Tuesday, October 27, 2009

We don't stop to help, we stop to look.

 



 


 วันที่ 26 ตุลาคม 2552 เวลาประมาณ 15.00 น. เกิดเหตุเด็กนักศึกษาช่างกล ถูกอริยิงถล่มตรงฟุตบาธบริเวณหน้าออฟฟิศ ผมจึงเดินออกไปดูสถานที่เกิดเหตุ ได้เห็นตำรวจหลายนายกำลังทำงานกันอยู่วุ่นวาย และมีไทยมุงจำนวนมากกำลังยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่


 ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ จุดเกิดเหตุจนถึงเขตเส้นกั้น แล้วยกโทรศัพท์มือถือที่มีกล้อง 3 ล้านพิกเซลขึ้นมา เล็งไปที่กองเลือดแดงฉานบนฟุตบาธ


 คิดว่าเดี๋ยวจะส่งไฟล์ภาพนี้เป็น Mobile Upload เข้าไปใส่ไว้ในเฟซบุค เพื่อแชร์ให้เพื่อนๆ คนอื่นได้ดูกัน


 "There's always an audience for horror; believable horror." ตัวละครในหนังเรื่อง Diary of the Dead กล่าว มันคือหนังซอมบี้ภาคใหม่ของ จอร์จ เอ. โรเมโร


 ในยุคสมัยที่เราทุกคนมีกล้องอยู่ในมือ ไม่ว่าจะกล้องดิจิตอล กล้องวิดีโอ กล้องมือถือ ฯลฯ


 ในยุคสมัยที่เราสามารถแชร์ภาพและคลิปวิดีโอให้กันและกันได้ง่ายๆ ผ่านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตยุค Web 2.0 ซึ่งมีเว็บโซเชียลเน็ตเวิร์คชนิดต่างๆ ให้เลือกใช้มากมาย ยูทูป ฟลิคเกอร์ บล็อก พิคาซ่า เว็บบอร์ด มัลติพลาย เฟซบุค ฯลฯ


 ในยุคสมัยที่เรามีรายการข่าวทีวีให้ดูวนซ้ำกันทั้งวัน แถมยังนำคลิปภาพข่าวมารีรันให้ดูได้อย่างไม่จำกัดเวล่ำเวลาในอินเทอร์เน็ต


 ในยุคสมัยที่เราทุกคนร่ำร้องถึง Freedom of Speech จนทำให้มีข้อมูลข่าวสารผุดขึ้นมาจากทุกทิศทุกทาง โดยฝีมือของพวกเราเองทุกคน แล้วในที่สุด มันก็ไหลบ่าย้อนกลับมาท่วมหัวท่วมหูเราทุกคนเช่นกัน


 ผมสงสัยว่าเมื่อกล้องนับแสนนับล้านตัว กำลังนำภาพจริงจากเหตุการณ์จริงจำนวนมหาศาล ส่งมาโอบล้อมตัวเราทุกคนเอาไว้ ภาพเหล่านั้นจะเป็นภาพของอะไรบ้าง? และภาพเหล่านั้นจะผลักดันให้สังคมของเราดำเนินไปในทิศทางใด?


 ถ้าเป็นเรื่องสยดสยองล่ะก็ มันจะมีคนดูอยู่เสมอนั่นล่ะ! ...


 ... มันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร และมันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป


 ในรายการข่าวกีฬา ช่วงภาพกีฬามันส์ๆ มักจะนำภาพการแข่งขันกีฬาในวินาทีสำคัญ มารีเพลย์ให้ดูซ้ำๆ กันเป็นประจำ โดยพื้นฐานแล้วมันคือภาพวินาทีแห่งความฉิบหายของนักกีฬาสักคน


 นักมวยโดนอัพเปอร์คัทเสยคางจนหลับกลางอากาศ นักขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวางแล้วพลาดจนโดนม้าทั้งตัวล้มทับ กองหลังดวงตกที่เผอิญทำลูกฟุตบอลเข้าประตูตัวเอง นักเทนนิสเล่นพลาดแล้วเขวี้ยงแร็กเก็ทลงพื้นด้วยความโกรธ รถแข่งฟอร์มูล่าวันชนกันวินาศสันตะโร สปีดโบ้ตเหิรลอยขึ้นฟ้าตกลงมากระแทกผืนน้ำที่แข็งราวกระจก สนามกีฬาในประเทศด้อยพัฒนาพังถล่มทับผู้ชมนับพันคน ฯลฯ


 ภาพกีฬามันส์ๆ ที่ผมจำได้ติดตามาตั้งแต่วัยเด็ก คือภาพการแข่งขันสกีกระโดดไกล นักสกีคนหนึ่งเสียหลักหกล้มและสไลด์ลงมาตามทางลาดชันด้วยความเร็วสูง อีกเสี้ยววินาทีต่อมา รองเท้าสกีของเขาเองที่หลุดออกจากเท้าตั้งแต่ตรงจุดปล่อยตัว ก็ลอยหล่นลงมาทิ่มกลางกระดูกสันหลังของเขาพอดี ภาพข่าวนี้ถูกรีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมดนตรีประกอบเร้าใจ


 ตลอดเวลาที่ผ่านมา รายการข่าวทีวีคือการนำเสนอภาพความรุนแรงในสังคม ไม่ใช่แค่ข่าวกีฬาหรอก ข่าวอาชญากรรม สงคราม การเมือง เศรษฐกิจ ทุกอย่างล้วนแฝงไว้ด้วยความรุนแรง เพราะในส่วนลึกของจิตใจเรา ความรุนแรงคือความสนุก เราปรารถนาที่จะได้สุขสมทุกวันทุกคืนด้วยการดูภาพข่าวอันน่าสยดสยอง


 กล้องเป็นสิ่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างผู้ถ่ายกับผู้ถูกถ่าย เมื่อมีกล้องมากขึ้น นั่นหมายความว่า ผู้ถ่ายและผู้ถูกถ่ายจะต้องเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเงาตามตัว และเมื่อมาถึงวันที่เราทุกคนมีกล้องอยู่ในมือ เราก็ปรารถนาที่จะแชร์ภาพที่เราต่างชื่นชอบ ให้แก่กันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ


 รายการจำพวก The World's Funniest Home Videos คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เมื่อกล้องมีมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เราแชร์กันคือภาพอุบัติเหตุ เหตุการณ์ประหลาด เรื่องหน้าแตกของชาวบ้าน ที่บังเอิญถูกบันทึกได้โดยตากล้องสมัครเล่น


 เช่น เจ้าบ่าวสะดุดล้มแล้วคว้าตัวเจ้าสาวตกสระน้ำไปด้วยกัน เด็กทารกเล่นกระดานลื่นแล้วตกลงมาหัวทิ่มพื้นร้องไห้โฮ หรือแม้กระทั่งลูกหมาโง่ๆ ที่โดนคนแกล้งเอาอะไรไปผูกหาง ทำให้มันวิ่งวนเพื่อกัดหางตัวเอง


 วิวัฒนาการขั้นต่อมาของคนกับกล้อง คือกล้องจะค่อยๆ จูงให้เราเดินเข้าไปสู่สถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่ถ้าจุดไม่มีความรุนแรงใดๆ ไม่มีอุบัติเหตุ ไม่มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้น ให้เราถ่ายทำ เราก็จะพยายามจัดสร้างสถานการณ์ความรุนแรงขึ้นมาด้วยน้ำมือของเราเอง


 รายการจำพวก Candid Camera หรือถึงคิวข้าฯ ดาราจำเป็น หรือสาระแนโชว์ คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน โดยพื้นฐานแล้วมันก็คือการกลั่นแกล้งกัน การ Bullying แล้วใช้กล้องวิดีโอแอบถ่ายภาพอันน่าอับอายนั้นเอาไว้ แล้วนำมาภาพวิดีโอนั้นมาฉายซ้ำอีกครั้งเพื่อประจานในรายการ ความรุนแรงที่ถูกจัดกระทำขึ้นอย่างจงใจเพื่อการถ่ายทำ จะกลบเกลื่อนด้วยความตลกขบขัน โดยอ้างว่ามันเป็นเรื่องล้อกันเล่น หรือ Just Kidding!


 พวกเราดูรายการจำพวกนี้แล้วรู้สึกตลกขบขัน เพราะลึกๆ แล้วในใจของพวกเราทุกคน ล้วนถวิลหาสุนทรียรสแห่งความรุนแรง ปรารถนาที่จะได้ลงมือกระทำรุนแรงกับเป้าหมายเหล่านั้นด้วยเช่นเดียวกัน


 เพราะเขารู้ และเราก็รู้ ว่าเราทุกคนกำลังมองลอดวิวไฟน์เดอร์เพื่ออะไร เราทุกคนกำลังนั่งจ้องจอสี่เหลี่ยมเพื่ออะไร?


 กล้องจึงไม่แตกต่างไปจากปืน ที่ไหนมีปืน ที่นั่นจะมีความรุนแรงตาม ในทางเดียวกัน ที่ไหนมีกล้อง ที่นั่นมักจะมีความรุนแรงตามมา


 ในทุกวันนี้ เว็บยูทูปก็ท่วมไปด้วยคลิปที่แฝงไว้ด้วยความรุนแรง นอกจากคลิปเด็กเกย์ไทยเต้นเพลงวันเดอร์เกิร์ลส์ และคลิปป้าซูซาน บอยล์ ร้องเพลง I Dreamed a Dream แล้ว ผมคิดว่าคลิปยอดนิยมในเว็บยูทูปที่เราชอบเข้าไปโหลดดูส่วนใหญ่ ล้วนแฝงไว้ด้วยความรุนแรงและความน่าสยดสยอง


 เมื่อเทคโนโลยีกล้องมาบรรจบเข้ากับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ในยุคสมัยที่ทุกอย่างแปรเป็นดิจิตอล 0 และ 1 ได้ ความน่าสยดสยองก็แพร่ลามออกไปอย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกต่อไป


 แน่นอนว่าความชั่วร้ายในจิตใจมนุษย์นั้นย่อมมีมาก่อนการเกิดขึ้นของกล้องและอินเทอร์เน็ต แต่ผมเชื่อว่ากล้องและอินเทอร์เน็ตจะโหมกระพือความเลวร้ายนั้นให้แพร่ลามไปอย่างรวดเร็ว และยกระดับความน่าสยดสยองให้มากขึ้นไปอีกจนคาดไม่ถึง


 ต่อไปนี้มันจะไม่ใช่เพียงแค่ภาพกีฬามันส์ๆ The World's Funniest Home Videos หรือถึงคิวข้าฯ ดาราจำเป็น อีกแล้วนะ


 แต่มันจะเป็นคลิปดาราสักคนเข้าห้องน้ำ คลิปลับส่วนตัวของนักร้องชื่อดัง คลิปเด็กนักเรียนมัธยมนัดมาตบกันเพื่อแย่งผู้ชาย คลิปผู้ก่อการร้ายกำลังตัดหัวตัวประกัน ฯลฯ เหล่านี้คือจุดสุดยอดของวัฒนธรรมความรุนแรงผ่านสื่อในสังคมร่วมสมัย


 "เดี๋ยวพี่อย่าลืมเอาไปโหลดใส่เฟซบุคด้วยนะครับ" รุ่นน้องในออฟฟิศคนหนึ่งที่ออกมายืนมุงอยู่ด้านหลังผม


 บนฟุตบาธมีรอยเลือดลากเป็นทางยาวออกไปจนถึงขอบถนน ไทยมุงบางคนเล่าให้ฟังว่าเพื่อนของเด็กช่างกลคนที่ถูกยิง พยายามลากร่างของเขาออกไปเรียกแท็กซี่ แต่ไม่มีแท็กซี่คันไหนยอมรับ จนกระทั่งมีรถพยาบาลและตำรวจมาถึง


 เมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนน ถึงแม้ตำรวจจะเคลียร์รถพังๆ และซากศพออกจากถนนได้แล้ว แต่รถก็มักจะยังคงติดยาว


 คำถามคือทำไมล่ะ!?


 คำตอบคือเพราะเราทุกคนต่างก็ชะลอรถ เพื่อหวังว่าจะได้ดูความฉิบหายของคนอื่น


 ตัวละครในหนังเรื่อง Diary of the Dead กล่าวว่า "We don't stop to help, we stop to look." เมื่อเขายกกล้องวิดีโอขึ้นมาถ่ายภาพคนโชคร้ายกำลังโดนซอมบี้รุมสกรัมต่อหน้าต่อตา โดยไม่ได้เข้าไปช่วยเหลืออะไร นอกจากจะพยายามใช้กล้องจับภาพให้ได้ชัดที่สุด หลังจากนั้นก็อัพโหลดไฟล์วิดีโอนั้นเข้าไปในยูทูป รอเพียงไม่นานก็มีคนเข้ามาเยี่ยมชมและเขียนคอมเมนต์นับพันนับหมื่นราย


 คลิปสยองของเขาแพร่ลามออกไปเร็วกว่าไวรัสซอมบี้เสียอีก!


 ผมซูมภาพเข้าไป กดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งเพื่อให้มันโฟกัสที่รอยเลือดแดงฉาน


 ดีจริงๆ เลยเนอะ! กล้องในโทรศัพท์มือถือสมัยนี้สามารถซูมภาพและออโต้โฟกัสให้เราด้วย


 


...


 


 

No comments: