Monday, January 15, 2007

ชวนไปรื้อสร้างความรักและความใคร่ ที่ lonesome-cities

...

ผมนำบทความเก่าที่เคยเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน และรวมอยู่ในหนังสือ "การเดินทางใต้เงาตึก" มาอธิบายใหม่ ด้วยวิธีรื้อสร้างบทความทั้งชิ้น ตัดเป็นส่วนๆ แล้วนำมาจัดเรียงใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจรหัสและนัยยะที่ซุกซ่อนเอาไว้ข้างในนี้ ลองอ่านเนื้อหาข้างล่างนี้ แล้วค่อยคลิกเข้าไปอ่านการอธิบายใหม่ ในเว็บไซต์ http://lonesome-cities.exteen.com/


ความทรงจำที่น่าหวาดกลัวในวัยเด็ก ที่ผมจดจำได้แม่นยำ
คือตอนที่กำลังคุยเล่นกับเพื่อนในห้องเรียนชั้นอนุบาล
แล้วคุณครูสาวที่กำลังสอนอยู่ ก็ขู่ว่าถ้าใครดื้อ ไม่ตั้งใจเรียน
ครูจะตัด...แล้วก็ชูนิ้วมือ 2 นิ้ว ทำท่าเหมือนกรรไกรตัดฉับๆ
มาถึงวันนี้ ผมรู้แล้ว ว่าคุณครูขู่พวกเราเล่นๆ ไม่จริงจังอะไร
แต่ในตอนนั้น คำขู่นี้ทำให้พวกเราทุกคน นั่งเรียนเงียบกริบ

ในห้องนอนรวมของโรงเรียนอนุบาล หลังอาหารมื้อเที่ยง
พวกเรานอนเรียงเป็นแถว บนที่นอนฟูกปูเรียงยาวเป็นตับ
คุณครูเดินไปมาเหนือหัวนอน เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย
และคอยทำโทษเด็กนักเรียนคนไหนที่ไม่ยอมข่มตานอน
ไม้เรียวในมือครู กวัดแกว่งไปมา ควับๆ อย่างน่ากลัว
ฟูกยุบและสั่นสะเทือนเป็นแนว ตามแรงกดของเท้าครู

ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนของโรงเรียนทำจากพลาสติก
คงเพื่อจะให้ทำความสะอาดได้ง่าย เวลาที่เด็กทำเลอะเทอะ
ผมชอบสัมผัสที่เรียบลื่นเย็นเฉียบของมัน เมื่อเอาผิวไปแนบ
กลิ่นฉุนของสารเคมีจากผ้าพลาสติก ระเหยขึ้นมาแตะจมูก
ผสมกับกลิ่นหอมจางๆ ลอยออกมาจากร่างกายของคุณครู
ซึ่งตอนนี้ได้มาหยุดยืนอยู่ตรงหัวนอนของผมพอดี

โดยที่ครูไม่รู้ตัว ผมหรี่ตาแล้วค่อยๆ มองช้อนขึ้นไป
ครูถอดรองเท้าหนังสีดำออกแล้ว เผยให้เห็นถุงน่องแนบเนื้อ
มองเหนือขึ้นไป เห็นเป็นชายกระโปรงสีขาวสะอาดบริสุทธิ์
แต่เมื่อมองลึกเข้าไปในนั้น กลับเป็นความมืดมนอนธกาล
ที่ลึกลับ น่าหวาดกลัว และน่าปรารถนา ในเวลาเดียวกัน
ผมสงสัยว่า ปลายอุโมงค์อันมืดมิดนี้ จะไปสิ้นสุด ณ ที่ใด

รู้สึกได้เลยว่าเลือดในตัวกำลังเดือด และสูบฉีดพลุ่งพล่าน
ร่างกายของผมสั่นสะท้าน กล้ามเนื้อมัดน้อยๆ ขมวดเกร็ง
เหงื่อซึมจนรู้สึกว่าตัวเปียกชื้น ทั้งที่อยู่ในห้องปรับอากาศ
ครูเดินผ่านหัวนอนไปโดยไม่ทันได้สังเกตความผิดปกติใดๆ
ลับหลังคุณครู ผมค่อยๆ แอบขยับตัว จัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่
เพื่อกลบเกลื่อนความผิดบาปที่แสดงตัวขึ้นมาเด่นชัด

เป็นการยากยิ่งนัก ที่จะพยายามข่มตาให้หลับในบ่ายนั้น
ในขณะที่ร่างกายเด็กน้อยเกิดความตื่นตัวขึ้นอย่างเต็มที่
แม้ตาหลับ แต่ความมืดที่ลึกลับนั้น ยังคงหลอกหลอน
ผมจินตนาการล่องลอย ลอดผ่านความมืดมิดนั้นเข้าไป
จนถึงปลายอุโมงค์ ได้พบผิวเนื้อที่เรียบลื่นและเย็นเยียบ
ผมไม่เคยเชื่อ ที่ใครบอกว่าเด็กไร้เดียงสา เหมือนผ้าขาว

เธอชอบใส่เสื้อผ้าสีดำ เธอบอกว่ามันช่วยทำให้ดูเคร่งขรึม
เหมาะสมกับหน้าที่การงานของเธอ ที่มีตำแหน่งใหญ่โต
ผมก็ชอบให้เธอใส่เสื้อผ้าสีดำ เพราะมันมีส่วนทำให้ผมตื่นตัว
สีดำดูลึกลับ น่าหวาดกลัว และน่าปรารถนา ในเวลาเดียวกัน
ผมจำได้อย่างแม่นยำ ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน เธอก็ใส่ชุดสีดำ
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมตื่นตัวและอยากจะเชื่อว่านี่คือรักแรกพบ

เป็นการยากยิ่งนัก ที่ผมจะพยายามข่มตาให้หลับ
ในคืนนั้น ร่างกายของชายหนุ่มเกิดความตื่นตัวอย่างเต็มที่
แม้ตาจะหลับ แต่ชุดสีดำของเธอ ยังคงตามมาหลอกหลอน
จินตนาการของผมล่องลอย ลอดผ่านชุดดำนั้นเข้าไป
ได้พบผิวเนื้อที่ขาวสะอาด เรียบลื่น และเย็นเยียบ
ภายใต้ชุดดำ เธอบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา เหมือนกับผ้าขาว

ในความมืด เลือดในตัวผมกำลังเดือดพลุ่งพล่าน
กล้ามเนื้อขมวดเกร็ง จนรู้สึกถึงความซาบซ่าน
เหงื่อซึมจนรู้สึกว่าตัวเปียกชื้น ทั้งที่อยู่ในห้องปรับอากาศ
ลับหลังเธอ ผมจินตนาการถึงเธอ สาวในชุดสีดำ
แต่เมื่อเราได้นัดพบกันอีกครั้ง เธอคงไม่รู้เรื่องนี้เลย
เพราะผมสามารถกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดบาปไว้มิดชิด

ในห้องนอน ผมจ้องมองเธอ เธอกลัวจนตัวสั่นสะท้าน
ค่อยๆ ถอดรองเท้าหนังสีดำ เผยให้เห็นถุงน่องแนบเนื้อ
ภายใต้ชุดดำนั้น ผิวกายของเธอสีขาวสะอาดบริสุทธิ์
แต่เมื่อก้มมองต่ำลงมา คือความมืดมนอนธกาล
ที่ลึกลับ น่าหวาดกลัว และน่าปรารถนา ในเวลาเดียวกัน
ผมสงสัยว่าปลายอุโมงค์อันมืดมิดนี้จะไปสิ้นสุด ณ ที่ใด

ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน ทำจากผ้าฝ้ายที่อ่อนนุ่ม
ต่างกับถุงยางที่ให้สัมผัสเรียบลื่นเย็นเฉียบ เมื่อผิวไปแนบ
กลิ่นสารเคมีสังเคราะห์ ระเหยขึ้นมาเตะจมูก เมื่อฉีกซอง
ผสมกับกลิ่นหอมจางๆ ลอยมาจากร่างกายของเธอ
ผมนึกย้อนกลับไปที่ห้องนอนรวมของโรงเรียนอนุบาล
บ่ายวันนั้น ที่คุณครูมายืนอยู่ตรงหัวนอนของผมพอดี

หลังจากที่ทุกอย่างจบสิ้นลง เรานอนคุยกันบนเตียง
เธอบอกว่า เธอรักผม และอยากจะแต่งงานกับผม
เธอถามว่า ผมรักเธอไหม และจะแต่งงานกับเธอไหม
ผมไม่ตอบ แต่พลิกตัว นอนตะแคงหันหลังให้เธอ
อีกสักครู่ เธอลุกขึ้นแต่งตัว ด้วยชุดสีดำเหมือนเช่นเคย
ฟูกพองขึ้นและสั่นสะเทือน ตามการเคลื่อนไหวของเธอ

ถึงแม้ว่าภายในหัว จะเต็มไปด้วยความทรงจำที่น่ากลัว
แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าตนเองเติบใหญ่เกินกว่าที่จะกลัวอะไร
ผมทำอะไรก็ได้ โดยที่ไม่ต้องกลัวคุณครูคนนั้นอีกแล้ว
แต่ผมกลับรู้สึกกลัวจริงๆ เมื่อเธอเดินออกจากห้องไป
ไม่รู้ว่าที่เธอบอกเลิก ขอตัดขาดกันนั้น เธอขู่หรือว่าเอาจริง
ผมนึกถึงชุดสีดำของเธอ แล้วได้แต่นอนนิ่ง เงียบกริบ

...

4 comments:

Anonymous said...

ลองรื้อสร้างแล้ว
ก็ยังไม่สามารถลบล้างความคิดแบบ
Romantic-Love ของตัวเองได้
มันถูกปลูกฝังมานาน
จนความรักในวิธีคิดแบบ Post-Modern
ไม่สามารถไปสั่นคลอนมันได้

น่าเศร้าจริงๆ

Anonymous said...

ถ้ารื้อแล้วโครงสร้างเดิมก็คงไม่เหลืออะไร อาจเก็บโนน่นี่มารีไซเคิลใหม่ได้นิดหน่อย แต่สิ่งที่รื้อไม่หมดคือความทรงจำ ยังไงภาพเก่าๆ นั้นก็ยังคงค้างล้น วนเวียนในหัว

Anonymous said...

พอจะรื้อได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะรื้อดีรึเปล่า

Anonymous said...

อ๋อ..อ.. มันเป็นจังซั่นนั่นเอง เพิ่ง Get