Thursday, May 28, 2009

DL - Digital Lifestyle เล่ม 2

...


 


โฆษณาใส่บล็อกซะหน่อยนะครับ เล่มสองกำลังจะออกต้นเดือนมิถุนายนนี้ แจกตามร้านกาแฟ และช็อปคอมพิวเตอร์ต่างๆ และคาดว่าจะแถมแนบกับไป GM Car ฉบับมิถุนายนด้วย ภายในมีสารคดีเรื่อง GPS บทสัมภาษณ์ พรเทพ วัชรอำนวย ทดสอบกล้อง Ricoh CX1 และสาระน่ารู้อีกมากมายเหมือนเล่มแรก แต่จำนวนหน้าลดลงเหลือ 32 หน้า ตามสภาพเศรษฐกิจ


ปกสวยถูกใจที่สุด มอบความดีให้ฝ่ายศิลป์ที่ขยันรีทัชจริงๆ


 



 


...


 


 

Monday, May 25, 2009

Thursday, May 14, 2009

ดูหนังเป็นตุเป็นตะ - Frontiere (s)

 


ตอนที่ 1


 


...


 



 ปกติแล้วผมชอบดูหนังผีโหดๆ แหวะๆ แต่ไม่ค่อยนำมาเขียนวิจารณ์ถึง เพราะหนังพวกนี้ส่วนใหญ่จะเอาไว้ดูเพื่อเอาความเพลิดเพลิน เสียมากกว่าจะดูเอาสาระ (ยกเว้นก็แค่เรื่อง Hostel ที่เคยนำมาเขียนวิจารณ์เป็นตุเป็นตะไปแล้วครั้งหนึ่ง) มาคราวนี้เจอหนังเรื่องนี้เข้าไป Frontiere (s) เป็นหนังโหดแหวะแบบถึงกึ๋น ถึงตับไตไส้พุงกันเลยทีเดียว โหดร้ายทารุณกว่า Hostel และโหดร้ายทารุณกว่าหนังฝรั่งเรื่องไหนๆ ที่เคยดู (หนังเอเชียเก่าๆ บางเรื่องโหดกว่านี้ก็มี แต่น้อยเรื่องนัก)
 เนื้อเรื่องก็เป็นไปในแนว Texas Chainsaw Massacre นั่นแหละ คือประมาณพระเอกนางเอกและกลุ่มเพื่อน ขับรถออกไปในชนบทห่างไกล แล้วเลือกเลี้ยวไปทางผิด จนไปเจอบ้านและครอบครัวลึกลับกลางป่า ต่อมาก็โดนจับไปทรมานและฆ่าทีละคน หนังแนวเดียวกันนี้มีเยอะมาก เช่น Borderland, Wrong Turn, The Hills Have Eyes
 แต่สิ่งที่ทำให้ Frontiere (s) น่าสนใจมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ในแนวเดียวกัน ก็ตรงที่มันมีความหมายแฝงอยู่มากมายภายในเรื่อง ใครยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ คงหมดสิทธิดูจากโรงหนังและแผ่นลิขสิทธิ์แน่นอน เพราะมันโหดจนโดนเซนเซอร์หมดทั้งโรงทั้งแผ่น ทางเดียวคือต้องไปหาซื้อแผ่นผีจากคลองถมหรือในเน็ตเอามาดูก็แล้วกัน
 สำหรับคนที่ดูแล้ว ก็อ่านต่อไปได้เลย



1. ทารก


 ภาพแรกของหนังคือภาพอัลตราซาวนด์ลูกในท้องของนางเอก ยาสมิน พร้อมกับเสียงบรรยายวอยซ์โอเวอร์ เธอพูดทำนองว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และทวีความโหดร้ายขึ้นทุกวัน น่าสงสารเด็กที่กำลังจะเกิดมา เธอก็เลยคิดจะทำแท้งดีกว่า ลูกจะได้ไม่ต้องมาทรมานบนโลก ฉากเปิดเรื่องนี้สามารถสื่อความหมายได้ 2 อย่าง
 1.1 การมองโลกอนาคตแบบ Dystopia ของคนรุ่นยุคปัจจุบัน เมื่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ คนรุ่นเรากำลังกลัวว่าโลกอนาคตจะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ มีหนังหลายเรื่องที่แสดงภาพของโลก Dystopia เช่น Mad Max, Terminator, 1984
 1.2 แนะนำตัวละครแบบ Helpless Character คือตัวละครที่อ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้ และกำลังตกอยู่ในอันตราย หนังสยองขวัญตามสูตรมักจะใช้ตัวละครแบบนี้เป็นตัวเอก เพื่อให้คนดูรู้สึกสงสารและเอาใจช่วย เช่นเด็กตาบอด ผู้หญิงท้อง
 1.3 การตั้งคำถามปรัชญาเกี่ยวกับชีวิต ว่าชีวิตนี้เกิดมาทำไมถ้ารู้ว่าต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก สู้ทำแท้งหรือตายไปเสียไม่ดีกว่าหรือ? ซึ่งจริงๆ แล้ว คำถามแบบนี้สามารถตอบได้ด้วยคำสอนของศาสนาอยู่แล้ว แต่ในโลกที่เสื่อมทรามลงทุกวัน ผู้คนส่วนหนึ่งอาจจะสงสัย ใคร่รู้ และหนังเรื่องนี้กำลังจะให้คำตอบนี้ ในรูปแบบของความสยองขวัญถึงขีดสุด




2. อนาธิปไตย


 เพื่อสนับสนุนความคิดของนางเอก หนังจึงนำเสนอภาพของสภาพแวดล้อมในสังคมปัจจุบัน ว่ากำลังเต็มไปด้วยการก่อจราจลวุ่นวาย โดยนำเสนอในรูปแบบของภาพคลิปข่าวทางทีวี มีคำบรรยายไว้แบบเป็นขาดเป็นห้วงๆ ผู้ชมจะรู้เพียงว่า ตามท้องเรื่องของหนังเรื่องนี้ การจราจลนี้เกิดขึ้นจากการเลือกตั้ง ที่ฝ่ายขวาจัดกำลังจะได้รับเลือกเข้ามาเป็นรัฐบาล ชนกลุ่มน้อยในประเทศจึงลุกฮือขึ้นก่อจราจล
 หนังเรื่อง Frontiere (s) ออกฉายในช่วงปลายปี 2007 ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่เมื่อเห็นภาพการจราจลเหล่านี้แล้ว จะเข้าใจได้ในทันที ว่าผู้กำกับต้องการจะเชื่อมโยงหนังเรื่องนี้เข้ากับประเด็นเรื่องการก่อจราจลในฝรั่งเศส โดยกลุ่มวัยรุ่นชาวมุสลิม เมื่อปี 2005 (
http://en.wikipedia.org/wiki/2005_civil_unrest_in_France) และ 2007 (http://en.wikipedia.org/wiki/2007_civil_unrest_in_France) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวฝรั่งเศสทั้งประเทศรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจในอนาคตของประเทศตนเอง







3. ชื่อเรื่องเติม s


 Frontiere (s) หมายถึงอะไร และทำไมต้องเติมวงเล็บ s เข้าไปด้วย?
 คำว่า Frontiere ถูกใช้ในหลายความหมาย
 3.1 หมายถึงชายแดน สุดเขตแดนของประเทศ ซึ่งก็คือบริเวณที่เหล่าตัวเอกของเรื่องกำลังจะเดินทางไป บริเวณชายแดนคือบริเวณที่อยู่เกือบสิ้นสุดขอบเขตของประเทศ เป็นบริเวณที่กลไกของรัฐทำงานไปไม่ถึง ความเป็นเมือง ความศิวิไลซ์ ไม่เท่ากับศูนย์กลางของประเทศ หนังกำลังจะเผยให้เห็นว่า ที่สุดขอบเขตแดนของกลไกของรัญและความศิวิไลซ์นั้น มันอันตรายแค่ไหน
 3.2 หมายถึงขอบเขตของความเป็นมนุษย์ เมื่อมนุษย์เป็นฝ่ายกระทำสิ่งเลวร้าย ลงมือทำร้ายผู้อื่น ฆ่าแกงกัน ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หนังกำลังจะเผยให้เห็นว่า ณ บริเวณขอบเขตของความเป็นมนุษย์นั้น มนุษย์สามารถกระทำสิ่งเลวร้ายได้ถึงขั้นไหน
 3.2 หมายถึงขอบเขตของการมีชีวิตอยู่ เมื่อมนุษย์ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ ถูกข่มเหง ทารุณกรรม ณ บริเวณที่ขอบเขตของการมีชีวิตนั้น มนุษย์จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างไร และจะทำอย่างไร
 ผมคิดว่า Frontiere (s) กำลังลงมือสำรวจขอบเขตของหลายๆ สิ่งๆ หลายๆ อย่าง อันได้แก่ขอบเขตของอำนาจรัฐของประเทศฝรั่งเศส ของกลุ่มพระเอกนางเอก และของครอบครัวฆาตกร




4. วัฒนธรรมวัยรุ่น


 หลังจากฉากไตเติ้ลเรื่องที่เผยให้เห็นสภาพแวดล้อมและสถานการณ์โดยรวมแล้ว หนังก็เข้าสู่ช่วงของการแนะนำตัวละครเอกทีละคน พวกเขาทุกคนเป็นวัยรุ่นมุสลิมฝรั่งเศส
 ก่อนอื่นต้องอธิบายปูมหลังก่อนเล็กน้อย ว่าชาวมุสลิมฝรั่งเศสถือเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อพยพจากประเทศอัลจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ อยู่ระหว่างทวีปยุโรปกับเอเชีย มาอยู่ในฝรั่งเศสตั้งแต่สมัยล่าอาณานิคม จนถึงปัจจุบัน พวกเขาถือเป็นชาวฝรั่งเศสแล้ว แต่ก็ยังมีสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมค่อนข้างแย่ ใช้ชีวิตอยู่ในสลัม ยากจน ไร้การศึกษา และมักจะถูกตำรวจกดขี่ข่มเหงเป็นประจำ เพราะถูกสร้างภาพเหมารวมว่าเป็นพวกอาชญากร สภาพคล้ายๆ กับคนผิวดำในอเมริกานั่นแหละ ภาพของมุสลิมฝรั่งเศสนี้ถูกนำเสนอในหนังหลายเรื่อง เช่นหนังบู๊เรื่อง B13 และหนังของ ไมเคิล เฮเนเก้ เรื่อง Hidden
 การกดขี่ข่มเหงชาวมุสลิมในฝรั่งเศส เห็นชัดจากเหตุการณ์ที่ ซีเนดีน ซีดาน ทะเลาะกับ มาเตรัซซี่ ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างฝรั่งเศสกับอิตาลีนั่นแหละ ซีดานแสดงให้เห็นว่าชาวมุสลิมฝรั่งเศสมีความรู้สึกอ่อนไหวกับการเหยียดผิวและเชื้อชาติอย่างมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
 ปัญหาเรื่องเชื้อชาติและศาสนา เมื่อถูกผสมปนเปเข้ากับวัฒนธรรมวัยรุ่น ทำให้ปัญหาความรุนแรงในฝรั่งเศสทวีความรุนแรงมากขึ้น จากในเรื่อง เราจะได้เห็นว่ากลุ่มตัวละครเอก ประกอบด้วยพระเอก นางเอก พี่ชายนางเอก และเพื่อนอีก 2 คน พวกเขาฉวยโอกาสที่กำลังเกิดเหตุจราจลทั่วประเทศ ไปก่อคดีปล้นอะไรสักอย่างมา และตอนนี้ก็ถูกตำรวจไล่ล่า
 สิ่งที่น่าสังเกตในฉากนี้คือ
 4.1 เมื่อตำรวจไล่กวดมาจนเกือบจะจับได้แล้ว ตำรวจเล็งปืนมาและออกคำสั่งให้ยอมมอบตัว ตำรวจได้บังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน ตามระเบียบวิธี และถือเป็นผู้ดำเนินกลไกของรัฐ แต่พระเอกขัดขืน ลงมือทำร้ายตำรวจ แย่งปืนมาแล้วเล็งกลับไปที่ตำรวจ ถือเป็นการต่อต้านอำนาจของรัฐ ไม่ทำตามกฎหมาย และมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การเป็นอนาธิปไตย
 4.2 พวกพระเอกเป็นมุสลิม แต่มีแฟชั่นเหมือนวัฒนธรรมวัยรุ่นทั่วโลก คือตัดผมสกินเฮด ใส่เสื้อมีฮู้ด ทำไฮไลท์สีผม แต่ละคนเหมือนถอดแบบออกมาจากนักร้องแนวพังค์หรือแนวแร็พ สะท้อนให้เห็นว่าสภาพอนาธิปไตยที่วัยรุ่นพวกนี้กำลังทำอยู่ จริงๆ แล้วเกิดจากปัญหาเรื่องศาสนาหรอก แต่เป็นเพราะวัฒนธรรมวัยรุ่นต่างหาก ทั้งเรื่องอาชญากรรม การใช้ความรุนแรง การก่อจราจล







5. เกิด-ตาย
 
 ถึงแม้จะหนีตำรวจมาได้ แต่พี่ชายของนางเอกก็ถูกตำรวจยิงบาดเจ็บสาหัส คนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากรับผิดชอบผู้บาดเจ็บ อยากจะรีบหนีไป มีเพียงแค่นางเอกที่จะพาพี่ชายไปเข้าโรงพยาบาล
 ในขณะที่นางเอกยืนยันว่าจะไปทำแท้งแน่นอน เธอกลับจะเสี่ยงชีวิตพาพี่ชายไปโรงพยาบาล ซึ่งแสดงให้เห็นความขัดแย้งระหว่างการเกิดและการตายอย่างชัดเจน  
 เมื่อพาพี่ชายมาถึงโรงพยาบาลได้สำเร็จ ด้วยลมหายใจสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ พี่ชายบอกให้นางเอกเก็บลูกเอาไว้ อย่าไปทำแท้ง นี่ก็แสดงให้เห็นความขัดแย้งนี้อีกเช่นกัน
 ฉากนี้แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่มีต่อคุณค่าของชีวิต ในขณะที่ยังเป็นวัยรุ่น ก็ใช้ชีวิตไปอย่างประมาท มองไม่เห็นคุณค่าของชีวิต มองเห็นแค่ว่าชีวิตนี้สุขยากเหลือเกิน เป็นทุกข์ง่ายเหลือเกิน จึงพยายามหลีกเลี่ยงความทุกข์ ด้วยการหนีโลก และการทำแท้ง ในขณะที่อีกคนหนึ่ง ซึ่งกำลังใกล้ตาย กลับรู้สึกว่าชีวิตนี้มีคุณค่าอย่างมาก เขาเสียดาย ไม่อยากตาย และไม่อยากให้มีใครทำร้ายชีวิตใคร
 ผมคิดว่าเมื่อชีวิตเดินทางมาถึงสุดขอบของการมีชีวิตอยู่ เมื่อนั้นจะทำให้มุมมองต่อชีวิตของคนเราเปลี่ยนแปลงไป





6. ทางเลือก


 หลังจากนี้ไป หนังก็ดำเนินไปตามสูตรหนังโหดแหวะ คือตัวละครเอกกลุ่มหนึ่งเดินทางไกล ออกไปเจอทางแยก แล้วก็ตัดสินเลือกเลี้ยวไปผิดทาง




7. ประธานาธิบดี


 รถของกลุ่มเพื่อนเดินทางมาถึงโรงแรมมหาโหดก่อน ก็เลยเข้าเช็คอิน
 ฉากนี้พวกเขากำลังนอนดูทีวี มีข่าวเหตุการณ์จราจลกันภายในเมืองปารีสที่พวกเขาเพิ่งหนีออกมา และมีข่าวรายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรก ผลออกมาว่าผู้สมัครจากพรรคฝ่ายขวากำลังมีคะแนนนำ
 ผู้กำกับต้องการจะสื่อถึง นิโคลา ซาร์โกซี ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของประเทศฝรั่งเศส ในปีที่หนังออกฉาย เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน โดยเอาชนะการเลือกตั้งมาจาก แซงเกอรีน ลอแยล ผู้สมัครที่เป็นผู้หญิงและมาจากพรรคฝ่ายซ้าย นักวิเคราะห์การเมืองบางคนมองว่าซาร์โกซีเป็นพวกขวาจัด และมีแนวโน้มที่จะใช้อำนาจมากขึ้น ประชาชนที่เป็นฝ่ายซ้าย โดยเฉพาะพวกชนกลุ่มน้อยในฝรั่งเศสจะต้องไม่พอใจผลการเลือกตั้งนี้แน่ๆ ทุกคนหวาดหวั่นว่าสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสจะเปราะบางมากขึ้น และอาจจะเกิดเหตุการณ์จราจลได้ทุกเมื่อ แล้วในที่สุดก็เกิดขึ้นจริงๆ ในปี 2007 หลังจากที่ซาร์โกซีได้รับเลือกตั้งมาไม่นาน วัยรุ่นมุสลิมก่อจราจลอีกครั้ง จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตระดับโลก




8. ตำรวจ


 ฆาตกรโหดเริ่มลงมือแล้ว โดยบุกเข้ามาในห้องของเพื่อนพระเอก ฆาตกรคนนี้ใส่ชุดตำรวจ หนังต้องการจะสื่อถึงการใช้อำนาจตามอำเภอใจ และใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุของตำรวจฝรั่งเศส ที่มักจะลงมือกระทำกับชนกลุ่มน้อยในประเทศ
 จุดเริ่มต้นของการจราจลในประเทศฝรั่งเศสโดยกลุ่มวัยรุ่นมุสลิม ทั้ง 2 ครั้ง คือปี 2005 และ 2007 ก็เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่แบบไม่เป็นธรรมของตำรวจ โดยลงมือฆ่าวัยรุ่นต้องสงสัยในคดีต่างๆ ตายไป 2 คน ข่าวการตายก็แพร่สะพัดออกไป ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจ และก็เลยลุกฮือกันขึ้นมาเผาบ้านเผาเมือง






...



โปรดติดตามตอนต่อไป


ตอนต่อไปนี้มีแต่ภาพโหดๆ แหวะๆ สะใจคอหนังซาดิสม์แน่นอน



 

ดูหนังเป็นตุเป็นตะ - Frontiere (s) 2

 

ตอนที่ 2


...


 


9. ทารก (2)


 ตามสูตรหนังโหดแหวะ เมื่อฆาตกรโหดเริ่มลงมือ พวกเหยื่อก็วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง (ช่วงนี้เหมือนหนังปอบไทยเลยแฮะ)  แต่ฉากการพยายามหนีเพื่อเอาชีวิตรอดของตัวละครแต่ละคน ในหนัง Frontiere (s) มีความน่าสนใจ ตรงที่มันมีลักษณะเหมือนเด็กทารกในมดลูก กำลังพยายามดิ้นรนออกมาจากช่องคลอดของแม่ เหมือนกับภาพในฉากเปิดเรื่องในข้อ 1
 แสดงให้เห็นว่าเมื่อชีวิตเข้าสู่ช่วงเวลาวิกฤตความเป็นความตายที่สุด ตัวละครทุกตัวเหมือนกับย้อนกลับไปเป็นทารกในครรภ์ คือหมดทางช่วยตัวเอง ไร้ความสามารถ อ่อนแอ และรอเพียงความเมตตาปราณีจากแม่ ว่าจะรักษาไว้ชีวิตเขาหรือเปล่า


 9.1 คนนี้กำลังมุดอยู่ในอุโมงค์แคบๆ เมื่อกล้องถอยห่างออกมา เผยให้เห็นอุโมงค์เป็นรูปวงกลมๆ รีๆ เหมือนมดลูก โดยตัวละครกำลังคดตัวเหมือนทารกนอนอยู่ในมดลูก



 9.2 คนนี้หนีเข้าไปแอบอยู่ในห้องอบไอน้ำ กรอบหน้าต่างเป็นวงกลมอีกเช่นกัน ฆาตกรรีบวิ่งเข้ามาล็อคประตู แล้วเปิดวาล์วไอน้ำ



 9.3 นางเอกพยายามหนีออกจากกรงหมู ด้วยการขุดพื้นดินลื่นๆ เละๆ เลอะเทอะเปรอะเปื้อน เหมือนกับกำลังจมอยู่ในน้ำเมือกหรือน้ำคร่ำในครรภ์




10. นาซี


 ตัวพ่อของครอบครัวมหาโหดเปิดตัวออกมา พร้อมกับภาพถ่ายอดอร์ฟ ฮิตเลอร์ ที่แขวนอยู่บนฝาผนังบ้าน
 หนังเรื่องนี้วางให้ครอบครัวมหาโหดเป็นพวกนาซีหลงยุค โดยอธิบายว่าตัวพ่อเป็นนายทหารนาซีที่หนีมาได้ และแอบมาอาศัยอยู่แถวชายแดนประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติใหม่ๆ โดยตัวพ่อสร้างครอบครัวและเตรียมจะฟื้นฟูลัทธินาซี คือการรักษาเผ่าพันธุ์ที่บริสุทธิ์และเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่น ถือเป็นความชาญฉลาดและแยบยลของผู้กำกับเรื่องนี้ ที่นำลัทธินาซีมาใช้ในเนื้อเรื่อง เพราะลัทธินาซีสามารถใช้สื่อความหมายได้ดังต่อไปนี้
 10.1 ลักษณะเผด็จการฟาสซิสต์ เป็นคู่ตรงข้ามกับอนาธิปไตย
 10.2 ความคิดเรื่องเผ่าพันธุ์อารยันที่บริสุทธิ์ เป็นคู่ตรงข้ามกับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในฝรั่งเศส
 10.3 พวกซ้ายจัดในฝรั่งเศสชอบกล่าวหารัฐบาลของซาร์โกซี ว่าขวาจัดและเหมือนเป็นพวกนาซีใหม่
 ตัวพ่อนาซี จึงเปรียบเป็น นิโคลา ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
 ครอบครัวนาซีมหาโหด จึงเปรียบเป็นรัฐบาลฝรั่งเศสและตำรวจ
 ภาพความทารุณโหดร้ายที่เห็นในหนัง จึงเปรียบเป็นสภาพการกดขี่ชนกลุ่มน้อยมุสลิมในฝรั่งเศส
 ตัวละครพระเอกนางเอกและเพื่อนๆ จึงเปรียบเป็นเหมือนชาวยิวที่กำลังถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ มีอยู่ฉากหนึ่ง ซึ่งเป็นฉากบนโต๊ะอาหารเย็น ฆาตกรโหดยื่นจานอาหารให้เพื่อนพระเอก เพื่อนพระเอกถามว่าเป็นเนื้อหมูรึเปล่า ฆาตกรก็ถามกลับว่าแกเป็นยิวเหรอ เพื่อนพระเอกบอกว่าเปล่า เราเป็นมุสลิม
 การพยายามหนีและต่อสู้ของพวกพระเอก จึงเปรียบเหมือนการก่อจราจลและการสร้างอนาธิปไตยในฝรั่งเศส





11. การทำแท้ง


 อย่างไรก็ตาม พวกพระเอกสู้ไม่ได้หรอก ถึงแม้จะสู้แบบสุดชีวิตแล้ว แต่พวกเขาถูกฆ่าตายอย่างทารุณโหดเหี้ยมทีละคน โดยฉากการตายนั้น ถูกนำเสนออย่างจงใจ ให้มีลักษณะเหมือนการคลอดและการทำแท้ง


 11.1 คนนี้พยายามมุดอุโมงค์แคบๆ เมื่อโผล่หัวออกมาจากปลายอุโมงค์ได้ นึกว่าจะรอดแล้ว แต่ก็ถูกฆ้อนทุบหัวโดยไม่รู้ตัว




 11.2 คนนี้ดิ้นรนอยู่ในห้องอบไอน้ำ เอามือทุบกระจกจนเหวอะหวะไปหมด เมื่อหลุดออกมาจากห้องอบไอน้ำได้ ในสภาพพุพองทั้งตัว แล้วก็โดยปืนลูกซองยิงหัว




 11.3 คนนี้พระเอก (จริงๆ ก็ไม่ใช่พระเอกอะไรหรอก แค่เขาเป็นแฟนกับนางเอกเท่านั้นเอง) เขาออกแรงดึงโซ่ล่ามคอของนางเอกจนขาดได้ และสั่งให้นางเอกวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด และเขาเองก็พยายามดึงโซ่ล่ามคอของเขาสุดแรงเกิด แต่ก็ไม่เป็นผล ฉากการตายของเขา ถูกทำให้เหมือนกับฉากที่เขาต่อสู้กับตำรวจในตอนต้นเรื่อง แต่ตอนนี้มันสลับข้างกัน เขาถูกปืนจ่อและยิงกลางหัว




 ฉากนี้แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวต่อความตาย และการดิ้นเราเอาชีวิตรอดอย่างถึงที่สุด มีเพียงนางเอกคนเดียว ที่ดูเหมือนจะเบลอๆ เอ๋อๆ ตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เหมือนคนไม่ต่อสู้ชีวิต ซึ่งก็สอดคล้องกับความคิดของเธอที่กำลังจะไปทำแท้ง เพราะกลัวลูกเกิดมาจะลำบาก



12. การเกิด


 คนที่ยังรอดชีวิตอยู่ตอนนี้เหลือเพียงแค่นางเอกคนเดียว ถูกจับตัวไปแขวนแล้วเอาน้ำฉีดเพื่อทำความสะอาด แล้วนำตัวไปกักขังไว้
 ฉากนี้คล้ายกับเด็กทารกแรกเกิด ที่หมอทำคลอดจะนำมาแขวนแล้วตีก้นให้ร้องไห้ แล้วก็เอาน้ำและผ้ามาทำความสะอาดเนื้อตัว หลังจากนั้นก็นำไปเข้าตู้อบเพื่อประคบประหงม
 ครอบครัวโหดปล่อยให้นางเอกรอดได้เพียงคนเดียว นางเอกได้รับชีวิตใหม่ เหมือนได้เกิดใหม่ จุดประสงค์ก็เพื่อใช้เป็นแม่พันธุ์ให้กับครอบครัวนี้ต่อไป




13. Conciousness Raising


 ฉากการเรียนรู้ของตัวละคร ที่ทำออกมาแบบค่อนข้างจะ Cliche คือเมื่อตัวละครหญิงจะเรียนรู้อะไร เธอจะต้องโดนตัดผมให้สั้นเกรียน ฉากแบบนี้เห็นได้บ่อยๆ ในหนังที่มีตัวเอกเป็นเพศหญิง และต้องผ่านความยากลำบากแสนเข็ญ จนกระทั่งได้เรียนรู้ประเด็นหลักของหนัง ผมนึกไปถึงฉากคล้ายๆ กันนี้ใน V for Vendetta
 นางเอกได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของชีวิต ผ่านตัวละครสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวมหาโหด ที่เธอถูกจับมาตั้งแต่วัยเด็ก และถูกใช้เป็นแม่พันธุ์ให้กับครอบครัวนี้ เธอหนีไปไหนไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดฆ่าตัวตาย ลูกๆ ของเธอที่เกิดมาก็พิกลพิการ แต่เธอก็ไม่ทำแท้ง และไม่ทอดทิ้งลูกทุกคน นางเอกได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าจะลำบากอย่างไร ก็ต้องเอาชีวิตให้รอดต่อไปให้ได้ และไม่ว่าโลกจะเลวร้ายอย่างไร เด็กในท้องก็มีสิทธิ์ที่จะได้เกิดมา
 ฉากนี้ทำให้ผมนึกถึงคำพระ ของหลวงพี่ ว.วชิรเมธี ท่านสอนว่าการได้เกิดเป็นคนนั้นยากแสนยาก เปรียบเหมือนเป็นเต่าน้อยล่องลอยอยู่กลางมหาสมุทร ที่ทั้งกว้างใหญ่และทั้งลึกเกินหยั่ง บนผิวน้ำมีห่วงยางเพียงอันเดียวลอยอยู่ ลองนึกดูว่าเต่าน้อยตัวนี้จะลอยต้องขึ้นมาแล้วโผล่หัวมาตรงกับห่วงยางนี้พอดี โอกาสมันน้อยแค่ไหน นั่นแหละ โอกาสที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาสได้มีชีวิต ได้เรียนรู้ ได้ศึกษาศาสนา ปรัชญา มีโอกาสปฏิบัติธรรม รักษาศีล ภาวนา และมีโอกาสเข้าถึงพระนิพพาน แต่คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตไปแบบไม่เห็นคุณค่าของชีวิต เพราะไม่ทันนึกว่ากว่าจะได้เกิดมานั้นยากเย็นแค่ไหน เลยคิดอะไรสั้นๆ
 คือไม่อยากนำมาเปรียบเทียบกันเลย แต่หนังโหดแหวะเรื่องนี้ ก็สอนธรรมะได้เหมือนหลวงพี่จริงๆ นะ





 


14. ช่วงเอาคืน


 หลังจากนี้ไปก็เป็นช่วงจบของหนัง เมื่อนางเอกพยายามหนีและเอาคืนบ้าง แต่ละฉากนั้นสุดโหด สุดแหวะ ดูแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้เลยอ่ะ ครั่นเนื้อครั่นตัว จะอ้วกอ่ะ คร็อปภาพมาให้ดูแค่นี้ละกัน







15. การเกิดอีกครั้ง


 หลังจากกำจัดครอบครัวมหาโหดนี้ไปได้หมดแล้ว ฝนก็ตกลงมาพอดี นางเอกอ้าแขนรับน้ำฝน ร่างกายชุ่มฉ่ำ คราบเลือด คราบดิน ถูกชะล้างออกไป เหมือนเด็กทารกแรกเกิดในข้อ 12 อีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเกิดใหม่ในโลกที่ไม่มีไอ้พวกครอบครัวนาซีนั่นอีกแล้ว การเกิดคราวนี้จะปลอดโปร่ง ปลอดภัย และมองเห็นอนาคตของโลกที่ดีขึ้น สวยงามขึ้น มีความหวังมากขึ้น จากเดิมเธอคิดแบบ Dystopia ตอนนี้เป็นโลก Utopia แล้ว





16. คุณค่าของชีวิต


 นางเอกเข้าใจถึงคุณค่าของชีวิตแล้ว เข้าใจความรู้สึกอยากมีชีวิตรอดของลูกในท้องตัวเอง และเธอก็ไม่คิดที่จะทำแท้งอีกต่อไป




17. มอบตัว


 ฉากจบนี้น่าสนใจมาก นางเอกขับรถหนีออกมา แล้วเจอด่านตรวจของตำรวจฝรั่งเศส
 จากฉากต้นเรื่องที่เต็มไปด้วยภาพการจราจล เรื่อยมาจนภาพความทารุณโหดร้ายที่นำเสนอตลอดทั้งเรื่อง มาถึงตอนจบของเรื่อง กลายเป็นบรรยากาศของความสงบนิ่ง
 จากต้นเรื่องถึงท้ายเรื่อง มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวละครนางเอกอย่างมาก จากวัยรุ่นมุสลิมฝรั่งเศส ที่ฝักใฝ่อนาธิปไตย ก่อจราจล ปล้นฆ่า ก่ออาชญากรรม และวางแผนว่าจะไปทำแท้ง มาถึงตอนนี้เธอไม่คิดจะทำแท้ง และยอมมอบตัวให้ตำรวจจับแต่โดยดี
 หลายคนดูหนังเรื่องนี้ แล้วเข้าใจว่าผู้กำกับ Xavier Gens ต้องการจะด่ารัฐบาลฝรั่งเศสและซาร์โกซี แต่จริงๆ แล้ว ผมคิดว่าผู้กำกับเขาต้องการจะด่าทุกฝ่ายในฝรั่งเศสตอนนี้ เขาเปรียบรัฐบาลว่าเป็นนาซี ในขณะเดียวกัน เขาก็ประนามการก่อจราจลของกลุ่มวัยรุ่นมุสลิม
 โดยเขาได้นำพาผู้ชมให้ไปถึงสุดขอบ (หรือ Frontiere) ของความรุนแรง โหดร้าย ความเป็นความตาย โดยผ่านสายตาของนางเอก เพื่อจะบอกให้รู้ว่าความเลวร้ายของมนุษย์นั้นน่ากลัวแค่ไหน และมันมีอยู่จริง ทั้งนาซี ฮิตเลอร์ การกินคน ฯลฯ เพียงแต่ว่าโลกของเราทุกวันนี้ มันไม่ได้เป็นไปถึงขนาดนั้น แล้วพวกคุณจะก่อจราจลกันไปทำไม จะไปทำแท้งทำไม
 ดังนั้นก็ขอให้ทุกฝ่ายที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ในเวลานี้ ให้หยุดความรุนแรง และหยุดทำร้ายประเทศไทย (เอ๊ะ! ยังไง ... เอ๊ย! ไม่ใช่) 





...


 



 


...


 


 

Friday, May 08, 2009

ดูหนังเป็นตุเป็นตะ - Little Miss Sunshine จบ

ตอนจบ



...


 



24. ไม่เห็นจะต้องแข่งกันเลย


 หลังจากผ่านพ้นช่วงการสรุปประเด็นหลักของหนังแล้ว ก็เข้าสู่ช่วงตอนจบ ซึ่งเป็นช่วงไคลแมกซ์
 ตอนนี้ผู้ชมทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอดู ว่าครอบครัวฮูเวอร์จะทำอย่างไรต่อไป จะตัดสินใจเรื่องการประกวดของโอลีฟอย่างไร จะเดินหน้าหรือจะหยุด แฟรงค์และดเวย์นรีบวิ่งกลับเข้ามาในโรงแรม ตรงไปที่ห้องเตรียมตัว เพื่อบอกให้แม่หยุดส่งโอลีฟขึ้นไปประกวดในช่วงสุดท้าย คือการประกวดความสามารถพิเศษ แม่ลังเล คิดไม่ตก ว่าจะทำอย่างไร ได้แต่ถามความสมัครใจของโอลีฟ ว่ายังอยากขึ้นไปแสดงหรือเปล่า
 ผมรู้สึกประทับใจตรงที่แม่บอกว่า ไม่ว่าโอลีฟจะขึ้นไปประกวดหรือไม่ขึ้นไปก็ตาม โอลีฟก็ยังเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัวเหมือนเดิม แล้วสุดท้ายโอลีฟก็ตัดสินใจเดินหน้าประกวดต่อไป




25. การแข่งขันพรากเราแยกจากกัน


 ย้อนกลับไปพิจารณาตอนต้นเรื่องอีกครั้ง (ในหัวข้อ 1 - 6) ในช่วงก่อนที่สมาชิกในครอบครัวฮูเวอร์ทุกคนจะได้ออกเดินทางร่วมกัน ชีวิตของพวกเขาแยกห่างออกจากกัน อยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่ใกล้ชิดกัน เอาแต่ปิดตัวอยู่ในห้อง จมอยู่กับความทุกข์ และหมกมุ่นเคร่งเครียดอยู่กับการแข่งขันในโลกภายนอก
 และสิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้นกับโอลีฟ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ
 ฉากนี้เราจะได้เห็นภาพจากมุมมองของโอลีฟ เธอถูกผู้จัดการประกวดพาตัวไปขึ้นเวที โดยมีพ่อแม่และพี่ชายของเธอยืนให้กำลังใจอยู่ พวกเขาดูห่างไกลออกไปทุกทีๆ ภาพนี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกสะเทือนใจ ว่าโลกที่หมกมุ่นอยู่กับการแข่งขันอย่างในปัจจุบันนี้ มันได้พรากพวกเราออกจากกัน ให้ห่างไกลกันออกไปทุกที




26. Kick ass


 ในที่สุด โอลีฟก็ขึ้นบนเวทีประกวดรอบสุดท้าย รอบแสดงความสามารถพิเศษ


 ปรากฏว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ปู่ได้ทิ้งไว้ให้กับครอบครัวฮูเวอร์ และโอลีฟหลานรัก ก็คือการออกแบบการแสดงโชว์ชุดนี้นี่เอง ผู้กำกับหนังได้อุบไต๋ เก็บงำรายละเอียดของการแสดงโชว์นี้ไว้ตลอดทั้งเรื่อง และผู้ชมแทบจะไม่ทันนึกเลยว่าโอลีฟจะแสดงอะไร



 ปู่สอนโชว์นี้ให้กับโอลีฟ และบอกว่ามันจะเป็นโชว์ที่ Kick ass ทุกคน



 โอลีฟเริ่มเต้นแบบ Striptease หรือระบำเปลื้องผ้าปลุกใจเสือป่า



 ชอบประกวดกันนักใช่ไหม? นี่! เอาตูดไป



 สังคมที่ชอบจับเด็กมาแต่งหน้าทาปาก แล้วเอามาประกวดประขันกัน มันต้องเจอตบหน้าด้วย Striptease แบบนี้




27. รับไม่ได้??




28. คุณค่าของครอบครัว


 ท้ายที่สุด สมาชิกในครอบครัวฮูเวอร์ก็วิ่งขึ้นไปเต้นเป็นเพื่อนโอลีฟ




29. Pedophilia


 คนเดียวในสถานที่ประกวด Little Miss Sunshine ที่ชอบการแสดงของโอลีฟ คือผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนพวกโรคจิตข่มขืนเด็ก Pedophilia
 ภาพนี้ทั้งตลก ทั้งน่าสังเวชใจ สังคมป่วย ก็สร้างคนป่วยๆ แบบนี้ออกมา
 ผมนึกไปถึงรายการประกวดร้องเพลงของเด็กที่มักจะเห็นในทีวี ว่าชอบให้เด็กผู้หญิงออกมาร้องเพลงลูกทุ่งของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่มีเนื้อหาสองแง่สองง่าม แล้วแต่งตัวโป๊ๆ เต้นยั่วยวนเหมือนหางเครื่อง
 "ระดับคุณธรรมของสังคม วัดได้จากสิ่งที่สังคมนั้นกระทำกับเด็ก" ดีทริช บอนฮอฟเฟอร์
 "The test of the morality of a society is what it does for its children." Dietrich Bonhoeffer




30. การเข็นรถครั้งสุดท้าย


 ผู้จัดการประกวด Little Miss Sunshine แจ้งตำรวจจับครอบครัวฮูเวอร์ และขู่ว่าจะไม่เอาเรื่องก็ได้ แต่ครอบครัวฮูเวอร์จะต้องสัญญาว่าจะไม่ส่งใครเข้าประกวด Little Miss Sunshine อีกตลอดไป ขู่ราวกับว่าทุกคนบนโลกจะต้องอยากเข้าประกวดรายการนี้ให้ได้
 ซึ่งเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ผมว่าหนังเรื่อง Little Miss Sunshine ได้ทำลายการประกวด Little Miss Sunshine ไปเรียบร้อยแล้ว
 ฉากจบของหนังให้ความรู้สึกอบอุ่น ปลอบประโลมใจ เมื่อได้เห็นครอบครัวฮูเวอร์ช่วยกันเข็นรถตู้เป็นครั้งสุดท้าย ฉากนี้ทำให้ผมร้องไห้เป็นเผาเต่าเลย หนังตลกเรื่องนี้ทำให้ผู้ชมร้องไห้และหัวเราะได้ในเวลาเดียวกัน เหนือชั้นจริงๆ



 


จบแล้ว ทำไมวันนี้อากาศมันร้อนแบบนี้ฟะ???



 


...