Friday, July 10, 2009

ไข้หวัดใหญ่ 2009

...


 


ผมค่อนข้างเชื่อว่ารัฐบาลปกปิดข้อมูลที่จำเป็น รวมไปถึงการพยายามเบี่ยงเบนประเด็นข่าว เพื่อหวังผลทางการเมืองและเศรษฐกิจ มากกว่าจะเป็นห่วงสวัสดิภาพของประชาชน


ช่วงที่ 1
บอกว่ามีมาตรการรัดกุมในการกันผู้ติดเชื้อจากนอกประเทศ ออกข่าวใหญ่โตฉายภาพอุปกรณ์ตรวจจับคนป่วยตั้งแต่ที่สนามบิน แต่ที่สุดแล้วก็จับนักท่องเที่ยวที่เป็นไข้และขับออกนอกประเทศไม่ได้ซักคน เพราะห่วงเรื่องการท่องเที่ยว


ช่วงที่ 2
รณรงค์ปัญญาอ่อน บอกให้ประชาชน "กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ" อัดโฆษณาทุกสิบนาทีทางทีวีทุกช่องตลอดวัน ทั้งๆ ที่เชื้อไวรัสแพร่กระจายกับสารคัดหลั่งที่ปลิวในอากาศได้ง่ายๆ แทนที่จะรณรงค์ให้คนไทยใส่หน้ากากอนามัยในที่แออัด เพราะกลัวว่าจะเป็นภาพลบในสายตาต่างประเทศ


ช่วงที่ 3
พอเริ่มมีคนป่วยมากขึ้น และเริ่มมีคนตาย รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขพยายามออกข่าวให้ข้อมูล ว่าไข้หวัดใหม่นี้เป็นแล้วรักษาหาย ไม่ต้องกลัว คนตายเพราะเป็นโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตายเพราะร่างกายมีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว เช่นอ้วน แก่ ท้อง อายุมาก ไม่ได้ตายเพราะไวรัสหวัด


ช่วงที่ 4
พอมีคนหนุ่มสาวแข็งแรงเป็นไข้หวัดแล้วตาย ก็ออกข่าวว่าอัตราการเป็นแล้วตายต่ำมาก อัตราการตายน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่ธรรมดา จนถึงตอนนี้ ภายในเวลาแค่ไม่ถึงเดือน มีคนไทยติดเชื้ออย่างเป็นทางการแล้ว 2000 กว่าคน ตายไปแล้ว 14 คน


ช่วงที่ 5 
รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขปัดความผิดให้โรงเรียนกวดวิชาและร้านอินเทอร์เน็ต และออกข่าวว่าจะสั่งปิดเพื่อหยุดการแพร่ระบาด ในขณะที่ศูนย์การค้า สถานที่ท่องเที่ยว ผับบาร์ และโรงเรียน ยังคงเปิดต่อไป รัฐบาลกำหนดวันหยุดยาว 5 วัน แทนที่จะรณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่ระบาด กลับบอกให้ประชาชนออกไปเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ


1 เดือนผ่านไป จนมาถึง ณ วันนี้
วันเปิดงานกลับมามีคนตายรวดเดียว 3 คน จำนวนคนติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเท่าไรจำไม่ได้ จำกันไม่หวาดไม่ไหว โรงเรียนจำนวนมากปิดแล้ว แต่ไม่เป็นข่าว ในขณะที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขออกมาติติงสื่อมวลชน ว่าไม่ควรเสนอข่าวเน้นไปที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้ตาย ให้เสนอข่าวข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกัน ซึ่งก็คือบอกให้ล้างมือไปเรื่อยๆ บนรถเมล์ รถไฟฟ้า มีคนใส่หน้ากากไม่ถึง 1%


ผมคิดว่าตอนนี้เรากำลังจะซวยแล้วหล่ะ


 


...


 


 

4 comments:

Kade said...

เห็นด้วยอย่างยิ่งขอรับ แม่เราเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนหนึ่ง
มีเด็กนักเรียนติดสองสามคน แต่โรงเรียนกลับไม่มีมาตราการป้องกันที่เข้มงวดใดๆๆ เลย เราคิดว่า spot รณรงค์โฆษณาควรทำให้จริงจัง และน่ากลัว คนจะได้ตื่นตัวและรู้จักป้องกันตัวเองกันอย่างจิงมากขึ้น เนอะครับ รัฐบาลคิดไรอยู่อ่ะ???

yuttipung said...

ผมรู้สึกรับไม่ได้เลยครับ ที่ตลกที่สุดมีคนเห็นดีด้วยกับรัฐบาลในห้องเฉลิมไทย พันธ์ทิพย์

พอมีคนบอกจะใส่หน้ากากไปดูหนัง ก็โดนว่าหาว่าทำให้เกิดความหวาดระวัง (ผมเองก็ใส่ เพราะมันเป็นงาน ยังไงก็ต้องไปดู) บอกเสียด้วยว่ามันป้องกันไม่ได้ ต้องให้คนเป็นหวัดใส่ โดยไม่ได้นึกถึงเรื่อง "กันไว้ก่อน" เลยแม้แต่นิดเดียว

ผมว่าเมืองไทยมีปัญหามากๆ กับการปลูกจิตสำนึกให้แยกระหว่างเรื่อง Private กับ Public ออกจากกัน

ล่าสุดพอมีหมอคนหนึ่งมาเตือนในห้องเฉลิมไทย และตำหนิรัฐบาล ก็โดนคนมาด่าว่าให้ไปตำหนิ "ภาครัฐ" ไม่ใช่ "รัฐบาล"

เฮ้อ

ส่วนไข้หวัดนี้จริงๆ มันควรจะบอกข้อเท็จจริงให้ชัดที่สุด คือมันมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ อาการอาจไม่น่ากลัว แต่เพราะมันเป็นเชื้อได้ง่าย กลายพันธ์เร็ว ดังนั้นโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อน การขาดภูมิต้านทานจะสูงมาก อาการจึงหนัก และอาจเสียชีวิตได้ง่าย

แต่พอมาให้ข้อมูลลักปิดลักเปิด ทำงานเอาหน้าแบบที่รัฐบาลนี้ทำ มันจึงไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ล่าสุดผมเห็นสติ๊กเกอร์ติดแถวสยามประมาณว่า

"ทักษิณกำลังจะกลับมาพบกับท่านเร็วๆ นี้"

ผมไม่แปลกใจเลยกับความพ่ายแพ้ในครั้งหน้าของรัฐบาลชุดนี้ มีโอกาสแล้ว แต่ไม่พยายามสร้างผลงานอะไร ทำตัวเหมือนเดิม ก็ได้แต่สมน้ำหน้าแหละครับ

the aesthetics of loneliness said...

สเต็ปเทพขั้นต่อไปของรัฐบาลนี้ คือการสร้างวาทกรรมว่าต่อไปนี้เราทุกคนจะต้องอยู่ร่วมกับไข้หวัด 2009 ตลอดไป เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ธรรมดา โดยใช้คำกิมมิคประมาณว่า ตระหนักแต่ไม่ตระหนก ระวังแต่ไม่ระแวง อะไรทำนองนี้แหละ (ฮา)

yuttipung said...

สเต็ปที่ว่ามันคือสเต็ป(เกรียน)เทพหรือเปล่าครับ