Friday, March 13, 2009

ดูหนังเป็นตุเป็นตะ - Unbreakable ตอนที่ 2

...


12. รายละเอียดทฤษฎี Unbreakable
เดวิดพาลูกชายเดินทางมาหาอีไลจาห์ที่แกลลอรี่การ์ตูน ชยามาลานคงต้องการให้ฉากนี้มีความพิเศษ เพราะเป็นฉากที่เดวิดได้เผชิญหน้ากันกับอีไลจาห์เป็นครั้งแรก เขาจึงเจาะจงถ่ายภาพฉากนี้ด้วยมุมมองผ่านกระจกหน้าร้าน โชว์เทคนิคพิเศษนิดหน่อยด้วยการลบภาพตากล้องออกไปจากเงาสะท้อนในกระจก
เมื่อทั้งสองมาเผชิญหน้ากัน อีไลจาห์ก็อธิบายทฤษฎีของเขาอย่างละเอียดให้เดวิดฟัง เขาบอกว่าหลังจากศึกษาการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่มานาน ทำให้เขาเชื่อว่าการ์ตูนทุกเรื่องมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ และถ่ายทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง เหมือนเป็นตัวอักษรอียิปต์โบราณ โดยเขาเชื่อว่าโลกนี้มี 2 สิ่งที่อยู่เป็นคู่ตรงข้ามกันเสมอ เหมือนกับในการ์ตูน ที่มีพระเอกเป็นซูเปอร์ฮีโร่มีความสามารถพิเศษ และมีผู้ร้ายที่ร้ายกาจและมีความสามารถทัดเทียมกัน แต่ในลักษณะตรงกันข้าม
เขานำทฤษฎีนี้มาอธิบายความเจ็บป่วยตั้งแต่กำเนิดของตัวเอง โดยยกระดับขึ้นไปสู่เรื่องศาสนาและพระเจ้า เขาเชื่อว่าในขณะที่พระเจ้าสร้างคนที่เปราะแตกง่าย หรือ Breakable อย่างเขาขึ้นมา พระเจ้าย่อมต้องสร้างคนที่ไม่เปราะแตก หรือ Unbreakable ขึ้นมาด้วย เพื่อเป็นคู่ตรงข้ามกัน และหลังจากที่เขาอ่านข่าวอุบัติเหตุรถไฟขบวนที่ 177 ที่มีพระเอกเป็นผู้รอดตายเพียงคนเดียว ทำให้เขาเชื่อว่าพระเอกคือ Unbreakable คนนั้น

วิธีคิดแบบนี้เป็นวิธีนิรนัย กล่าวคือ
โลกนี้มี 2 สิ่งที่อยู่เป็นคู่ตรงข้ามกันเสมอ (ความรู้เดิม)
มีคนหนึ่งที่ Breakable (เหตุการณ์ย่อย)
มีอีกคนหนึ่งที่ Unbreakable (คำตอบที่ได้)

อีไลจาห์พยายามพิสูจน์ทฤษฎีของตนเอง ด้วยการซักถามประวัติของเดวิด
อีไลจาห์ : คุณมั่นใจแค่ไหนว่าคุณไม่เคยเจ็บป่วยเลย
เดวิด : ประมาณ 75%
อีไลจาห์ : นี่คือช่องโหว่อย่างแรก ... คุณเคยได้รับบาดเจ็บบ้างไหม
เดวิด : ผมเคยบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
อีไลจาห์ : นี่คือช่องโหว่อย่างที่สอง ...

จากบทสนทนาในตอนนี้ ทำให้เห็นว่าอีไลจาห์มีความคิดแบบนิรนัย คืออ้างพระเจ้าและอ้างทฤษฎีจากการ์ตูนว่าเป็นความจริงสมบูรณ์ แล้วจึงพยายามหาใครสักคนที่เป็นไปตามความคิดของตนเองมาพิสูจน์ยืนยัน การยังไม่พบใครคนนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าทฤษฎีนี้ผิด


13. การหยั่งรู้ของเดวิด
การแสวงหาความรู้นั้นมีหลายวิธี การใช้เหตุผลอนุมานแบบนิรนัยและอุปนัย อย่างที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นนั่นก็เป็นวิธีหนึ่ง ยังมีการแสวงหาความรู้อีกวิธี เรียกว่าการหยั่งรู้ หรือ Intuition ซึ่งเป็นวิธีที่เดวิดใช้ในการทำงานของเขา คือการเป็นรปภ.ประจำสนามกีฬา
การหยั่งรู้คือการรู้ที่ผุดขึ้นมาจากภายในตนเอง โดยไม่ต้องใช้การคิดใคร่ครวญด้วยเหตุผล ไม่ต้องใช้การสังเกตปรากฏการณ์ ไม่ต้องใช้การทดลองวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องใช้สถิติ และไม่ต้องใช้กรอบทฤษฎีอะไรอื่น การหยั่งรู้จึงถือเป็นเรื่องลึกลับ ถือเป็นความสามารถพิเศษ และยังไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจนว่าจะทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ยังมีการถกเถียงกันอยู่กว้างขวาง ว่าการแสวงหาความรู้แบบการหยั่งรู้นั้นมีอยู่จริงหรือเปล่า บางคนก็บอกว่าต้องนั่งสมาธิ บางคนก็บอกว่าต้องฝึกพลังจิตใต้สำนึก บางคนก็บอกว่ามันอยู่ในระดับสัญชาตญาณ ฯลฯ ในหนัง Unbreakable และในความเห็นของอีไลจาห์ การหยั่งรู้ของเดวิดถือเป็นพลังพิเศษของซูเปอร์ฮีโร่ และตรงตามทฤษฏี Unbreakable ของเขา โดยเขาใช้คำเรียกพลังนี้ว่า "สัญชาตญาณ"
ในฉากนี้ อีไลจาห์มาหาเดวิดที่สนามกีฬาขณะที่กำลังทำงานอยู่ เดวิดบังเอิญเดินผ่านชายต้องสงสัยคนหนึ่ง เขาก็เกิดการหยั่งรู้ว่าชายคนนี้จะต้องพกปืนสั้นกระบอกสีเงินด้ามจับสีดำ เขาเล่าการหยั่งรู้นี้ให้อีไลจาห์ฟัง แล้วก็มายืนจังก้าอยู่ตรงปากทางเข้าสนาม เตรียมตรวจค้นร่างกาย เพื่อขู่ไม่ให้ชายคนนี้เข้าสู่สนามได้
แล้วชายต้องสงสัยก็รีบเดินหนีออกจากแถวไป ปล่อยให้อีไลจาห์ยังคงค้างคาใจอยู่ว่าเขาพกปืนอยู่จริงหรือเปล่า และเดวิดมีพลังพิเศษจริงหรือเปล่า


14. การพิสูจน์ทฤษฎี Unbreakable ครั้งที่ 1
ฉากเขย่าขวัญฉากแรกของหนัง Unbreakable คือฉากนี้ครับ หลังจากเวลาผ่านไปเกือบจะครึ่งเรื่องแล้ว
อีไลจาห์อยากรู้ใจจะขาด ว่าชายต้องสงสัยคนนี้พกปืนจริงหรือเปล่า เขาต้องการพิสูจน์ทฤษฎี Unbreakable ว่าถูกต้องแน่นอน เขาเลยรีบเดินกระเผลกๆ สะกดรอยตามไปเรื่อยๆ แล้วก็ตกบันได (แค่นี้เอง ... ตกบันได ... แค่นี้ก็ทำให้เขย่าขวัญได้แล้ว สำหรับหนังชยามาลาน)
โปรดสังเกตว่าความเขย่าขวัญของหนังเรื่องนี้ จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเกิดขึ้นในฉากที่มีการพิสูจน์ทฤษฏี Unbreakable ซึ่งจะมีอีกหลายฉากเลยในลำดับต่อไป


15. อีไลจาห์กลับหัว
ชายต้องสงสัยพกปืนจริงๆ เป็นปืนสั้นกระบอกสีเงินด้ามจับสีดำ ตามที่พระเอกหยั่งรู้เป๊ะๆ โปรดสังเกตว่าอีไลจาห์ตกบันไดปางตาย แต่ยังอุตส่าห์เบิ่งตามองขอบเอวกางเกงของชายต้องสงสัยอย่างไม่ละสายตา


16. การพิสูจน์ทฤษฎี Unbreakable ครั้งที่ 2
ฉากเขย่าขวัญฉากที่ 2 ของหนัง Unbreakable เกิดขึ้นในการพิสูจน์ทฤษฎี Unbreakable ครั้งที่ 2
นี่คือฉากการยกน้ำหนัก แค่ยกน้ำหนักก็เขย่าขวัญได้แล้วครับ!
ลูกชายของเดวิดต้องการให้พ่อเป็นไอดอลของตนเอง ตามประสาลูกชายกับพ่อ เมื่อเขาได้ยินอีไลจาห์เล่าถึงทฤษฎีจากการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ เขาก็ต้องการจะเชื่อว่าพ่อตนเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ด้วย จึงพยายามขอให้พ่อยกน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การใช้เสียงดนตรีและเทคนิคการตัดต่อภาพ ทำให้คนดูลุ้นตัวโก่งตอนที่เดวิดยกน้ำหนักแต่ละครั้ง กลัวว่าน้ำหนักจะหล่นทับหน้าอกเขาตาย


17. จุดอ่อนของซูเปอร์ฮีโร่
ลักษณะร่วมของซูเปอร์ฮีโร่ที่มักจะมีเหมือนๆ กันในหนังสือการ์ตูน ก็คือนอกจากจะมีความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์ทั่วไปแล้ว ซูเปอร์ฮีโร่มักจะมีจุดอ่อนประจำตัว อย่างเช่นซูเปอร์แมนแพ้แร่คริปโตไนท์
เดวิด ดันน์ ใน Unbreakable ก็มีจุดอ่อน โดยถูกเปิดเผยในฉากนี้ คือบางครั้งสัญชาตญาณของเขาก็ผิดเพี้ยนไป และเขาแพ้น้ำ (ชยามาลานมาเป็น Cameo ในฉากนี้ด้วย)


18. การพิสูจน์ทฤษฎี Unbreakable ครั้งที่ 3
ฉากเขย่าขวัญฉากที่ 3 ของหนัง Unbreakable เกิดขึ้นในการพิสูจน์ทฤษฎี Unbreakable ครั้งที่ 3
ลูกชายของเดวิดเชื่อตามทฤษฎีของอีไลจาห์อย่างมาก เขาต้องการพิสูจน์ให้ได้ว่าพ่อของตนเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ถึงขนาดคว้าปืนมาทดลองยิงใส่พ่อ เห็นได้ชัดเจน ว่ายิ่งต้องการพิสูจน์ทฤษฎีมากขึ้นเท่าไร วิธีการพิสูจน์ก็จะเขย่าขวัญยิ่งขึ้นไปเท่านั้น


19. คู่ตรงข้ามที่เป็นเงาสะท้อนของกันและกัน
เดวิดและอีไลจาห์เผชิญหน้ากันราวกับเป็นเงาสะท้อนของกันและกัน โดยมีกรอบภาพการ์ตูนคั่นอยู่ตรงกลาง เปรียบเหมือนเป็นกระจกที่ส่องให้ทั้งสองมองเห็นกัน โปรดสังเกตภาพการ์ตูนในกรอบภาพนั้น พระเอกกำลังถูกเงาอุ้งมือของตัวร้ายเข้าครอบงำ
ส่วนลูกชายของเดวิดหมกมุ่นและจมปลักอยู่กับทฤษฎีของอีไลจาห์ เขามองโลกว่าเป็นไปตามการ์ตูน ว่าต้องมีพระเอกและผู้ร้าย

...

โปรดติดตามตอนจบ พรุ่งนี้ครับ

No comments: