Tuesday, May 31, 2011

ไดโซ






...






ไดโซ - ร้านขายสินค้าทุกอย่างราคาเดียว 60 บาท คือแบบจำลองของโลกเทคโนโลยีในอุดมคติ


ร้านแห่งนี้กระจายตัวไปเปิดสาขาตามศูนย์การค้าชั้นนำทั่วประเทศ โดยส่วนตัวผมเองก็ชอบเข้าไปเดินเล่นแทบทุกครั้งที่ผ่านไปเจอ ถ้ามีโอกาสและมีเวลาว่างเหลือเฟือ มันเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับการฆ่าเวลา ผมเชื่อว่าเราทุกคนสามารถใช้เวลาอยู่ในร้านค้าที่มีขนาดเพียงไม่กี่ตารางเมตรแห่งนั้นได้อย่างน้อยๆ ก็เกินครึ่งวัน


แตกต่างจากร้านเสื้อผ้าที่เราเข้าไปเดินหยิบจับเสื้อขึ้นมาลอง 2-3 ตัวแล้วก็เดินออกภายใน 10-20 นาที แตกต่างจากร้านกาแฟเก๋ๆ ที่เราเข้าไปนั่งเก๋ๆ ได้สัก 2-3 ชั่วโมงก็รู้สึกเมื่อยก้น เมื่อยหลัง และปวดปัสสาวะเต็มทนแล้ว


อะไรที่ทำให้ร้านไดโซดึงดูดเรามากกว่า?


คำตอบไม่ใช่เรื่องราคา มันไม่ได้อยู่ที่การตั้งราคาสินค้าทุกอย่างราคาเดียว 60 บาท แต่เราต้องขุดลงไปในจิตใจของเราให้ลึกกว่านั้นจึงจะพบ ว่าคำตอบที่แท้จริงคือ "เทคโนโลยี"


Technology is the making, usage and knowledge of tools, techniques, crafts, systems or methods of organization in order to solve a problem or serve some purpose. - Wikipedia


ตะขอติดกาวเอาไว้แปะผนังเพื่อเกี่ยวสายไฟหลังชุดโฮมเธียเตอร์ไม่ให้รกรุงรัง ที่กั้นประตูกับกำแพงห้องน้ำไม่ให้กระแทกกันตอนเปิด-ปิด กุญแจล็อกตู้โชว์ไม่ให้เด็กในบ้านมาเปิดเล่น ฟองน้ำเอาไว้บุขอบโต๊ะและเก้าอี้ป้องกันไม่ให้เด็กทารกคลานมากระแทก แผ่นฉนวนกันร้อนเอาไว้วางของร้อนบนหลังเตาไมโครเวฟ แผ่นเจลเอาไว้รองส้นรองเท้าให้นิ่มใส่สบาย ไม้แขวนเสื้อแบบพับเก็บได้เอาไว้ใช้ในเดินทาง หรือแม้กระทั่งผงเคมีโรยไว้เพื่อกันไม่ไห้แมวข้างบ้านมาแอบฉี่ ฯลฯ


เมื่อเดินเข้าไปในร้านไดโซ รอบตัวของเราจะถูกห้อมล้อมไปด้วยสินค้าเหล่านี้มากมายนับร้อยนับพัน ... ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่านับพันนับหมื่น ...


... ไม่ใช่สิ! มันต้องมีมากกว่านั้นเป็นหมื่นเป็นแสน ...


หรืออาจจะเป็นล้าน!


มันท่วมท้นมากมายจนนับไม่ถ้วน เหมือนเส้นผมบนหัวของเรา เหมือนเกล็ดน้ำตาลในถ้วยเครื่องปรุง เหมือนเม็ดทรายที่ชายหาด เหมือนดวงดาวบนฟากฟ้ายามค่ำคืน เหมือนระบบจำนวนจริงที่แจงนับไม่ได้ มนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ ไม่สามารถล่วงรู้ขอบเขตและไม่มีทางเข้าถึงความหมาย


ชั้นวางสูงตระหง่านท่วมหัวท่วมหูอยู่ตรงหน้า มีสินค้าแขวนและตั้งวางอย่างผสมปนเป คละเคล้า กระจัดกระจาย มองหารูปแบบใดๆ ไม่พบ ยิ่งสร้างความรู้สึกพิศวงงงงวย เหมือนกับเรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับจักรวาลที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด


เหมือนกับเรากำลังควานมือเข้าไปในกระเป๋ามิติที่ 4 ของโดราเอม่อน แล้วล้วงของวิเศษข้างในนั้นออกมาชื่นชมอย่างตื่นเต้นชิ้นแล้วชิ้นเล่า


"ตะขอติดกาวเอาไว้แปะผนังเพื่อเกี่ยวสายไฟหลังชุดโฮมเธียเตอร์ไม่ให้รกรุงรัง!" น้ำเสียงอันคุ้นเคยของโดราเอม่อน บอกชื่อของวิเศษที่เพิ่งหยิบออกมา ภาพโคลสอัพไปที่ชิ้นนี้ โดยมีแสงสว่างวิ้งๆ ฉายออกมารอบตัวมัน


สินค้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายในร้านส่วนใหญ่ทำมาจากพลาสติกหลากสีสัน ตั้งราคาไว้ชิ้นละ 60 บาทเท่ากันหมด พวกมันคือเครื่องไม้เครื่องมือที่เกิดจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างล้ำลึก อย่างที่ไม่มีใครเคยคาดคิดถึงมาก่อน พวกมันคือ Tools, Applications, Solutions, Gadgets หรืออะไรก็ตามที่โลกสมัยใหม่ซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะสรรหาคำศัพท์มาใช้เรียกพวกมัน


โดยรวมแล้วมันคือวัตถุแห่งเทคโนโลยี ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ และทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


ในร้านไดโซมีวัตถุแห่งเทคโนโลยีทุกอย่างที่เราต้องการ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าเราต้องการ โลกของเทคโนโลยีในอุดมคติเป็นเช่นนี้เอง เมื่อเทคโนโลยีรุดหน้าไปมากจนถึงจุดนั้น มันจะล่วงรู้ความต้องการของเราก่อนตัวเราเองเสียอีก และมันถึงขั้นที่จะคอยกำหนดว่าชีวิตของเราต้องการอะไร


ความดึงดูดของร้านไดโซจึงอยู่ที่การเปิดให้เราเข้าไปเดินเล่นนานแค่ไหนก็ได้ตามแต่ใจ ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อค้นหาสินค้าต่างๆ เท่านั้น เรายังได้ค้นความต้องการของตัวเองไปในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าตัวเราเองจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชีวิตนี้เราต้องการอะไร เราก็จะสามารถพบมันได้ในราคาเพียง 60 บาทต่อชิ้น


ในโลกยุคสมัยที่เทคโนโลยีเจริญรุดหน้าไปเต็มที่ ผู้คนและสังคมอิ่มตัวไปด้วยเทคโนโลยี เราจึงต้องการเทคโนโลยีทุกอย่าง เพื่อจะมาช่วยทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าเรากำลังทำงานนั้นอยู่ หรือกำลังอยากจะทำงานนั้น หรือไม่เคยทำงานนั้นมาก่อน หรือแม้กระทั่งไม่เคยคิดว่าจะทำงานนั้น แต่เราก็ต้องการเทคโนโลยีมากมายทุกสิ่งอย่างมาเก็บไว้เพื่อความอุ่นใจ


ร้านค้าแห่งยุคสมัยของเรา สปอยล์เราด้วยเทคโนโลยี ลูกค้าส่วนใหญ่หิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่ ภายในบรรจุไปด้วยเทคโนโลยีมากมายหลายหลาก เดินออกจากร้านไปด้วยรอยยิ้มอันชื่นมื่น จินตนาการไปถึงชีวิตที่สุขสมบูรณ์ สะดวกสบาย ไม่มีปัญหาอะไรมาแผ้วพานอีกแล้ว


ก่อนที่จะพบว่าเมื่อกลับถึงบ้านไป เมื่อเปิดถุงออกมาแล้วเขาพบแต่วัตถุทำจากพลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่ใช้งานได้ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เหมาะสมบ้าง ไม่เหมาะสมบ้าง หรือแม้แต่มีบางชิ้นที่จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าตนเองซื้อมาเพื่ออะไร


เมื่อออกจากร้านไดโซ เข้ามาอยู่ในบ้านของเรา วัตถุเหล่านั้นบางครั้ง บางชิ้น กลับกลายเป็นเพียงเศษพลาสติกชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่มีความหมาย ไม่มีเหตุผล ไม่มีวัตถุประสงค์


เพราะแท้จริงแล้ว ในจักรวาลไดโซ สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นและดำรงอยู่แบบสุ่ม มีเพียงการรับรู้และจินตนาการของเราแต่ละคนเท่านั้น ที่จะปรุงแต่งความหมาย เหตุผล และวัตถุประสงค์ของสรรพสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา


เมื่อบริบทต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไป ทั้งสถานที่และเวลา ทำให้ความหมายใดๆ ก็ล้วนไหลเลื่อน เรื่อยเปื่อย สูญสลาย


ร้านไดโซก็เป็นเหมือนสวนสนุกแดนเนรมิต มันคือ Pseudo Place สถานที่เทียม โลกเสมือน จักรวาลแห่งจินตนาการ สถานที่แบบนี้เปิดให้เด็กๆ ได้เข้าไปใช้จินตนาการของตัวเอง เพื่อสร้างซินเดอเรลล่า สโนว์ไวท์ ไลอ้อนคิง ฯลฯ ให้กลายเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาเพียงชั่วครู่ชั่วยาม พอมืดค่ำพ่อแม่ก็ต้องลากตัวกลับบ้านมา ตัวการ์ตูนเหล่านั้นก็เป็นเพียงความทรงจำที่ดีในวัยเด็ก


ร้านไดโซก็เป็นเหมือนกับศูนย์การค้าฟอร์จูนหรือพันธุ์ทิพย์ สำหรับพ่อบ้านแม่บ้านก็เข้าร้านไดโซเพื่อมองหาเครื่องใช้สำหรับภายในบ้าน สำหรับคนหนุ่มสาวยุคดิจิตอลก็ไปเดินฟอร์จูนหรือพันธุ์ทิพย์ เพื่อมองหาแกดเจ้ทรุ่นใหม่ล่าสุด เร็วที่สุด ฮิปที่สุด เราไปเดินฟอร์จูนหรือพันธุ์ทิพย์ แล้วก็จินตนาการถึงแกดเจ้ทต่างๆ ว่าจะบันดาลชีวิตแบบดิจิตอลไลฟ์สไตล์ให้กับเรา กล้อง พีดีเอ แทบเล็ท โน้ตบุค สมาร์ทโฟน ฯลฯ



นับร้อยนับพัน ... ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่านับพันนับหมื่น ...


... ไม่ใช่สิ! มันต้องมีมากกว่านั้นเป็นหมื่นเป็นแสน ...


หรืออาจจะเป็นล้านๆ !


เพียงแค่ชั้นวางซองเคสสำหรับใส่ iPhone 4 เพียงอย่างเดียว ยังสูงตระหง่านท่วมหัวท่วมหู มีเคสหลากรุ่น หลากสีสัน หลากคุณสมบัติ แขวนและตั้งวางอย่างผสมปนเป คละเคล้า กระจัดกระจาย มองหารูปแบบใดๆ ไม่พบ ยิ่งสร้างความรู้สึกพิศวงงงงวย เหมือนกับเรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับจักรวาลที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด


เราขลุกอยู่ในฟอร์จูนหรือพันธุ์ทิพย์ได้นานเป็นวันๆ เหมือนกัน จินตนาการไปถึงความหมาย เหตุผล และวัตถุประสงค์ของแกดเจ้ทแต่ละชิ้น แล้วก็หิ้วถุงใส่สินค้าแกดเจ้ทพะรุงพะรังกลับมาบ้าน


เราจินตนาการถึงโลกเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งโลกแบบนี้มีแค่เพียงในอุดมคติเท่านั้น


"ตะขอติดกาวเอาไว้แปะผนังเพื่อเกี่ยวสายไฟหลังชุดโฮมเธียเตอร์ไม่ให้รกรุงรัง!" น้ำเสียงคุ้นเคยของโดราเอม่อน บอกชื่อของวิเศษที่เพิ่งหยิบออกมา นึกภาพโคลสอัพของชิ้นนี้โดยมีแสงสว่างวิ้งๆ ฉายออกมารอบตัวมัน


เราสนุกตื่นเต้นเหมือนกับในวัยเด็ก ตอนที่ได้ไปยืนถ่ายรูปคู่กับซินเดอเรลล่าตัวจริงนั่นแหละ


เมื่อกลับมาถึงบ้าน แกะห่อออกมา มันคือพลาสติกสีขาวชิ้นเล็กๆ โค้งงอ มีกาวสองหน้าแปะอยู่ข้างหลัง นำไปแปะไว้บนผนังหลังเครื่องแอลซีดีจอยักษ์ เพื่อเอาสายไฟและสายสัญญาณต่างๆ มาพาดๆ ไว้


มันก็แค่นั้นเอง


พาดไปไว้ไดแค่สาย 2 เส้น ยังเหลืออีกตั้งหลายเส้นที่ยังรกรุงรังอยู่ หรือว่าเราต้องไปหาซื้อมันมาเพิ่ม หรือว่าเราต้องมองหาเทคโนโลยีใหม่มาแก้ปัญหานี้


ในจักรวาลของเทคโนโลยีทั้งปวง สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นและดำรงอยู่แบบสุ่ม มีเพียงการรับรู้และจินตนาการของเราแต่ละคนเท่านั้น ที่จะปรุงแต่งความหมาย เหตุผล และวัตถุประสงค์ของสรรพสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา


เมื่อออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง มันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้





...





No comments: