Monday, July 24, 2006

ไม่มีอะไรเน่าไปกว่าหนังที่เข้าอาทิตย์ที่แล้ว

...

ผมเคยได้ยินคำคมคำหนึ่ง จากโสภณ องค์การณ์ บรรณาธิการอาวุโสของเครือเดอะเนชั่น ท่าทางเขาคงเอามาจากคำคมของฝรั่งคนไหนสักคน เขาบอกว่า "ไม่มีอะไรที่จะเน่าไปกว่าหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวานนี้" คำคมนี้บอกกับเราว่าเวลาวันหนึ่งๆ นี่มันผ่านไปเร็วสิ้นดี ทำให้สิ่งของประจำวันอย่างหนังสือพิมพ์ มีช่วงชีวิตอันแสนสั้น คุณค่าของมันดำรงอยู่แค่เพียงวันเดียว คือในวันที่ระบุอยู่บนหน้าหนึ่งนั่นแหละ เมื่อพ้นช่วงเวลาของมัน มันก็ไม่มีคุณค่าอะไรเหลือ ผมว่าสมัยนี้หนังที่เข้าฉายในโรงในแต่ละอาทิตย์ๆ ก็มีสภาพใกล้เคียงกับหนังสือพิมพ์รายวันเข้าไปทุกทีแล้ว ดูตัวอย่างจากตัวผมเอง เมื่อสามอาทิตย์ก่อน ผมตั้งหน้าตั้งตารอดู Superman Returns ต่อมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมตั้งหน้าตั้งตารอดู Pirates of the Calibbean 2 ต่อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมตั้งหน้าตั้งตารอดู Lady in the Water แล้วพอมาถึงอาทิตย์นี้ ผมกำลังตื่นเต้นรอคอยหนังเรื่อง Miami Vice อยู่เนี่ยะ และคาดว่ามันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบสิ้น หนังพวกนี้จัดลำดับเข้าฉายโรง แบบไม่มีการทับเส้นกัน เจ้าของค่ายหนังก็วางแผนการตลาดและโฆษณามาอย่างดี เขาปูพรมสื่อโฆษณาต่างๆ และทำให้คนดูหนังรู้สึกตื่นเต้นกระตือรือร้นอย่างถึงที่สุด เพื่อที่จะไปดูหนังเข้าใหม่ในแต่ละอาทิตย์ พออาทิตย์นี้ได้ดูหนังในโปรแกรมนี้เสร็จ ก็รอคอยการมาถึงของหนังโปรแกรมถัดไป ในอาทิตย์หน้า ดังนั้น การไปดูหนังในแต่ละอาทิตย์ มันไม่ใช่การไปดูหนังเรื่องนั้นๆ หรอกนะ แต่มันคือการไปเติมเต็มความต้องการที่ถูกสร้างและถูกกระตุ้นขึ้นมาในช่วงก่อนหน้านี้ และเป็นการเข้าไปรับการสร้างและกระตุ้นความต้องการใหม่ คือหนังโปรแกรมถัดไปนั่นเอง คงมีคนเป็นแบบผมเยอะเหมือนกันนะ ดูได้จากการจัดโรงฉายหนังของพวกมัลติเพล็กซ์ทั้งหลาย สังเกตสิว่าเขาจัดโรงและรอบให้กับหนังเข้าใหม่แบบเกินครึ่งของจำนวนโรงและจำนวนรอบทั้งหมด พอพ้นช่วงอาทิตย์นี้ไป เมื่อหนังโปรแกรมใหม่เข้ามา มันก็เบียดหนังที่เพิ่งเข้าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ออกไปจนเกือบไม่เหลือโรงฉาย สมัยก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้นะครับ สมัยก่อนไม่มีโรงหนังแบบมัลติเพล็กซ์ มีแต่โรงสแตนด์อะโลน แบบแมคเคนน่า สกาล่า เอเธนส์ ดังนั้นเมื่อหนังโปรแกรมหนึ่งๆ เข้าฉาย มันจะยืนโรงอยู่นาน 2 อาทิตย์ โดยฉายแช่อยู่แบบนั้น ฉายแบบรอบเต็มวัน ไม่มีการฉายสลับหลายๆ เรื่องในโรงเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะไปโรงหนังวันไหน เวลาไหน ก็จะได้ดูหนังเรื่องนี้แน่นอน สมัยนั้นเราเลยไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องตื่นเต้นกับโปรแกรมหนังใหม่ เรารู้ว่ามันฉายแช่อยู่อย่างนั้น ถ้าอาทิตย์นี้ไม่ว่าง ก็ไปดูอาทิตย์หน้าได้ ยิ่งถ้าเป็นหนังดังๆ มันจะฉายแช่ 3-4 อาทิตย์เลยก็มี ผมว่าสมัยก่อน การไปดูหนังดูเป็นกิจกรรมที่ดูมีค่า เป็นเรื่องที่เรานานๆ ไปดูที และเมื่อได้ไปดูแต่ละที ก็สนุกสนานมีความสุขเหลือเกิน ความรู้สึกประทับใจต่อหนังเรื่องหนึ่งๆ คงอยู่ในใจเราอย่างเนิ่นนาน แต่ในทุกวันนี้ หนังที่เข้าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ดูราวกับว่ามันไร้ค่าเสียแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว รอเวลาเอาไปขายลงดีวีดีและวีซีดีราคาแผ่นละร้อย รอเวลาไปฉายทางเคเบิ้ลทีวี และท้ายที่สุด ก็รอเวลามาฉายให้ดูกันฟรีๆ ที่ช่อง 7 รายการบิ๊กซีเนม่า ตลกดีเหมือนกันที่เพิ่งได้มาตระหนักรู้ ว่าชีวิตผมเป็นแบบนี้นะ กระโดดจากหนังโปรแกรมหนึ่งไปยังอีกโปรแกรมหนึ่ง โดยไม่เคยพลาด ไม่เคยรู้สึกพอ และไม่เคยคิดว่าจะหยุด เพราะความต้องการนี้รอคอยการเติมเต็มอยู่ตลอดเวลา มันไม่เคยเต็มเสียที

...

1 comment:

Anonymous said...

ผมเพิ่งถูกปฏิเสธจากค่ายหนังค่ายหนึ่งเรื่องทำสัมภาษณ์ดารานักแสดงเพราะเขาเลื่อน
โปรแกรมฉายออกไป

ประเด็น คือ ทางค่ายหนังต้องการให้สื่อรุมประโคมข่าวในวาระที่ต้องการ (เท่านั้น)

ผมจ๋อย ...
แผนการทั้งหมดในเล่มเปลี่ยนไป

ค่ายหนังเองถือเรื่องนี้เป็นความศักดิ์สิทธิ๋
เขาต้องการให้เสาร์-อาทิตย์ที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นเข้า
เป็นวาระสำคัญ (ระดับชาติ)สื่อต้องเล่นตามเกมส์

"ไม่มีอะไรเน่าไปกว่าหนังที่เข้าอาทิตย์ที่แล้ว"
"ไม่มีอะไรเน่าไปกว่าการทำพีอาร์ทำนองนี้"