Tuesday, October 13, 2009

Treatment หนังรถไฟฟ้า

เมื่อ 2 ปีก่อน TCDC จัดประกวด Treatment หนังไทย ผมนึกคึกๆ เลยเขียนส่งไป ความยาว 3 หน้ากระดาษเอสี่พอดี ผลก็คือตกรอบนั่นแหละ 555


แต่ที่น่าสนใจคือมันเป็น Treatment หนังที่เกี่ยวกับรถไฟฟ้าเสียด้วย พอดีเข้ากับกระแสหนัง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ เลยไปขุดกลับมาโพสต์ให้อ่านกันเล่นๆ




 



Treatment



เป็นหนังที่แบ่งย่อยออกเป็น 4 ตอน โดยแต่ละตอนมีตัวเอกและมีเนื้อเรื่องแยกจากกัน แต่ยังจะมีความเกี่ยวเนื่องถึงกันอยู่ เพราะทั้ง 4 ตอนดำเนินเรื่องไปตามเวลาต่อเนื่อง กินเวลาตั้งแต่เช้าวันศุกร์ ไปจนถึงบ่ายวันเสาร์ ตัวเอกของแต่ละตอน จะเชื่อมถึงกันเพียงแค่การเดินสวนกัน ที่บริเวณรถไฟฟ้าบนดินหรือใต้ดิน


ประเด็นร่วมของหนังทั้ง 4 ตอน คือการที่ตัวเอกใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ และมีความหมกมุ่นอยู่กับความคิดหรือความเชื่อบางอย่าง จนทำให้พวกเขามีชีวิตแบบวนเวียนซ้ำซาก และไม่สามารถค้นพบจุดหมายของการมีชีวิตอยู่ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาชีวิตและจิตใจของคนกรุงเทพฯ ในสังคมร่วมสมัย


ภาพรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดิน ที่เชื่อมโยงหนังทั้ง 4 ตอนเข้าด้วยกัน เป็นทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์สะท้อนให้เห็นถึงการที่กรุงเทพฯ มีวัตถุขนาดใหญ่ หรือโครงสร้างพื้นฐานชิ้นสำคัญ ผุดกำเนิดขึ้นมา แล้วทำหน้าที่เชื่อมโยงผู้คนให้มีความเกี่ยวเนื่องกัน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ครอบงำและกำหนดชีวิตของเรา


ตอนที่ 1 “753106″
แนวเรื่อง – ลึกลับ เหนือจริง
ประเด็น – ชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่สิ้นหวัง และคิดว่าเขาสามารถเข้าถึงสัจธรรมของโลกได้ด้วยตัวเลข


ตอนที่ 2 “คอหนัง”
แนวเรื่อง – ตลกร้าย
ประเด็น – ชีวิตเด็กเนิร์ดหรือ Otaku ที่หมกมุ่นกับเรื่องไร้สาระบางเรื่อง จนละเลยแก่นแท้ของชีวิต


ตอนที่ 3 “ลูกคนกลาง”
แนวเรื่อง – ดราม่าเศร้าๆ เหงาๆ
ประเด็น – ชีวิตเด็กผู้หญิงซึ่งขาดความรัก และหันมาดึงดูดความรักจากเพศตรงข้ามด้วยร่างกาย


ตอนที่ 4 “แฟน, เจ้านาย, และมายด์มิ้นต์”
แนวเรื่อง – ตื่นเต้นเรียลไทม์
ประเด็น – ชีวิตที่เร่งรีบถูกบีบคั้นโดยเวลา และเทคโนโลยีทำให้คนเคร่งเครียดและวุ่นวายตลอดเวลา



***



เรื่องย่อ ตอนที่ 1 “753106″


ตอนเช้าตรู่ของวันศุกร์สิ้นเดือน ชายหนุ่มรีบออกจากบ้านไปทำงาน ตรงปากซอยเขาเห็นคนนั่งขายลอตเตอรี่อยู่ มีผู้คนมามุงกันเต็ม คนขายตะโกนเรียกลูกค้าว่า “นายครับ วันนี้หวยออก ขอให้โชคดีนะครับ … นายครับ วันนี้หวยออก ขอให้โชคดีนะครับ …”


ชายหนุ่มกระโดดขึ้นรถเมล์ไป บนรถเมล์เปิดรายการวิทยุบัสซาวนด์ กำลังอยู่ในช่วงที่ดีเจเล่นเกมกับคนฟัง โดยให้ฟังเพลงหลายๆ เพลง แล้วคนฟังโทรเข้ามาตอบ ว่าแต่ละเพลงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ทุกเพลงมีรูปแบบร่วมกันอย่างไร เขาฟังไปก็มองออกไปยังถนนสองข้างทาง เห็นรถติดและเห็นคนมุงซื้อหวยตลอดทาง


จนมาถึงออฟฟิศ เขาทำงานอยู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชายหนุ่มนั่งทำงาน จ้องมองกระดานราคาหุ้นไปเรื่อยๆ และเขาเริ่มมีไอเดียว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนมีรูปแบบร่วมกัน เหมือนกับเพลงที่ฟังจากวิทยุบนรถเมล์เมื่อเช้า เหมือนกับตัวเลขราคาหุ้น และเขาคิดว่าเราจะสามารถเข้าถึงรูปแบบนี้ได้ด้วยตัวเลข


ตอนบ่ายสามโมงครึ่ง เขาพักเบรคไปหากาแฟกินในห้องครัว เห็นแม่บ้านและพนักงานคนอื่นๆ กำลังนั่งฟังวิทยุถ่ายทอดการประกาศผลลอตเตอรี่ ได้ยินรางวัลที่หนึ่ง ประกาศว่า เลขที่ออก 753106 ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดของคนขายหวยเมื่อเช้า เขารีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะทำงาน หยิบกระดาษดินสอขึ้นมาเขียนว่า “นายครับ วันนี้หวยออก ขอให้โชคดีนะครับ” แล้วเขาก็แปลงตัวอักษรในประโยคนี้ออกมาเป็นตัวเลขหวยรางวัลที่ 1 ได้


“นายครับ” มาจากคำว่า Master ตัวอักษรภาษาอังกฤษ M เป็นตัวที่ 13 , A เป็นตัวที่ 1 , S เป็นตัวที่ 19 , T เป็นตัวที่ 20 , E เป็นตัวที่ 5 , และ R เป็นตัวที่ 18 นำตัวเลขทั้งหมดรวมกัน 13 + 1 + 19 + 20 + 5 + 18 = 75


“วันนี้หวยออก” เป็นคำที่บ่งชี้ถึงวันที่ของวันนี้ คือวันที่ 31 คือตัวเลข 31 ส่วนคำว่า “ขอให้โชคดีนะครับ” คำว่า “โชคดี” ในภาษาอังกฤษคือ Luck คำว่า “ลัก” ในภาษาจีนแต้จิ๋วคือเลข 6 ดังนั้นขอให้โชคดีคือตัวเลข 06 เมื่อนำตัวเลขทั้งหมดมารวมกันได้ 753106 เมื่อได้ผลแบบนี้ทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าโลกนี้ต้องมีรูปแบบ


ในตอน 5 โมงเย็น ถึงเวลาเลิกงานเขาก็กลับบ้าน แต่เห็นว่าเป็นวันสิ้นเดือน มีรถติดมาก เขาเลยไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วไปต่อรถไฟฟ้าลอยฟ้า ลงที่สถานีสยามสแควร์ เพื่อจะไปต่อรถเมล์อีกทอดหนึ่ง



***



เรื่องย่อ ตอนที่ 2 “คอหนัง”


เด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินออกจากประตูรถไฟฟ้า เขาเดินอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มในเรื่อง “753106″ ทั้งคู่ไม่รู้จักกัน แต่กำลังเดินอยู่ข้างๆ กัน พวกเขาเดินลงที่สถานีรถไฟฟ้าสยามสแควร์ ชายหนุ่มยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้าย ส่วนเด็กผู้ชายเดินเข้าไปในโรงหนังสยาม เพื่อดูหนังเรื่อง Sideways


เด็กผู้ชายคนนี้ เป็นคนที่มีลักษณะแบบ Otaku คือเป็นคนที่ดูเนิร์ดๆ เพื่อนฝูงน้อย เก็บตัว และหมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เขาเป็นคนรักการดูหนัง และมีงานอดิเรกคือการตระเวนดูหนังตามโรงชั้นดี มีมาตรฐาน THX มีระบบเสียงเซอร์ราวนด์ เขาเอาจริงเอาจังกับการดูหนัง จนถึงขนาดหมกมุ่น จุกจิกจู้จี้ และขี้รำคาญ


ในวันนี้เขานั่งดูหนัง Sideways โดยเลือกโรงหนังที่ใหญ่ที่สุด ระบบเสียงดีที่สุด และเลือกนั่งเก้าอี้ตรงกึ่งกลางจอ เพื่อจะได้สัมผัสภาพและเสียงที่สมบูรณ์แบบ แล้วเมื่อหนังเริ่มฉาย เขาก็พบว่าทางด้านหลังเยื้องไปหน่อย มีชายแก่และหญิงสาวกำลังนั่งดูไป คุยกันไป เป็นการรบกวนสมาธิของเขาอย่างมาก


บทหนังจะตัดสลับไปมา ระหว่างภาพในหนัง Sideways กับเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายในโรงหนัง ใน Sideways ตัวละครเป็นคนหมกมุ่นเรื่องไวน์ และหงุดหงิดขี้รำคาญเพื่อนที่เดินทางไปด้วยกัน ส่วนในบทหนังตอนนี้ ตัวเอกเป็นเด็กผู้ชายที่หมกมุ่นอยู่กับการดูหนัง และหงุดหงิดกับการคุยยุกยิกๆ ของคนรอบข้าง


เขาลุกขึ้นแล้วเปลี่ยนที่นั่งครั้งแล้วครั้งเล่า โรงหนังแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก และมีที่นั่งว่างเหลือเฟือ แต่ไม่ว่าจะไปนั่งที่ตรงจุดไหน เด็กผู้ชายก็ไม่เคยรู้สึกพอใจเลย ตรงนี้แอร์เย็นไป ตรงนี้เสียงลำโพงแตก ตรงนี้เก้าอี้เอนหัก ตรงนี้มองจอภาพไม่ชัด ฯลฯ เขาเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ จนดูหนังไม่รู้เรื่องเลย


จนกระทั่งถึงตอนจบ หนัง Sideways จบแบบห้วนๆ แล้วไฟในโรงก็เปิดสว่าง เด็กผู้ชายโกรธจัด เพราะนึกว่าหนังขาดหรือไฟฟ้าดับ เขาเลยเดินไปต่อว่าเด็กเดินตั๋ว ว่าทำไมฉายหนังแบบไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ เด็กเดินตั๋วบอกว่าหนังจบแล้วพี่ จบแบบนี้ถูกแล้ว


หนังเลิกประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ เด็กผู้ชายเดินออกจากโรงมาแบบหน้าแตก เขาเดินออกมาถึงบริเวณหน้าโรง ตรงตึกแถวด้านข้างโรงหนัง มีร้านคลีนิครักษาสิวและลดความอ้วนแห่งหนึ่งเปิดอยู่



***



เรื่องย่อ ตอนที่ 3 “ลูกคนกลาง”


เด็กผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดนักศึกษา เดินออกมาจากคลีนิครักษาสิวและลดความอ้วน ในมือมีถุงยาและถุงเสื้อผ้าแบรนด์เนม เธอเดินขึ้นบันไดรถไฟฟ้า เธอเดินอยู่ข้างๆ กับเด็กวัยรุ่นผู้ชายจากเรื่อง “คอหนัง” ทั้งสองไม่รู้จักกัน เขาแอบมองร่องกระดุมตรงอกเสื้อของเธอ โดยเธอไม่รู้ตัว


เด็กผู้หญิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรคุยกับแม่ บอกว่าหาหมอเสร็จแล้ว กำลังจะขึ้นรถไฟฟ้าไปหาแม่ที่จอดรถรออยู่ที่ห้างโลตัส สาขาเอกมัย เมื่อไปถึงที่นัดหมายคือในร้านฟาสต์ฟู้ด มีน้องสาวของเธอนั่งอยู่ด้วย ใส่ชุดเด็กนักเรียนมัธยมปลาย แม่บ่นว่าทำไมนานจัง น้องต้องรีบกลับไปทำการบ้านและอ่านหนังสือนะ


แม่ขับรถพาลูกๆ กลับบ้านที่อยู่บนถนนศรีนครินทร์ จากบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างนั่งในรถ คนดูหนังจะค่อยๆ รู้ว่าเด็กผู้หญิงตัวเอกของเรื่อง มีปมขาดความรักในใจ เพราะรู้สึกว่าแม่รักน้องสาวตนเองมากกว่า


เมื่อไปถึงบ้าน พี่สาวของเด็กผู้หญิงออกมาเปิดประตูบ้านให้ แล้วเดินกลับเข้าบ้านไปนั่งดูทีวีกับแฟนหนุ่มของเธอ เมื่อเข้ามาถึงบ้าน แม่ก็จัดแจงนำอาหารเย็นมาเทใส่จานให้ลูกๆ ระหว่างกินข้าวกัน น้องสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุยกับแฟนหนุ่ม คนดูจะรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ยังไม่มีแฟน


เมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เด็กผู้หญิงรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอน เธอเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เปิดทีวี ภาพจะฉายให้เห็นว่าภายในห้องของเธอเต็มไปด้วยนิตยสารแฟชั่นผู้หญิง ภาพโปสเตอร์ดาราเกาหลีญี่ปุ่น เครื่องออกกำลังกายแอบโดมิไนเซอร์ แล้วเธอก็รีบเข้าไปในห้องน้ำ แล้วล้วงคออาเจียนอาหารที่เพิ่งกินออกมาจนหมด


เธอออกจากห้องน้ำมานั่งเล่นอินเตอร์เน็ต เปิดโปรแกรม MSN แชตกับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งต่างก็ยังไม่เคยเจอกัน แต่คุยกันทางอินเตอร์เน็ตมานานหลายเดือน ภาพจะฉายให้เห็นรายการทีวีเป็นฉากหลัง กำลังมีดาราผู้หญิงออกมาโฆษณาเครื่องแอบโดมิไนเซอร์ ภาพตัดไปเป็นการโฆษณา นมเปรี้ยว นางแบบมีรูปร่างผอมบาง


เด็กผู้หญิงนั่งแชตไปเรื่อยๆ เธอพยายามอย่างมากในการอ่อยเด็กผู้ชายในอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งพวกเขานัดกันว่าพรุ่งนี้ตอนเที่ยง จะไปพบกันที่ศูนย์การค้าเซนทรัลลาดพร้าว เธอปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ไปอาบน้ำ หยิบยารักษาสิวมาทา และหยิบยาลดความอ้วนมากิน แล้วค่อยเข้านอน


พอตื่นเช้ามา วันนี้เป็นวันเสาร์ เธอบอกแม่ว่าจะไม่กินข้าวเช้า แล้วเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง เล่นเครื่องแอบโดมิไนเซอร์ไปเรื่อยๆ จนใกล้เวลานัดหมาย เธอก็อาบน้ำแต่งตัว ออกจากบ้านไป โดยมีความหวังว่าจะได้พบกับความรักที่แท้จริง



***



เรื่องย่อ ตอนที่ 4 “แฟน, เจ้านาย, และมายด์มิ้นต์”


(มีตัวเลขนาฬิกาแบบดิจิตอลเดินอยู่ตลอดเวลา ตรงด้านล่างของจอภาพ เวลา 12.30 น. ของวันเสาร์)


ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน พหลโยธิน ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังรีบเดินจ้ำๆ เพื่อออกจากสถานี เด็กผู้หญิงจากเรื่อง “ลูกคนกลาง” เดินอยู่ข้างๆ เขา ชายหนุ่มเดินไปด้วย คุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย มีสีหน้าเคร่งเครียด และเนื้อหาในการพูดคุยก็มีแต่เรื่องงานที่เร่งรัดเข้ามา


เพราะการเดินอย่างเร่งรีบและคุยโทรศัพท์ไปด้วยจนไม่ได้มองทาง เขาเลยไปเดินชนชายคนหนึ่งหกล้มลง เด็กผู้หญิงหันมามองแว้บหนึ่งแล้วก็เดินต่อไป เขาหันกลับมาพยุงชายคนนั้นลุกขึ้นแล้วก็กล่าวคำขอโทษ จึงได้พบว่าชายคนที่หกล้มไปนั้นตาบอด และเป็นคนขายลอตเตอรี่


ด้วยความรู้สึกผิด เขาถามชายตาบอดว่าจะเดินไปไหน เขาจะเดินไปส่งให้ ชายตาบอดบอกว่ากำลังจะไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ช่วยพาไปส่งหน่อยได้ไหม เขาเลยให้ชายตาบอดเกาะแขนข้างหนึ่ง แล้วเดินนำทางไป


ระหว่างนั้นเขายังคุยโทรศัพท์กับเจ้านายตลอดเวลา แล้วก็มีโทรศัพท์จากแฟนแทรกเข้ามา เขากด Swap ไปคุย แฟนบอกว่ามาถึงเซ็นทรัลลาดพร้าวแล้ว กำลังจะเดินไปรอเขาที่หน้าร้านอาหาร และจะลงชื่อต่อคิวเอาไว้ให้ เพราะร้านนี้คิวยาวมาก ยิ่งวันนี้เป็นวันเสาร์ต้นเดือนด้วย เขาบอกว่าตกลง เขาจะเดินไปถึงในอีก 5 นาที แล้วก็ Swap สายมาคุยกับเจ้านายต่อ (ตัวเลขเวลายังคงดำเนินต่อไป)


เมื่อมาถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ชายตาบอดบอกว่าช่วยพาเดินเข้าไปซื้อลูกอมมายด์มินต์หน่อย แฟนของชายหนุ่มโทรมาอีกครั้ง บอกว่าต่อคิวเอาไว้แล้ว ให้รีบมาเร็วเข้า ส่วนเจ้านายก็ยังโทรเข้ามาคุยเรื่องงานตลอดเวลา เรื่องราวดำเนินไป ชายหนุ่มยิ่งร้อนรนและยิ่งถูกบีบคั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา และต้องพยายามประคับประคองความสัมพันธ์กับแฟน กับเจ้านาย และกับชายตาบอด ทำงาน 3 อย่างพร้อมกัน


เวลาผ่านไป 20 นาทีแบบเรียลไทม์ ตัวเลขเวลาบนหน้าจอยังวิ่งต่อไป ชายหนุ่มพาชายตาบอดมาส่งที่บริเวณหน้าศูนย์การค้า ชายตาบอดกล่าวขอบคุณ และนำแผงขายลอตเตอรี่ออกมาวางขาย เขาบอกว่าวันเสาร์อาทิตย์จะมาขายที่นี่ประจำ ส่วนวันธรรมดา จะขายอยู่ที่ปากซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นปากซอยบ้านของชายหนุ่มในเรื่อง “753106″ มาถึงตอนนี้ คนดูจึงค่อยนึกออกว่าเขาคือคนขายลอตเตอรี่คนนั้น


ชายหนุ่มรีบวิ่งมาที่หน้าร้านอาหาร เมื่อเจอแฟน คนดูจึงค่อยรู้ว่าแฟนของเขาคือชายหนุ่มที่เป็นตัวเอกจากเรื่อง “753106″ พวกเขายืนทะเลาะกันตรงหน้าร้าน ชายหนุ่มต่อว่าอย่างรุนแรงว่าทำไมมาช้า เลยต้องยกคิวที่จองไว้ ให้คนอื่นไปแล้ว


และก็ชี้มือไปที่คู่รักคู่หนึ่งกำลังนั่งกินอาหารอยู่ในร้าน คนดูจึงค่อยได้รู้ว่านั่นคือเด็กผู้หญิงจากเรื่อง “ลูกคนกลาง” และเด็กผู้ชายจากเรื่อง “คอหนัง” พวกเขาจีบกันทางอินเตอร์เน็ต และมานัดพบในวันนี้


ชายหนุ่มพยายามอธิบายว่า สาเหตุที่มาช้า เพราะต้องคนตาบอดคนหนึ่งไปเดินซื้อลูกอมมายด์มิ้นต์ เขาเป็นคนขายล็อตเตอรี่ที่หน้าศูนย์การค้าแห่งนี้ ระหว่างที่อธิบายอยู่ เจ้านายก็ยังโทรศัพท์เข้ามาตลอดเวลา เพื่อคุยเรื่องงาน สรุปแล้วทั้งคู่ก็เลยไม่ได้กินอาหารที่ร้านนี้ แล้วเดินออกจากบริเวณหน้าร้านไปแบบงอนๆ


พวกเขาเดินคู่กันไปแบบไร้จุดหมาย ไม่ได้มองกัน ไม่ได้คุยกัน สองข้างทางมีร้านรวงและสินค้าหรูหรามากมาย (ตัวเลขเวลายังเดินต่อไปแบบเรียลไทม์ ตอนนี้เวลา 12.55 น.)



***



บทสรุปตอนจบของเรื่อง


ภาพ End Credit ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมา โดยมีภาพบทสรุปของตัวละครแต่ละตัว
- ชายหนุ่มจากเรื่อง “แฟน, เจ้านาย, และมายด์มิ้นต์” ยังคงเดินเตร็ดเตร่อยู่ในศูนย์การค้าคู่กับแฟนหนุ่มของเขา โดยคุยโทรศัพท์มือถือเรื่องงานกับเจ้านายตลอดเวลา
- เด็กผู้ชายจากเรื่อง “คอหนัง” นั่งกินข้าวอยู่ แล้วทำหน้าหงุดหงิดใส่โต๊ะข้างๆ ที่นำเด็กเล็กเข้ามานั่งในร้านอาหาร เป็นการรบกวนบรรยากาศการจีบสาวของเขา
- เด็กผู้หญิงจากเรื่อง “ลูกคนกลาง” พยายามโปรยเสน่ห์และยั่วยวนเด็กผู้ชาย ตลอดเวลาที่นั่งกินกัน เธอพยายามเขี่ยอาหารประเภทแป้งและไขมันทิ้งไว้ข้างจาน เลือกกินแต่เฉพาะผัก
- ชายหนุ่มจากเรื่อง “753106″ จดคำว่า “มายด์มินต์” ใส่บนกระดาษ แล้วพยายามถอดรหัสเป็นตัวเลขผลรางวัลที่ 1 เขาสะกิดถามแฟนหนุ่มที่กำลังเดินไปคุยโทรศัพท์ไป ว่าชายตาบอดคนนั้นซื้อมายด์มินต์ไปกี่เม็ด เป็นราคากี่บาท เขาคำนวนผลออกมาได้สำเร็จ
- ชายตาบอดนั่งขายลอตเตอรี่อยู่ หยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เล็กๆ ขึ้นมาเปิดฟังเพลงลูกทุ่งเก่าๆ เนื้อเพลงบรรยายถึงธรรมชาติและความสุขแบบเรียบง่าย แตกต่างจากสภาพรอบตัวเขาในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ที่เต็มไปด้วยมลพิษ แต่เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ในจินตนาการ
- สรุปประเด็นก็คือ ทุกคนล้วนหมกมุ่น อยู่กับความคิดความเชื่อบางอย่างตลอดเวลา อย่างไม่ฉุกคิด และไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ชีวิตของทุกคนจึงยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ภายในเมืองใหญ่ ภายใต้ตึกสูงใหญ่ และภายในโครงข่ายสังคมร่วมสมัย




 

No comments: