Wednesday, September 12, 2007

แค่มี - พี่จุ้ย

...

ขอนำคลิปวิดีโองานคอนเสิร์ตเฉลียงมาโพสต์ไว้อีกคลิปหนึ่งนะครับ คราวนี้เป็นเพลง "แค่มี" ร้องโดยพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง เพลงนี้ดังสุดๆ สมัยที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม จำได้ว่าตอนนั้นเคยติดตามผลงานของพี่จุ้ยเยอะเหมือนกัน นอกจากอีกหลายๆ เพลงที่พี่เขาร้องกับวงเฉลียงแล้ว ยังตามอ่านหนังสือของเขาและของทีมงานศิษย์สะดือหลายเล่ม หนังสือของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นแนวตลกเสียดสีสังคม บางเล่มก็เขียนดี ทั้งตลกทั้งแหลมคม แต่บางเล่มก็เขียนห่วยแตกไร้สาระ มีเล่มที่ผมชอบที่สุด และคิดว่ามีอิทธิพลต่อความคิดผมในสมัยยังเป็นวัยรุ่นมากที่สุด คือหนังสือที่พี่จุ้ยเขียนเอง คือ "ฝันเอียงๆ" มันเป็นหนังสือพอคเกตบุคเล่มเล็กๆ บางๆ ภายในเป็นรวมเรื่องสั้นหลายเรื่อง ส่วนใหญ่เกี่ยวกับชีวิตเด็กนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งผมคิดว่าเนื้อเรื่องคงมาจากชีวิตและความคิดของเขาเองนั่นแหละ ผมยังพอจำได้บางเรื่อง คือเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กนักศึกษาที่รู้สึกแปลกแยกจากสังคม และไม่เห็นด้วยกับระบบการศึกษาของไทย เขาเลยเดินออกจากห้องสอบเสียเฉยๆ ไม่ยอมทำข้อสอบให้เสร็จ อะไรทำนองนี้แหละ เนื้อเรื่องแบบนี้มันสร้างความสะใจลึกๆ ให้กับเด็กวัยรุ่นในยุคสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี ถึงแม้พวกเราส่วนใหญ่จะไม่ได้ทำตัวเลียนแบบตามเรื่องนี้ก็ตาม

สมัยก่อนเวลาผมชอบดารานักร้องหรือนักเขียนคนไหน ก็ไม่ได้วิ่งไปกรี๊ดกร๊าดขอลายเซ็น หรือไปรวมกลุ่มกันยกป้ายเชียร์ในงานคอนเสิร์ต เหมือนกับที่พวกสาวกเอเอฟทำกันในทุกวันนี้นะครับ ผมก็อยู่ของผมไป แล้วก็ติดตามผลงานเขาไป มีเพลงใหม่มาก็ฟัง มีหนังสือใหม่มาก็ลองอ่าน แค่นี้เอง แค่นี้ก็ถือว่าชื่นชมมากแล้ว และคิดว่าเขายิ่งใหญ่มากแล้ว จนเวลาผ่านไปเป็นสิบปี ช่วงหลังๆ มานี้ พี่จุ้ยก็ไม่เห็นมีผลงานอะไรออกสู่ตลาด และผมเองก็เลิกอ่านหนังสือตลกๆ และเลิกฟังเพลงของพี่จุ้ยแล้ว เพราะต้องเอาเวลาไปทำงานทำการ มีธุระอย่างอื่นที่สำคัญให้ไปทำมากกว่าการมาสนใจเรื่องพวกนี้ นอกจากนี้ เมื่อผมโตขึ้น ความคิดอ่านก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก จนออกไปทางค่อนข้างเบื่อและเอียนกับอารมณ์ความคิดแบบพวกพี่จุ้ยๆ ด้วย แบบที่พูดถึงแต่ความฝัน อิ่มอุ่น ลมทะเล สวยงามกุ๊กกิ๊กโน่นนี่นั่น อะไรทำนองนั้น

จนเมื่อปีที่แล้ว ผมดันมีเหตุให้ได้เจอพี่จุ้ยเป็นประจำทุกเดือนๆ เพราะช่วงนั้นยังทำงานอยู่นิตยสาร GM พวกเราจัดงานสัมมนา GM Cafe เป็นประจำทุกเดือน แต่ละเดือนก็เชิญวิทยากรมาพูดคุยเรื่องต่างๆ และก็เชิญแขกเป็นบรรดาคนดังโน่นนี่มาเป็น Celeb ในงาน แล้วพี่จุ้ยนี่แกมาร่วมเป็น Celeb ของงานแทบทุกเดือน พี่จุ้ยตัวจริงนี่ไม่ได้ดูดีแบบในภาพความทรงจำที่มีในอดีตหรอกครับ (คลิปวิดีโอปรับฟอร์แมทไฟล์ จาก 16:9 มาเป็น 4:3 ทำให้ตัวคนดูผอมเพรียวขึ้น) แกดูแก่ลงไปเยอะ ท้วมๆ และแต่งตัวโทรมๆ หน่อย การได้เจอพี่จุ้ยเป็นประจำทุกเดือนในงานอีเวนต์ที่จัดเอง ทำให้ผมรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้ใส่ใจ เวลาแกมาในงาน GM Cafe ก็มานั่งฟังสัมมนาอยู่ตรงมุมห้อง พวกแขกในงานคนอื่นๆ ก็ชอบแซวแกว่า แหมพี่นี่มาร่วมงานประจำเลยนะ พี่จุ้ยแกก็ตอบแบบอารมณ์ดีว่าช่วงนี้ตกงาน ไม่มีอะไรทำ แล้วแกก็นั่งฟังไปอย่างนั้นจนจบงาน แล้วก็ร่ำลากลับบ้านกลับช่อง เหมือนกับผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าเมื่อก่อนตอนเด็กๆ เคยชื่นชอบผลงานแกมาก และลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนหนังสือและเพลงของแกดังขนาดไหน จนกระทั่งได้ไปดูคอนเสิร์ตวงเฉลียงนี่แหละ ตอนที่แกเดินขึ้นมาบนเวที สะพายกีตาร์โปร่ง แล้วเสียงดนตรีอินโทรขึ้น คนนับหมื่นตบมือและร้องกรี๊ดพร้อมกับจนอิมแพคอะรีน่าสะเทือน ภาพความหลังและความรู้สึกเก่าๆ เลยย้อนกลับมา พี่จุ้ยคนเดิมกลับมาแล้ว เสียดายที่เทปเพลงเฉลียงเก่าๆ ยืดหมดแล้ว เทปเพลงชุดเดี่ยวของแกก็หายไปแล้วด้วย (ชื่อชุดอะไรนะที่ดังมากๆ มีเพลง "อยากเก็บคลื่นขาวๆ เอามาฝาก" อ่ะครับ ชุดนี้เพราะทุกเพลงครับ ฟังไม่มีเบื่อ) และหนังสือฝันเอียงๆ ก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ อยากเอากลับมาอ่านอีกสักรอบ





...

1 comment:

Anonymous said...

♥ พี่จุ้ย คะ

ถึงแม้ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดตามงานเท่าไร
แต่วันไหนเหงา ก็ขาด แกไม่ได้
ต้องหยิบเอาเพลงมาฟังทุกที

รวมทั้ง พี่ๆเฉลียงด้วย
^^