี้ใน V for Vendetta
 นางเอกได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของชีวิต ผ่านตัวละครสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวมหาโหด ที่เธอถูกจับมาตั้งแต่วัยเด็ก และถูกใช้เป็นแม่พันธุ์ให้กับครอบครัวนี้ เธอหนีไปไหนไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย ลูกๆ ของเธอที่เกิดมาก็พิกลพิการ แต่เธอก็ไม่ทำแท้ง และไม่ทอดทิ้งลูกทุกคน นางเอกได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าจะลำบากอย่างไร ก็ต้องเอาชีวิตให้รอดต่อไปให้ได้ และไม่ว่าโลกจะเลวร้ายอย่างไร เด็กในท้องก็มีสิทธิ์ที่จะได้เกิดมา
 ฉากนี้ทำให้ผมนึกถึงคำพระ ของหลวงพี่ ว.วชิรเมธี ท่านสอนว่าการได้เกิดเป็นคนนั้นยากแสนยาก เปรียบเหมือนเป็นเต่าน้อยล่องลอยอยู่กลางมหาสมุทร ที่ทั้งกว้างใหญ่และทั้งลึกเกินหยั่ง บนผิวน้ำมีห่วงยางเพียงอันเดียวลอยอยู่ ลองนึกดูว่าเต่าน้อยตัวนี้จะลอยต้องขึ้นมาแล้วโผล่หัวมาตรงกับห่วงยางนี้พอดี โอกาสมันน้อยแค่ไหน นั่นแหละ โอกาสที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาสได้มีชีวิต ได้เรียนรู้ ได้ศึกษาศาสนา ปรัชญา มีโอกาสปฏิบัติธรรม รักษาศีล ภาวนา และมีโอกาสเข้าถึงพระนิพพาน แต่คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตไปแบบไม่เห็นคุณค่าของชีวิต เพราะไม่ทันนึกว่ากว่าจะได้เกิดมานั้นยากเย็นแค่ไหน เลยคิดอะไรสั้นๆ
 คือไม่อยากนำมาเปรียบเทียบกันเลย แต่หนังโหดแหวะเรื่องนี้ ก็สอนธรรมะได้เหมือนหลวงพี่จริงๆ นะ





 


14. ช่วงเอาคืน


 หลังจากนี้ไปก็เป็นช่วงจบของหนัง เมื่อนางเอกพยายามหนีและเอาคืนบ้าง แต่ละฉากนั้นสุดโหด สุดแหวะ ดูแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้เลยอ่ะ ครั่นเนื้อครั่นตัว จะอ้วกอ่ะ คร็อปภาพมาให้ดูแค่นี้ละกัน







15. การเกิดอีกครั้ง


 หลังจากกำจัดครอบครัวมหาโหดนี้ไปได้หมดแล้ว ฝนก็ตกลงมาพอดี นางเอกอ้าแขนรับน้ำฝน ร่างกายชุ่มฉ่ำ คราบเลือด คราบดิน ถูกชะล้างออกไป เหมือนเด็กทารกแรกเกิดในข้อ 12 อีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเกิดใหม่ในโลกที่ไม่มีไอ้พวกครอบครัวนาซีนั่นอีกแล้ว การเกิดคราวนี้จะปลอดโปร่ง ปลอดภัย และมองเห็นอนาคตของโลกที่ดีขึ้น สวยงามขึ้น มีความหวังมากขึ้น จากเดิมเธอคิดแบบ Dystopia ตอนนี้เป็นโลก Utopia แล้ว





16. คุณค่าของชีวิต


 นางเอกเข้าใจถึงคุณค่าของชีวิตแล้ว เข้าใจความรู้สึกอยากมีชีวิตรอดของลูกในท้องตัวเอง และเธอก็ไม่คิดที่จะทำแท้งอีกต่อไป




17. มอบตัว


 ฉากจบนี้น่าสนใจมาก นางเอกขับรถหนีออกมา แล้วเจอด่านตรวจของตำรวจฝรั่งเศส
 จากฉากต้นเรื่องที่เต็มไปด้วยภาพการจราจล เรื่อยมาจนภาพความทารุณโหดร้ายที่นำเสนอตลอดทั้งเรื่อง มาถึงตอนจบของเรื่อง กลายเป็นบรรยากาศของความสงบนิ่ง
 จากต้นเรื่องถึงท้ายเรื่อง มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวละครนางเอกอย่างมาก จากวัยรุ่นมุสลิมฝรั่งเศส ที่ฝักใฝ่อนาธิปไตย ก่อจราจล ปล้นฆ่า ก่ออาชญากรรม และวางแผนว่าจะไปทำแท้ง มาถึงตอนนี้เธอไม่คิดจะทำแท้ง และยอมมอบตัวให้ตำรวจจับแต่โดยดี
 หลายคนดูหนังเรื่องนี้ แล้วเข้าใจว่าผู้กำกับ Xavier Gens ต้องการจะด่ารัฐบาลฝรั่งเศสและซาร์โกซี แต่จริงๆ แล้ว ผมคิดว่าผู้กำกับเขาต้องการจะด่าทุกฝ่ายในฝรั่งเศสตอนนี้ เขาเปรียบรัฐบาลว่าเป็นนาซี ในขณะเดียวกัน เขาก็ประนามการก่อจราจลของกลุ่มวัยรุ่นมุสลิม
 โดยเขาได้นำพาผู้ชมให้ไปถึงสุดขอบ (หรือ Frontiere) ของความรุนแรง โหดร้าย ความเป็นความตาย โดยผ่านสายตาของนางเอก เพื่อจะบอกให้รู้ว่าความเลวร้ายของมนุษย์นั้นน่ากลัวแค่ไหน และมันมีอยู่จริง ทั้งนาซี ฮิตเลอร์ การกินคน ฯลฯ เพียงแต่ว่าโลกของเราทุกวันนี้ มันไม่ได้เป็นไปถึงขนาดนั้น แล้วพวกคุณจะก่อจราจลกันไปทำไม จะไปทำแท้งทำไม
 ดังนั้นก็ขอให้ทุกฝ่ายที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ในเวลานี้ ให้หยุดความรุนแรง และหยุดทำร้ายประเทศไทย (เอ๊ะ! ยังไง ... เอ๊ย! ไม่ใช่) 





...


 



 


...


 


 

No comments: