Sunday, February 18, 2007

ความพ่ายแพ้

...

คุณชอบเล่นกับแมวไหมครับ? ตอนเด็กๆ สมัยยังอยู่ที่บ้านเก่า บ้านผมเลี้ยงแมวเอาไว้ให้มันช่วยจับหนูในครัว เลี้ยงเอาไว้หลายต่อหลายรุ่น พอรุ่นหนึ่งตายไป อีกสักพักก็หาแมวตัวใหม่มาเลี้ยงแทน เป็นการเลี้ยงดูแบบตามมีตามเกิดนะครับ ไม่ใช่เลี้ยงแบบหรูหราอย่างแฟชั่นการเลี้ยงสัตว์ในทุกวันนี้ คือที่บ้านเรามีอาหารอะไรเหลือก็เทๆ ให้มันกิน ไม่ได้ให้มันกินอาหารสัตว์สำเร็จรูปอะไรหรอก ระหว่างวันก็ปล่อยให้มันเดินเพ่นพ่านไปไหนมาไหนตามสบาย ขอแค่อย่ามาขี้เยี่ยวในบริเวณบ้านก็พอ นอกจากนี้ ก็ไม่มีการอาบน้ำหรือตัดขนตัดเล็บอะไรทั้งนั้น ทุกเย็นหลังจากเลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน ผมชอบมานั่งเล่นกับแมว หยิบหมูหยองมาโรยให้มันกินบ้าง เกาคอเกาพุงให้มันบ้าง ผมไม่รู้ว่าทำไม แมวทุกตัวจึงล้วนมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกัน อย่างเช่น เวลาจะเรียกมันกินอะไร เราจะร้องเรียก "เมี้ยวๆๆๆๆ" หรือทำปากจุ๊ๆ มันจะตาโต หูผึ่ง แล้วรีบวิ่งเข้ามาหาเราทันที หรือพอเราเริ่มต้นเกาคอเกาพุงให้กับมัน มันก็จะยืดคอ นอนหงาย บิดไปบิดมา ราวกับกำลังมีความสุขสุดยอด ยอมพ่ายแพ้ศิโรราบให้กับเราทุกครั้งไป

ยังมีเกมอีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบเล่นกับแมว คือเอาปลายเชือกฟางมาแกว่งไปแกว่งมา เพื่อล่อให้มันวิ่งตามตะปบ นี่ถือเป็นเกมที่ง่ายมากและสนุกมากๆ ด้วย เพราะแมวทุกตัว (ทุกตัวจริงๆ นะ) จะต้องพ่ายแพ้ให้กับความเย้ายวนของปลายเชือกฟาง ที่กำลังแกว่งๆ กระดุกกระดิก โดยเริ่มแรกมันจะหันมามองที่ปลายเชือกตาเป็นมัน หัวหูตั้งชัน จับจ้องอยู่สักพัก มันจะค่อยๆ ย่อตัวช้าๆ แล้วอีกอึดใจต่อมา มันจะพุ่งพรวดเข้าตะปบใส่ปลายเชือก ราวกับกระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืน ทันทีที่ผมเห็นมันพุ่งเข้ามาตะปบ ผมก็รีบจะกระดกปลายเชือกหนีมันไปมา บางครั้งก็วิ่งลากปลายเชือกให้เรี่ยดินไปเป็นระยะทางไกลๆ แมวก็จะวิ่งตามตะปบปลายเชือก อย่างเอาจริงเอาจัง เอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว มีบางครั้งที่แมวไวกว่าและผมกระดกปลายเชือกหนีไม่ทัน มันก็จะตะปบปลายเชือกนั้นไว้ด้วยกรงเล็บ แล้วดึงเอาไปกัดแทะอย่างเมามันในอารมณ์ มันจะแทะอยู่อย่างนั้นสักพัก จนพอรู้ว่าเป็นแค่ปลายเชือก กินเข้าไปไม่ได้ มันก็จะปล่อยปลายเชือกนั้นทิ้ง ไม่สนใจใยดีอีกต่อไป

แต่ความสนุกของเกมนี้ ยังไม่ได้หมดหรอกนะ คือรออีกแค่อึดใจต่อมา กินเวลาไม่เกินนาที พอผมดึงเอาปลายเชือกนั้นกลับคืนมาได้ แล้วเอามาแกว่งไปแกว่งมาอีกครั้ง แมวก็จะเริ่มหันมาสนใจอีกครั้ง แล้วทุกอย่างก็กลับวนเข้าสู่วงจรเดิม มันจะมองปลายเชือกตาเป็นมัน หัวหูตั้งชัน ย่อตัวลงช้าๆ แล้วพุ่งเข้าตะปบอย่างเมามัน วนเวียนแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย ราวกับว่ามันได้ลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อนาทีก่อน ว่ามันก็เพิ่งตะปบปลายเชือกนี้ได้ไป แต่ปลายเชือกนี้กินไม่ได้ และเปล่าประโยชน์ที่จะมาวิ่งไล่ตาม ผมคิดว่าแมวเป็นสัตว์โลกประเภทที่ไม่มีความทรงจำระยะสั้น มันจึงไม่สามารถเรียนรู้อะไร การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของมัน ล้วนดำเนินไปตามสัญชาติญาณ ในเมื่อมันเกิดมาเป็นญาติกับเสือ เกิดมาเพื่อเป็นนักล่า สัญชาติญาณนักล่าจึงกำหนดให้มันตื่นเต้น ตื่นตัว กับสิ่งของเคลื่อนไหวได้ ที่มีโอกาสจะเอามาเป็นอาหาร ชีวิตของมันจึงต้องวนเวียนอยู่กับเกมปลายเชือกฟาง วนเวียนอยู่ในวงจรแห่งความพ่ายแพ้ ให้กับความเย้ายวนของปลายเชือก

เรื่องแมวกับปลายเชือกนี้ ผมนึกขึ้นมาได้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่ได้ไปปาร์ตี้กินเหล้ากันที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง เขาเลี้ยงแมวไว้เหมือนกัน และเขาก็เอาปลายเชือกมานั่งเล่นกับแมวแบบเดียวกันนี้ ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งกินเหล้าและนั่งคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรื่องชีวิตบ้าง ความรักบ้าง การงานบ้าง ฯลฯ เราต่างแบ่งปันเรื่องราว และต่างรับฟังซึ่งกันและกัน บางคนกำลังมีปัญหากับชีวิต บางคนกำลังมีปัญหาความรัก บางคนกำลังมีปัญหาเรื่องงาน ผมเลยนึกสงสัยขึ้นมาว่า บางทีคนเราก็อาจจะเป็นเหมือนกับแมว คือเราอาจจะสัญชาติญาณหรือธรรมชาติอะไรบางอย่าง ที่คอยกำหนดให้เราต้องวนเวียนอยู่ในวงจรแห่งความพ่ายแพ้ แน่นอนว่าเราไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับความเย้ายวนของปลายเชือกเหมือนกับแมว แต่เราอาจจะพ่ายแพ้ให้กับอะไรบางอย่าง ที่ซับซ้อนกว่านั้น ยุ่งเหยิงกว่านั้น และความพ่ายแพ้นี้ก็จะทำให้ชีวิตของเราวนเวียนอยู่กับวงจรแห่งความสุขและความทุกข์เดิมๆ ปัญหาเดิมๆ ชีวิต ความรัก การงาน ฯลฯ อย่างที่เราไม่สามารถหลุดพ้นไปได้

ผมเลยพยายามกลับมานั่งนึกดู ว่าอะไรคือปลายเชือกฟางสำหรับผม อะไรคือสิ่งที่ไม่อาจต้านทานและความพ่ายแพ้ของผม ผมยังนึกไม่ออก คุณช่วยบอกผมที ถ้าคุณรู้

...

7 comments:

Anonymous said...

คุณไม่รู้แล้วอิฉันจะรู้ไหมนี่

แต่สำหรับฉันคงเป็นกิเลสล่ะมั้ง
บางทีทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกคือการทำการตลาดกับกิเลสคน
แล้วแมวมันมีกิเลสบ้างมั้งนะ ถ้ามีมันคงมีแค่รูปแบบง่ายๆ
ฉันซึ่งเคยเลี้ยงแมวแบบตามมีตามเกิดเหมือนกัน
รู้แค่ว่า มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด
(ไม่รวมสัตว์ไม่เลี้ยงที่คนชอบดันทุรังมาเลี้ยงนะ)

การที่มันจะหลงสิ่งยั่วยวนได้ มันต้องคุ้นเคยกับคนๆนั้นระดับนึง
จริงๆ มันรู้นะ ว่าไม่มีอะไรหรอก แต่แค่ว่านึกอยากเล่นก็เล่น เท่านั้นแหละ
ลองเวลามันไม่มีอารมณ์ขึ้นมา ยั่วยังไงมันก็ไม่สนใจ
ต่างกับคนนะ โดนหลอก โดนยั่วได้ง่ายๆ แค่จากภาพในชีวิตประจำวัน คำโฆษณาไม่กี่คำ ภาพไม่กี่ภาพ สารพัดสิ่งเร้า แล้วส่วนใหญ่ก็ไม่เคยรู้ตัวหรอก

แค่เวลาเดินเข้า 7-11 ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย
มีกี่อย่างในนั้นที่จำเป็นต่อชีวิต แล้วกี่อย่างที่ไม่จำเป็น
แต่กี่อย่างที่ถูกกำหนดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ทั้งที่ความจริงมันมีสินค้าฟุ่มเฟือยล้นโลกไปหมด

ทั้งฉันทั้งคุณทั้งคนอื่นๆ ล้วนตกเป็นเหยื่อการตลาดกิเลสทั้งนั้นแหละ

Anonymous said...

แพ้ผู้หญิงผอมๆ ยิ่งถ้าสูง แต่งตัวดูเท่ๆ ยิ่งแพ้ใหญ่
แพ้ไอติม หรือไม่ก็เค๊กคุณภาพดีๆ แต่ราคาย่อมเยา รับได้

อาการเวลาแพ้ ก็คือ ตาเบิกโพลง พร้อมกับเสียงครางในลำคอ อื๊ม..ม..ม.. จากนั้นก็จะเปลี่ยนอาการเป็นเหลือกตาขึ้นข้างบน พร้อมกับหัวเราะแบบเจ้าเล่ห์ เหอะ ๆ ๆ ๆ แบบเดียวกับที่มักเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่น

อันนี้เท่าที่คิดเดาได้

แหม ถ้ามีรางวัลล่อเหมือนปลายเชือกแมว จะตอบเยอะกว่านี้นะเนี่ย (สงสัยจะเป็นอาการพ่ายแพ้ต่อคำถามท้าทายความสามารถในการเดาใจ)

Anonymous said...

แน่ใจนะ ว่านึกไม่ออก

Anonymous said...

ข้างบน กวนตีนเล่น 555

แต่ให้ตอบแบบซีเรียส แล้วล่ะก็
อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้คิดถึงความเรียงเชิงปรัชญาของกามูส์
อัลเแบร์ กามูส์ เรื่องชะตากรรมของซิซีฟัส น่ะ
ิซิซีีฟัสต้องคำสาปให้ดันก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นภูเขา
เมื่อดันไปอย่างลำบากไปถึงยอดเขาได้แล้ว
ก้อนหินก้อนนั้นก็ตกลงมาให้ซิซีฟัสต้องดันมันขึ้นไปใหม่
วนเวียนไปอย่างนี้วันแล้ววันเล่า

แต่เชื่อไหมว่า ซิซีฟัส ค้นพบทางออกจากชะตากรรมอันนี้

The struggle itself toward the heights is enough to fill a man's heart. One must imagine Sisyphus happy"

Anonymous said...

“ลองหยุดมองหาหรือไขว่ขว้าสิ”
ไม่แน่อาจจะพบทางออกก็ได้น้า
;)

Anonymous said...

จากสวยนอกซอย

ปราบดา หยุ่นเคยบอกไว้ว่ากิเลศอย่างเดียวของเขาคือผู้หญิง

เราว่าผู้ชายหลาย ๆคนที่ดูอบอุ่น ลงตัวบนโลกใบนี้ต่างก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น พวกเขาไม่สนใจเงินทอง ไม่ใส่ใจชื่อเสียง แค่ต้องการความชุ่มชื่นหัวใจจากการรักคนสกคนก็เท่านั้น

แต่เราเห็นมามากแล้วนะคนที่สมัยยังหนุ่มไม่เคย "พ่ายแพ้" ต่อผู้หญิง แต่พอแก่ไป ชนะทุกอย่างในโลก แต่พ่ายแพ้ต่อรอยยิ้มและความออดอ้อนของหญิงสาว

หวังว่าคุณพี่จะไม่ไปอย่างนั้น!!!

Anonymous said...

สิ่งที่พ่ายแพ้อย่างแท้จริง เราว่าคือสิ่งที่ไม่ว่าเราเลือก หรือไม่เลือก ก็ไม่มีความสุขอยู่ดี นั่นล่ะ tragedy ของแท้เลย อย่างเช่นความเหงาเนี่ย แพ้กันตลอดดดด