Sunday, July 23, 2006

จน ... เครียด ... กินเหล้า!

...

ดูโฆษณานี้แล้วทำให้นึกถึงบ้านเก่าที่อยู่แถวบางกระบือ ตรงหน้าบ้านมีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างวินเล็กๆ ทุกเย็นพวกคนขับก็จะมาตั้งวงกินเหล้ากินเบียร์กันตรงหน้าบ้านผมทุกเย็น ป๊าก็เคยพูดให้ฟัง ว่าคนพวกนี้น่าสงสาร อย่าไปโกรธหรือไปดูถูกเขาไปกว่านี้เลย เพราะเขายิ่งจนก็ยิ่งกินเหล้า ยิ่งกินเหล้าก็ยิ่งจน ผมมานั่งนึกๆ ดู เทียบกับพวกชนชั้นกลางแบบเราๆ วันๆ ไม่เห็นจะมานั่งกินเหล้ากันแบบเอาจริงเอาจัง และเป็นประจำขนาดนี้ วันก่อนเห็นหมออุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ผู้ทำโครงการรณรงค์นี้มาออกทีวี หมอบอกว่าชนชั้นล่าง ใช้เงินกินเหล้าประมาณ 50% ของรายได้ต่อวัน นั่นหมายความว่า ถ้าเขาทำงานกันได้เงินมาสัก 200 บาทต่อวัน นั่นคือเงิน 100 บาท หมดไปกับค่าเหล้า ซึ่งผมว่ามันก็ประมาณเบียร์ 3 ขวด และกับแกล้มห่วยๆ อีกนิดหน่อยนั่นเอง พวกมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านมันชอบมาตั้งวงกินเหล้ากันตั้งแต่ห้าหกโมงเย็น กินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง เป็นไปได้ว่าน่าจะมากกว่าเบียร์คนละ 3 ขวดต่อวันด้วยซ้ำไป จนถึงวันนี้ ผมย้ายบ้านหนีวงเหล้าวินมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านมาแล้วครับ เพราะทนเสียงหนวกหูทุกคืนๆ ไม่ไหว ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไม่รู้ว่าจะสงสารตัวเองหรือสงสารพวกชนชั้นล่างขี้เหล้าพวกนี้ดี ที่จริยธรรมและคุณธรรมของผู้คนในสังคมกำลังเสื่อมทราม และผู้คนก็ขาดระเบียบวินัยอย่างรุนแรง การมีโฆษณารณรงค์เรื่องเลิกเหล้า มายิงกระหน่ำออกทีวีแทบจะทุกสิบนาทีแบบนี้ ก็น่าจะเป็นผลดีต่อสังคมเราอย่างมาก แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า การเขียนก็อปปี้ว่า "จน ... เครียด ... กินเหล้า" จะเป็นการด่วนสรุปถึงที่มาของปัญหาความยากจน ของผู้คนในสังคมนี้ ได้อย่างถูกต้องหรือเปล่า คำว่า "จน ... เครียด ... กินเหล้า" เหมือนเป็นการบอกเราว่าคนจน จนเพราะดันไปกินเหล้าเยอะเอง ถ้าอยากเลิกจน ก็ต้องเลิกเหล้า แค่นี้แหละ สั้นๆ ง่ายๆ แต่ในโลกแห่งความจริงมันเป็นแบบนี้จริงๆ หรือเปล่า ผมว่าถ้าเรามามองกันแบบซีเรียสๆ แล้ว คำว่า "จน ... เครียด ... กินเหล้า" เป็นการตัดตอนและอำพรางความซับซ้อนของกระบวนการกดขี่ ขูดรีด เอารัดเอาเปรียบในสังคมทุนนิยมในปัจจุบัน เป็นการมองและตัดสินชนชั้นล่างของสังคมแบบเหมารวมและเต็มไปด้วยอคติ คำก็อปปี้โฆษณาว่า "จน ... เครียด ... กินเหล้า" เป็นผลผลิตมาจากสังคมทุนนิยมเต็มขั้น ที่กำลังต้องการปกปิดอำพรางความฉ้อฉลของตนเอง และการดูโฆษณานี้ทุกๆ 10 นาที ก็เหมือนกับเรากำลังถูกกล่อมให้เชื่อไปตามนั้น ว่าคนจนเป็นคนไม่ดีเอง ถ้าเขากลับตัวเป็นคนดี คือเลิกดื่มเหล้า และตั้งใจทำมาหากินกว่านี้ เขาจะรวยขึ้นได้ ไม่รู้สิ เดี๋ยวนี้เวลาเดินไปไหนมาไหนในช่วงหัวค่ำ คุณสังเกตเห็นเหมือนผมไหม ว่าจะเห็นพวกชนชั้นล่างตั้งวงกินเหล้ากันระเกะระกะทั่วเมือง เวลาเดินเข้าซอยบ้านมา ก็จะเห็นเขาตั้งวงเป็นจุดๆ ตลอดทางเดิน ถ้าเป็นช่วงดึกกว่านั้นขึ้นไปอีก ประมาณสี่ถึงห้าทุ่ม ก็จะเห็นพวกชนชั้นล่างตั้งวงกินเหล้ากันตามพื้นฟุตบาธหรือแถวป้ายรถเมล์หน้าศูนย์การค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์การค้าที่มีแผงลอยมาตั้งกันแน่นๆ จะยิ่งมีคนมากินเหล้ากันเยอะมาก อย่างแถวพันธุ์ทิพย์ เวิลด์เทรด บิ๊กซีราชดำริ นี่แหละเยอะมากๆ ประมาณโดยสายตาน่าจะเป็นพวกหนุ่มพนักงานห้างพวกนี้แหละ พอห้างปิดก็นัดกันมานั่งกินเหล้ากันต่อ หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นก็มักจะมีคนมาอาศัยแสงสว่างจากร้าน มาตั้งวงเหล้ากินกันเกะกะไปทั่ว เดี๋ยวนี้สถานที่ตั้งวงเหล้าของชนชั้นล่าง ไม่ใช่ร้านส้มตำหน้าปั๊ม หรือร้านข้าวต้มแผงลอย หรือร้านคาราโอเกะไฟชมพูแล้วนะครับ วงเหล้ามันมาอยู่บนฟุตบาธ ข้างป้ายรถเมล์ หน้าร้านเซเว่น หน้าบ้านคนอื่น วินมอเตอร์ไซค์ และสถานที่สาธารณะทุกแห่ง ที่พอจะมีแสงไฟส่องสว่างนิดหน่อย ทุกครั้งที่ผมเดินผ่านแล้วเห็นพวกชนชั้นล่างมานั่งล้อมวงกินเหล้ากันบนฟุตบาธ ผมมองพวกเขาด้วยโกรธเกลียดและดูถูกดูแคลนเสียจริงๆ เลย ผมมองแบบนี้ตลอดมา มองแบบเดียวกับคนที่คิดก็อปปี้ "จน ... เครียด ... กินเหล้า" นั่นแหละ ป๊าเคยพูดว่าคนพวกนี้น่าสงสาร อย่าไปโกรธหรือไปดูถูกเขาไปกว่านี้เลย ผมไม่รู้ว่าจะทำตัวให้เป็นคนใจกว้างแบบป๊าได้อย่างไร

...

No comments: